พวกของเสิ่นเสี่ยวซันก็ได้มีการพิจารณากล่องไม้ใบนี้อย่างละเอียด แต่ว่า พวกเขาไม่สามารถดูรู้ว่ากล่องใบนี้มีความมหัศจรรย์อย่างไร
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ก็เพราะข้าไม่รู้ ดังนั้นจึงรู้สึกแปลกใจ น้อยเรื่องที่จะรอดจากนัยน์ตาทั้งสองของข้าไปได้ เวลานี้กลับมีสิ่งที่ข้าดูไม่รู้ แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่คู่ควรแก่การอยากได้รึ?”
เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เขายังเข้าใจว่า การที่หลี่ชิเย่ยึดมั่นต่อกล่องไม้ใบนี้คือมองเห็นเส้นสนกลในแล้ว แต่ว่า เถ้าแก่ร้านเฒ่าก็ไม่ไปพินิจพิเคราะห์คำพูดของหลี่ชิเย่ว่าจริงหรือเท็จ เวลานี้ กล่องไม้ใบนี้ได้เปลี่ยนมือไปแล้ว หาใช่เรื่องที่พวกเขาจะต้องไปพินิจพิเคราะห์ต่อไปอีก
“ท่านมีความรู้เต็มอก ยังคงใฝ่รู้ถึงเพียงนี้ นับว่าทำให้พวกเราที่เป็นมนุษย์ปุถุชนรู้สึกละอายนัก” เถ้าแก่ร้านเฒ่าแสดงคารวะแบบจีน กล่าวทอดถอนใจด้วยความจริงว่า “ถ้าหากท่านมุ่งไปทางบำเพ็ญเพียร อนาคตต้องประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น อนาคตไร้ขีดจำกัด”
คำพูดของเถ้าแก่ร้านเฒ่าหาใช้เป็นการประจบสอพลอเท่านั้น แต่ก็เป็นการออกจากใจโดยแท้จริง เขาในฐานะที่เป็นยอดฝีมือแห่งยุค รู้ตัวว่าด้านความรู้เทียบไม่ได้กับหลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจในตัวของหลี่ชิเย่หากมุ่งไปทางบำเพ็ญเพียร
“หนทางไร้ขอบเขต ยาวไกลและยากลำบากยิ่งนัก เรื่องของการบำเพ็ญเพียรไม่จำเป็นต้องรีบร้อนวันสองวันนี้” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มและกล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “การบำเพ็ญเพียรง่าย การรักษาจิตให้มั่นมันยาก เมื่อก้าวสู่วิถีแห่งความเพียร ทุกย่างก้าวคือการแกะสลัก ก้าวไปเจียระไนไป”
ครั้นเถ้าแก่ร้านเฒ่าได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับบังเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา และกล่าวว่า “คำพูดของท่านทำให้เบิกปัญญาขึ้นทันที หากท่านมีจิตปณิธานที่จะบำเพ็ญเพียร หากไม่รังเกียจล่ะก็ ข้ายินดีแนะนำให้ท่าน ตระกูลราชันฉีหลินเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย”
คำพูดของเถ้าแก่ร้านเฒ่าทำให้พวกสือโส่วที่อยู่ข้างๆ ถึงกับหวั่นไหวในใจบนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของตระกูลราชันฉีหลินแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนมากเท่าไรที่ต้องการเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลินแล้วไม่สำเร็จ
เฉกเช่นพวกของเสิ่นเสี่ยวซัน ถ้าหากพวกเขาสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของตระกูลราชันฉีหลินล่ะก็ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว มันคือหงส์บินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ ปลาหลีฮื้อกระโดดข้ามประตูมังกร ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงนับจากนี้เป็นต้นไปโดยไม่ต้องเปลืองแรง เป็นเรื่องที่เชิดชูวงศ์ตระกูล กล่าวสำหรับสำนักต้นไม้เหล็กพวกเขาแล้วคือสิ่งที่สุดยอดที่สุดเช่นกัน
เวลานี้ เถ้าแก่ร้านเฒ่าผู้นี้ถึงกับต้องการแนะนำให้หลี่ชิเย่เข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลิน อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับพวกเขาที่สุด ความคิดของอาจารย์พวกเขาคือต้องการให้หลี่ชิเย่เข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลิน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็สามารถเชื่อมสัมพันธ์ให้กับตระกูลราชันฉีหลินได้แล้ว
ขณะที่หลี่ชิเย่เวลานี้สามารถเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลินได้โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วคือข่าวดีที่สุดแน่นอน ดังนั้น เวลานี้พวกของเสิ่นเสี่ยวซันต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ รอคำตอบจากหลี่ชิเย่
