ชาติกำเนิดของเซิ่นเหล่าลิ่วนั้นไม่ธรรมดา ในอดีตเขาเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์มาก่อน เพียงแต่ล้วนแล้วแต่เป็นตำนานเล่าลือที่เลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานอ้างอิงใดๆ กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นการปั้นน้ำเป็นตัว
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าจะเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เซิ่นเหล่าลิ่วมีท่าทีที่สงสัยถึงการดำรงอยู่จริงของที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์นี้มาโดยตลอด
หลังจากที่เซิ่นเหล่าลิ่วได้สติกลับมาแล้วจึงถามว่า “ที่สุดของชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชุดนี้อยู่ในมือของใคร? หรือจะเป็นความจริงตามที่เล่าลือกันในตำนานอย่างนั้น มีเพียงจอมราชันและเซียนหวังที่ยอดเยี่ยมที่สุดจึงมีสิทธิ์ได้ครอบครองมันรึ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ กระทั่งถึงตอนนี้ ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ชุดนี้นับว่าเป็นหนึ่งในชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ที่สุดยอดที่สุด การจะได้มาซึ่งชุดตัวอ่อนนี้ไม่ง่ายนัก เป็นการทดสอบปณิธานที่แน่วแน่และจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของคนๆ หนึ่ง ครั้งนั้น ผู้ที่สามารถได้ครอบครองชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชิ้นนี้ก็เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ในครั้งนั้น บางทีก็อาจจะมีเพียงจอมราชันที่เป็นปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมเช่นเขาเท่านั้น ที่สามารถได้ครอบครองชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชิ้นนี้” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย
“เป็นราชันปราชญ์ที่ได้รับชุดตัวอ่อนชั้นคุณภาพขาวบริสุทธิ์ชุดนี้ไปจริงๆ!” เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้ยินคำพูดี่มั่นใจขนาดนี้ถึงกระโดดตัวลอย และกล่าวว่า “ตำนานที่เลื่อนลอยกลับเป็นเรื่องจริง! เป็นความจริงที่ราชันปราชญ์เป็นผู้ครอบครองที่สุดของชุดตัวอ่อนชุดนี้!”
ในเวลานี้ เซิ่นเหล่าลิ่วเองก็ต้องตกใจยิ่งกับการยืนยันเช่นนี้ ครั้งนั้นเคยมีตำนานเช่นนี้จริงๆ แต่ว่า ตำนานในลักษณะนี้มันดูเลื่อนลอย ไม่มีสิ่งใดพอที่จะยืนยันในสิ่งนี้ได้เลย ดังนั้น เซิ่นเหล่าลิ่วจึงมองเรื่องนี้ด้วยท่าทีที่สงสัยมาโดยตลอด
“ราชันปราชญ์นับเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมากโดยแท้” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“นั่นสิ ราชันปราชญ์เป็นจอมราชันที่ได้รับการเคารพนับถือของชนรุ่นหลัง” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับบังเกิดความนับถือขึ้นมาและกล่าวว่า “ไม่รู้ว่ามีจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนของเก้าแดนที่ให้ความเคารพต่อราชันปราชญ์อยู่สามส่วนเลยนะ”
ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังหรือราชันเซียนเก้าแดน ขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าราชันก็นับว่าสุดยอดมากแล้วหละ หากเพิ่มคำว่า “ปราชญ์” เข้าไปอีก มันช่างเป็นความสุดยอดเพียงใด เป็นอะไรที่ยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า
เมื่อมีการเอ่ยถึงฉายา “ราชันปราชญ์” ในสิบสามทวีปจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือราชันปราชญ์! และมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถรับกับฉายาเช่นนี้ได้ มีเพียงฉายาราชันเช่นนี้ของเขาที่ได้รับการยอมรับจากจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนเป็นจำนวนมาก
