หากเปลี่ยนเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอื่นๆ ต่อให้จับรัชทายาทเทียนหวงมัดอยู่ตรงหน้าให้เขาฆ่า เกรงว่าคงไม่มีมนุษย์ปุถุชนคนใดกล้าลงมือ แต่เวลานี้ มนุษย์ปุถุชนธรรมดา ผู้นี้กลับจัดการสังหารรัชทายาทเทียนหวงโดยไม่ลังเลอะไรเลย แถมยังเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนฆ่าเป็ดฆ่าไก่ไปตัวหนึ่งอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลานี้มีบางคนถึงกับหนาวสะท้านขนลุกซู่ในใจ มีความรู้สึกว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนนี้ที่มีวิชาต่ำต้อยจนสามารถมองข้ามไปได้คนนี้คือคนฆ่าสัตว์คนหนึ่ง มือคู่นั้นของเขาไม่รู้ว่าเปื้อนเลือดมาแล้วเท่าไร
สำหรับพวกเสิ่นเสี่ยวซัน สามคนถึงกับอ้าปากค้าง ถูกทำให้หวั่นไหวจนพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
กล่าวสำหรับพวกเขา ปรกติแล้วเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะรัชทายาทเทียนหวงนั้น คือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงส่ง สำนักขนาดเล็กเช่นพวกเขาทำได้แค่แหงนมองพวกเขาเหล่านี้ ภายในใจของพวกเสิ่นเสี่ยวซันเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรงสำหรับผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ เนื่องจากผู้ดำรงในสถานะเช่นนี้แค่อาศัยนิ้วเดียวก็สามารถสังหารพวกเขาได้แล้ว
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับจัดการสังหารรัชทายาทเทียนหวงด้วยการตรึงเอาไว้บนโต๊ะพนันเป็นๆ การได้มองเห็นภาพเช่นนี้กับตาตนเอง ช่างเป็นสิ่งที่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของพวกเขาเพียงใด
“เฮ่อ ใยต้องทำเช่นนี้เล่า” เสิ่นเหล่าลิ่วปราบมือหัวเราะร่า จากนั้นมุดปะปนเข้าไปในฝูงชนแล้วหายตัวไป
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่งกับพฤติกรรมของเซิ่นเหล่าลิ่วเท่านั้น เขาขี้คร้านจะไปจ้องมองศพของรัชทายาทเทียนหวงอีกสักครั้งด้วยซ้ำ กล่าวเฉยเมยว่า “เหยื่อลักษณะนี้ไม่พอให้ข้าอุดขี้ฟันด้วยซ้ำ” พูดจบหันหลังจากไปทันที
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้ผู้คนบังเกิดความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย หรือบางทีรัชทายาทเทียนหวงถูกคนเขาจับจ้องเอาไว้แต่แรกแล้ว เขาได้กลายเป็นเหยื่อในสายตาของผู้อื่นแต่แรกอยู่แล้ว
ขณะที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาผู้นี้ที่จับจ้องรัชทายาทเทียนหวงเอาไว้นั้น ไม่เพียงต้องการรีดเอาทุกสิ่งทุกอย่างบนตัวของเขาจนหยดสุดท้ายเท่านั้น ทั้งยังต้องการกลืนกินตัวเขาเป็นๆ อีกด้วย
เมื่อนึกถึงความน่าจะเป็นข้อนี้แล้ว ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับสั่นเทา ในสายตาของผู้คนจำนวนไม่น้อยมองว่า มนุษย์ปุถุชนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์ดุร้ายที่อ้าปากกลืนกินผู้คนได้ทุกเวลา ทั้งยังเป็นสัตว์ดุดร้ายที่กัดกินจนไม่เหลือซากอีกด้วย
กรณีของรัชทายาทเทียนหวงก็คือตัวอย่างสดๆ รัชทายาทเทียนหวงไม่เพียงต้องสูญเสียชีวิตเท่านั้น ยังถูกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตรงหน้าผู้นี้รีดเอาของวิเศษและเงินทองทั้งหมดจนแห้ง!
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต้องตัวสั่นเหมือนดั่งลูกนก มนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าไม่เพียงเป็นแค่ผู้ชำนาญการศิลาคนหนึ่งเท่านั้น!
