พวกสือโส่วต่างมองดูตาค้างกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเวลานี้
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเถ้าแก่ร้านเฒ่าผู้นี้ให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่แค่ไหน เวลานี้ เถ้าแก่ร้านเฒ่าถึงกับนำถ้วยหยกใบนั้นที่มีราคาไม่น้อยมอบให้กับหลี่ชิเย่เสียอย่างนี้แหละ นับว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
ควรจะทราบว่า ถ้วยหยกใบนี้อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้สำนักต้นไม้เหล็กขายสำนักทุ่มเงินทั้งหมดที่มีก็ซื้อมันไม่ได้ เวลานี้เถ้าแก่ร้านเฒ่ากลับมอบให้เปล่าโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ลักษณะของเจ้าบุญทุ่มเช่นนี้หาใช่สิ่งที่สำนักขนาดเล็กอย่างพวกเขาสามารถจินตนาการได้
หลี่ชิเย่รับเอาถ้วยหยกใบนี้มามองดูแวบหนึ่ง จากนั้นปล่อยหลุดมือ “แพล้งก์” ถ้วยหยกใบนี้กระทบกับพื้นจนแหลกละเอียดเกลื่อนพื้นไปหมด
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันทำทุกคนงงงันยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น ยิ่งพวกของเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้โดยสิ้นเชิง
กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว ถ้วยหยกใบนี้ราคาสูงลิบลิ่ว ถ้าหากพวกเขาสามารถได้ครอบครองถ้วยหยกใบนี้ล่ะก็ พวกเขาต้องนำขึ้นหิ้งบูชาแน่นอน กระทั่งอาจกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขาก็เป็นได้
เวลานี้ หลังจากหลี่ชิเย่ได้รับมาแล้ว เพียงโยนทิ้งไปตามอารมณ์เท่านั้น พลันทำให้มันต้องแตกละเอียดไป คำว่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยคงไม่เกินเลยไปกว่านี้อีกแล้ว
หลี่ชิเย่มองดูหยกที่แตกกระจายบนพื้น ส่ายหน้า และกล่าวต่อเถ้าแก่ร้านเฒ่าว่า “ถ้วยหยกใบนี้ไม่เลวนัก เสียดายไม่ใช่ผลงานที่กูโส่วตั้งอกตั้งใจทำขึ้นมา”
ความจริงแล้ว ขณะที่หลี่ชิเย่มองเห็นถ้วยหยกใบนี้เขาได้นึกถึงคนๆ หนึ่ง คนผู้นี้เวลาหลอมสร้างของวิเศษชื่นชอบที่จะทำอะไรที่เหนือความคาดคิด ถ้าหากของวิเศษชิ้นไหนเขาทำขึ้นมาด้วยความตั้งอกตั้งใจล่ะก็ รับรองได้ว่าจะต้องมีอะไรที่สร้างความตื่นเต้นแปลกใจแน่นอน แต่หากว่าเขาแค่ทำไปตามอารมณ์ ของวิเศษชิ้นนั้นก็จะออกมาในลักษณะมาตรฐานปรกติเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง หลี่ชิเย่จึงไม่ตื่นเต้นอะไรกับการทำลายถ้วยหยกใบนี้ทิ้งไป และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกไม่มีอารมณ์
“ท่านมีความรู้สูงส่งยิ่งนัก ถึงกับดูออกว่าเป็นผลงานยอดเยี่ยมของกูโส่ว” เถ้าแก่ร้านเฒ่ารู้สึกตกใจ กล่าวพร้อมกับโค้งศีรษะคำนับ
ในเวลานี้ สีหน้าของรัชทายาทเทียนหวงดูไม่จืดถึงขีดสุด เขาถึงกับกัดฟันกรอด ท่ามกลาง
ธารกำนัลทำให้เขาหาทางลงไม่ได้
เดิมทีเขาต้องการทุ่มเงินเพื่อซื้อถ้วยหยกใบนี้ไปมอบให้กับพี่สาวของเขา เมื่อซื้อไม่ได้ก็แล้วกันไป แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับทำลายถ้วยหยกใบนี้จนแหลกละเอียดไปต่อหน้าต่อตาเขา เท่ากับเป็นการนำเอาถ้วยหยกใบนี้ทุบเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง ความอัปยศเช่นนี้จะให้เขากล้ำกลืนไปได้อย่างไรกัน
แน่นนอน หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะสนใจเขา กระทั่งขี้คร้านแม้แต่จะมองหน้าเขาสักครั้งด้วยซ้ำ
“ขอเชิญท่านไปคุยกันที่ห้องโถงด้านในจะดีไหม?” เถ้าแก่ร้านเฒ่ากล่าวเชื้อเชิญหลี่ชิเย่ พร้อมมอบให้พนักงานในร้านคอยต้อนรับพวกของรัชทายาทเทียนหวง
แน่นอน กล่าวสำหรับเถ้าแก่ร้านเฒ่าแล้ว ต่อให้ต้องล่วงเกินรัชทายาทเทียนหวงก็ไม่ใช่ปัญหา หรือต่อให้เป็นกษัตริย์เทียนหวง ผู้เป็นบิดาของรัชทายาทเทียนหวงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้นเอง