เวลานี้พวกเขาเรียกได้ว่ามีอารมณ์ตื่นเต้นแทบอยากจะตอบรับแทนหลี่ชิเย่ เพราะเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง กล่าวสำหรับผู้คนส่วนใหญ่แล้ว นับเป็นเรื่องที่ปรารถนาอย่างที่สุดแล้ว
“สมัครเข้าเป็นศิษย์ตระกูลราชันฉีหลิน?”หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ หลี่ชิเย่ “ข้าไม่เคยคิดเรื่องกราบอาจารย์เพื่อศึกษาวิชา แม้เส้นทางจะไม่ง่ายนัก แต่ข้าก็สามารถสรรสร้างเส้นทางที่เป็นของตนได้”
หลี่ชิเย่กล่าวปฏิเสธคำเชิญของเถ้าแก่ร้านเฒ่าทันควัน พลันทำให้พวกของเสิ่นเสี่ยวซันอ้าปากค้าง พวกเขาเกือบจะกระโดดตัวลอยขึ้นมา กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การเข้าไปอยู่ในตระกูลราชันฉีหลินเป็นเรื่องทรงเกียรติยศเพียงใด ผู้คนจำนวนมากใฝ่ฝันจะให้ได้มาแต่ทำไม่ได้ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับปฏิเสธทันควัน
ในเวลานี้ พวกของสือโส่วอยากจะพูดอะไรออกมา อยากขอให้หลี่ชิเย่คิดให้รอบคอบใหม่อีกสักครั้ง แต่ว่า ที่ตรงนี้พวกเขาไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น
“ท่านเป็นผู้สูงส่ง ปณิธานของพญาอินทรีย์ พวกเราที่เป็นเพียงวิหคทั่วไปไหนเลยจะเข้าใจได้” เถ้าแก่ร้านเฒ่าดูจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ฝืนบังคับ
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมย โบกมือกับพวกเสิ่นเสี่ยวซันเบาๆ พวกเสิ่นเสี่ยวซันไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่ต้องการคุยอะไรกับเถ้าแก่ร้านเฒ่า แต่ว่า พวกเขายังคงล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เสิ่นเสี่ยวซันล่าถอยออกไปแล้ว หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่เถ้าแก่ร้านเฒ่า หัวเราะและกล่าวช้าๆ ว่า “การเข้าร่วมกับตระกูลราชันฉีหลินข้ากลับไม่มีความสนใจสักเท่าไร แต่ว่าเรื่องราวครั้งนั้นที่เกี่ยวกับการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามครั้งที่หก แล้วมีของสิ่งหนึ่งที่บินเข้าไปในตระกูลราชันฉีหลิน ข้ากลับมีความสนใจในสิ่งนี้อยู่บ้าง”
“ท่าน” สีหน้าของเถ้าแก่ร้านเฒ่าเปลี่ยนไปมาก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ลุกขึ้นพรวดและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาทั้งสองส่งประกายแวบวับที่น่ากลัวออกมา จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ในเวลานี้
ขณะที่ดวงตาทั้งสองของเถ้าแก่ร้านเฒ่าส่งประกายแวบวับที่น่ากลัวออกมานั้น แววตาของเขาน่ากลัวยิ่งนัก แววตาเปี่ยมด้วยปณิธานการฆ่า
อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นท่าทีเฉยเมย กล่าวเรียบเฉยว่า “เถ้าแก่ ไม่ต้องบังเกิดความคิดจะฆ่าข้า ที่ข้ากล้านั่งอยู่ที่ตรงนี้ของเจ้า กล้าสอบถามเรื่องนี้ เพราะข้าไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดอยู่แล้ว หากไม่เห็นแก่เถ้าแก่ที่มีท่าทีเคารพนอบน้อมล่ะก็ เกรงว่าข้าสามารถสังหารเจ้าเดี๋ยวนี้ได้เลย”
เถ้าแก่ร้านเฒ่าจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง นั่งลงที่เดิมอีกครั้ง
หลังจากที่เถ้าแก่ร้านเฒ่านั่งลงเรียบร้อยแล้ว โค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวช้าๆ ขึ้นมาว่า “ท่าน เรื่องนี้เป็นความลับ ท่านไปได้ข่าวมาจากไหนกัน”
เรื่องนี้ถือเป็นความลับของตระกูลราชันฉีหลิน เฉกเช่นเขาที่อยู่ในระดับบรรพบุรุษแม้จะไม่ใช่ศิษย์สายตรงของตระกูลราชันฉีหลิน แต่ว่าเขาก็มีตำแหน่งที่สูงมากในตระกูลราชันฉีหลิน แต่ว่าเรื่องนี้เขาก็รับรู้น้อยมากถึงน้อยที่สุด รู้มาแค่ผิวเผินเท่านั้นเอง
“ดูท่าเป็นเช่นนี้จริง ครั้งนั้นได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นจริงๆ” คำพูดของเถ้าแก่ร้านเฒ่าเป็นการยืนยันสิ่งที่หลี่ชิเย่คาดเดาอยู่ในใจ เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ ท่าทางดูสลดอยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...