“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร” จังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังเดินจากไป ระดับบรรพบุรุษของร้านศิลาได้โผล่หน้าออกมา เอ่ยถามด้วยท่าทีที่เกรงใจและให้ความเคารพออกมา
“คนโหดอันดับหนึ่ง หลี่ชิเย่” หลี่ชิเย่แจ้งชื่อและฉายาของตน แล้วหายไปนอกประตู
เมื่อพวกของเสิ่นเสี่ยวซันได้สติกลับมา พวกเขารีบเร่งติดตามขึ้นไปให้ทัน และก้าวตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้แจ้งชื่อ และฉายา คนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่ออกมาแล้ว หลายคนพยายามคิดเท่าไรก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน พวกเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าคนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่คือใครอยู่แล้ว
หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากเมืองประจิมแล้วก็ไม่ได้แวะไปเที่ยวต่อ เนื่องจากในเมื่อประจิมไม่มีสิ่งใดสามารถเข้าตาของเขาอีกแล้ว
พวกของเสิ่นเสี่ยวซันติดตามหลี่ชิเย่กลับไปถึงยังโรงเตี้ยม ตลอดทางที่เดินกลับมา พวกเสิ่นเสี่ยวซัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ แม้แต่เฮ่อเฉินที่ก่อนหน้านั้นมีอารมณ์อยู่บ้างก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา เขาเดินก้มหน้าต่ำมากๆ
หลังจากกลับไปถึงโรงเตี้ยมแล้ว หลี่ชิเย่ได้นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าเตียง ขับเคลื่อนเคล็ดวิชา รับเอากลิ่นอายขมุกขมัว และพลังของโลกดึกดำบรรพ์เข้าไป จากการที่กลิ่นอายขมุกขมัวตลบอบอวล ทำให้กลิ่นอายขมุกขมัวภายในลัคนาของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะได้หนึ่งพันลิตรแล้ว ขอเพียงเติมเต็มกลิ่นอายขมุกขมัวครบหนึ่งพันลิตร เขาจะทะลุทะลวงคอขวดของระดับธุลีสัจธรรม เข้าสู่ตะนอยสัจธรรม
“แว้งค์” ในที่สุดหลี่ชิเย่ก็ได้ผ่อนกลิ่นอายขมุกขมัวเข้าออกจนสามารถสะสมกลิ่นอายขมุกขมัวจนครบหนึ่งพันลิตร ฉับพลันนั้น ทำให้เข้าทะลุระดับธุลีสัจธรรมขึ้นไปสู่ระดับตะนอยสัจธรรม
ขณะที่หลี่ชิเย่ทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นลัคนาทั้งสิบสามของเข้า หรือว่าร่างกายของเขา ถึงกับเริ่มเปล่งประกายจางๆ ออกมา
หลังการต่อสู้กับพวกของซื่อตี้ ปรากฏว่าหลี่ชิเย่ตายอนาถ แม้ว่ารอยประทับมรณะจะช่วยให้เขาคืนชีพขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องจากพวกของราชันซื่อตี้แข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเขาได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อหลี่ชิเย่เหนือกว่าคนอื่นๆ ชนิดไม่เห็นฝุ่น ดังนั้นต่อให้รอยประทับมรณะได้ย้อนคืนสิบสามลัคนา และสี่ยอดกายเซียนของหลี่ชิเย่ได้ แต่ว่าทักษะยุทธทั้งหมดของหลี่ชิเย่ถูกทำลาย ทำให้พลังวัตรของเขาสลายไปจนสิ้น
แม้ว่าสิบสามลัคนาและสี่ยอดกายเซียนยังคงอยู่ แต่ปราศจากพลังคอยเกื้อหนุน ทำให้หลี่ชิเย่ยากที่จะสำแดงฝีมือที่ปราศจากผู้ต่อกรออกมา
แต่ว่าจากการที่หลี่ชิเย่เริ่มต้นฝึกขึ้นมาใหม่ จากการที่เขาผ่อนกลิ่นอายขมุกขมัวเข้าออก พลังของโลกยุคดึกดำบรรพ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สิบสามลัคนา และสี่ยอดกายเซียนค่อยๆ ฟื้นคืน
หลังจากทะลวงผ่านระดับธุลีสัจธรรม ทำให้หลี่ชิเย่ก้าวเข้าสู่ตะนอยสัจธรรม ซึ่งตะนอยสัจธรรมนี้ร้องการกลิ่นอายขมุกขมัวจำนวนห้าพันลิตร ถ้าหากหลี่ชิเย่ สามารถครอบครองกลิ่นอายขมุกขมัวได้ห้าพันลิตรแล้ว เขาก็จะสามารถทะลุผ่านจุดที่เป็นคอขวดของตะนอยสัจธรรมเข้าสู่กิมิชาติสัจธรรม
หลี่ชิเย่ยังคงผ่อนเข้าออกกลิ่นอายขมุกขมัว ควบคุมพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ รับรู้ถึงการเต้นของชีพจรฟ้าดิน เหมือนว่าตัวเขากับฟ้าดินได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ด้านนอกปรากฏเสียงเคาะประตู “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ดังขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...