“เอาเถอะ” หลี่ชิเย่หยักหน้า และกล่าวว่า “ไปนั่งสักหน่อยก็แล้วกัน”
เถ้าแก่ร้านเฒ่ารีบนำทางให้กับหลี่ชิเย่ และให้การต้อนรับด้วยตนเอง แม้แต่ระดับเจ้าสำนัก หรือกษัตริย์ของแคว้นก็ไม่มีคุณสมบัติพอให้เขาต้องมาต้อนรับ เวลานี้เขากลับมาให้การต้อนรับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง
ภายในห้องโถงด้านใน เถ้าแก่ร้านเฒ่าจัดการต้มชาอย่างดีให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง เรียกได้ว่าให้ความอบอุ่นยิ่งนัก
ท่าทีของหลี่ชิเย่อย่างไรก็ได้ นั่งจิบน้ำชาเลิศรสอย่างสบายอารมณ์ ท่าทีของเขาเหมือนถือว่าที่นี่เป็นบ้านของเขาเองอย่างนั้น สุดแต่ใจปรารถนา
สำหรับพวกของเสิ่นเสี่ยวซันสามคนเรียกว่ายังไม่ได้สติกลับมาโดยสมบูรณ์ พวกเขาดูจะงงงันอยู่ เรื่องนี้เกิดขึ้นรวดเร็วและกะทันหันเหลือเกิน ในเวลานี้พวกเขายังรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่หมด
“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?” เถ้าแก่ร้านเฒ่าให้การต้อนรับหลี่ชิเย่อย่างอบอุ่น และไม่ขาดตกบกพร่องในด้านการให้ความเคารพ
แม้ว่าทักษะของหลี่ชิเย่จะอ่อนด้อยจนถือได้ว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่จังหวะที่หลี่ชิเย่ลงมือในชั่วพริบตาเดียวนั้น เขาก็รู้แล้วว่าหลี่ชิเย่ไม่ธรรมดา ที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขามีเรื่องต้องอาศัยหลี่ชิเย่
“หลี่ชิเย่ บอกไปเจ้าก็ไม่รู้จัก” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาไปคำหนึ่ง ยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
เถ้าแก่ร้านเฒ่าย่อมไม่เคยได้ยินชื่อของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว แต่ว่า เขาเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จึงยิ้มกล่าวว่า “ท่านคือมังกรแท้จริงที่เหินอยู่บนท้องฟ้า อยู่ท่ามกลางเมฆหมอก มังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง พวกเราที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่ทราบชื่อของท่าน เป็นเพราะพวกเราความรู้ตื้นเขินเท่านั้นเอง”
ในเวลานี้ สือโส่วและเฮ่อเฉินถึงกับมองหน้ากันและกัน พวกเขาไม่อาจหาคำๆ ใดมาเปรียบเปรยกับสภาพจิตใจของตนในขณะนี้ ต่อให้พวกเขาดูไม่ออกว่าทักษะของเถ้าแก่ร้านเฒ่าตื้นลึกแค่ไหน แต่ทว่า หากวันหนึ่งเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอย่างเถ้าแก่ร้านเฒ่าสามารถเดินทางไปที่สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาล่ะก็ นับเป็นเรื่องที่หาไม่ได้อีกแล้ว กระทั่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้คนในสำนักต้นไม้เหล็กทั้งหมดต้องมาคุกเข่าให้การต้อนรับ
เวลานี้ ผู้ยิ่งใหญ่ลักษณะเช่นนี้กลับจะต้องถ่อมตนอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ช่างเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวเพียงใดกันเล่า
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มไปตามอารมณ์สำหรับคำพูดของเถ้าแก่ร้านเฒ่า เขานั่งอย่างสบายอยู่ตรงนั้น จิบน้ำชากันไป ขณะที่เถ้าแก่ร้านเฒ่าคอยปรนนิบัติด้วยความเคารพอยู่ด้านข้าง
“ข้ากลับจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง พิณหลังนี้ของตระกูลราชันฉีหลินหลุดออกมาได้อย่างไร” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้จิบน้ำชาไปครู่หนึ่งได้กล่าวท่าทีเฉยเมยออกมา
ภายในใจของพวกเสิ่นเสี่ยวซันถึงกับสะเทือนหวั่นไหว พวกเขานึกไม่ถึงว่าพิณเรียกหงส์ถึงกับหลุดออกมาจากตระกูลราชันฉีหลิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...