ตัวของราชันปราชญ์ใช่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเพียงใด และใช่ว่าเขาเป็นผุ้มีชะตาฟ้ากี่สาย ตรงกันข้าม ในบรรดาอมราชันนั้น ราชันปราชญ์เป็นหนึ่งในจอมราชันที่มีชะตาฟ้าในครอบครองน้อยที่สุด แต่ว่า แม้ชะตาฟ้าที่ราชันปราชญ์ได้ครอบครองจะน้อยมาก แต่เขายังคงมีค่าพอที่จะได้รับการเคารพนับถือจากบรรดาจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดน
ขณะราชันปราชญ์อายุยังน้องนั้น สติปัญญาของเขาแย่มาก กระทั่งสามารถเรียกได้ว่าโง่เขลายิ่งนัก กระทั่งเรียกเขาว่าเป็นไอ้โง่ก็ไม่นับว่าเกินเลยไป
ราชันปราชญ์เริ่มฝึกตั้งแต่ยังเด็ก แต่กว่าจะทะลุเลื่อนระดับขึ้นจากธุลีสัจธรรมก็ปาเข้าไปตอนอายุหนึ่งร้อยปี เรียกว่าใช้เวลาไปถึงหนึ่งร้อยปีถึงจะผ่านระดับธุลีสัจธรรมไปได้ ลองนึกภาพดูว่าถึงขนาดไหน
เป็นที่ทราบกันดีว่า ระดับธุลีสัจธรรมคือลำดับขั้นการฝึกที่ต่ำที่สุดของสิบสามทวีป กลุ่มของดาวรุ่งใช้เวลาเพียงสองถึงสามวันก็ทะลุผ่านระดับนี้ได้แล้ว หากผู้บำเพ็ญตนที่มีสติปัญญาต่ำ หรือแย่ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีก็ต้องก้าวข้ามระดับนี้ไปได้อย่างแน่นอน
กระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ถูกตราหน้าว่าโง่เขลาจนสุดเปรียบเปรย ถ้าหากให้เวลาเขายี่สิบถึงสามสิบปีไปฝึกฝน มนุษย์ปุถุชนเช่นนี้ก็สามารถทะลุผ่านระดับธุลีสัจธรรมไปได้
อย่างไรก็ตาม ราชันปราชญ์เริ่มฝึกมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีชาติกำเนิดเป็นสำนักเจ้าลัทธิ แต่กลับใช้เวลาในการฝึกถึงหนึ่งร้อยปีเต็มจึงก้าวข้ามระดับธุลีสัจธรรมไปได้ ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออะไรปานนั้น
ดังนั้น ขณะที่ราชันปราชญ์ในวัยหนุ่ม ผู้อาวุโสต่างรู้สึกสิ้นหวังในตัวของเขา ต่างรู้สึกว่าตัวเขาเปรียบเสมือนเป็นไม้ผุที่ไม่สามารถนำมาแกะสลักเป็นชิ้นงานได้
แต่ว่า ราชันปราชญ์ยังคงยืนหยัดต่อไป เขาก้าวไปทีละก้าวๆ ค่อยๆ ก้าวไปอย่างเชื่องช้าโดยลำพัง
หากจะกล่าวว่า การที่ราชันปราชญ์ใช้เวลาในการฝึกถึงหนึ่งร้อยปีจึงทะลุข้ามระดับธุลีสัจธรรมไปได้นั้น เป็นการสร้างความมหัศจรรย์ของจอมราชันและเซียนหวังล่ะก็ เช่นนั้นแล้วอีกหนึ่งมหัศจรรย์ของราชันปราชญ์ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีจอมราชันหรือเซียนหวังคนใดสามารถทำลายได้
ชั่วชีวิตของราชันปราชญ์ได้บุกเบิกสร้างลัคนาเอาไว้เพียงสามลัคนาเท่านั้น! ถือเป็นที่มีจำนวนลัคนาน้อยที่สุดในบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมด!
ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดทั่วหล้าต่างเข้าใจในเหตุผลที่ว่า ยิ่งมีจำนวนลัคนามากเท่าไร เท่ากับเป็นการบ่งบอกว่ามีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น หนึ่งลัคนาสามารถรองรับชะตาฟ้าได้หนึ่งสาย การที่จอมราชันเซียนหวังมีจำนวนลัคนาสิบสองลัคนาในครอบครองถือเป็นจำนวนสูงสุด
แม้ว่าใช่จะจอมราชันเซียนหวังทุกองค์จะต้องมีสิบสองลัคนาในครอบครอง และหาใช่จะต้องเป็นผู้ที่มีสิบสองลัคนาในครอบครองจึงสามารถเป็นจอมราชันเซียนหวังได้ ความจริงแล้ว ก็เคยมีดาวรุ่งที่ได้ครอบครองสอบสองลัคนา แต่จนแล้วจนรอดชั่วชีวิตของเขาก็ไม่สามารถเป็นจอมราชันเซียนหวังได้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้ว จอมราชันเซียนหวังที่สามารถสืบทอดชะตาฟ้า กลายเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า พวกเขาก็จะมีจำนวนลัคนาหก หรือมากกว่าหกทั้งสิ้น กระทั่งมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยที่มีลัคนาจำนวนเก้าหรือสิบลัคนาในครอบครอง
กล่าวได้ว่า นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา ผู้ที่มีเพียงสามลัคนาแล้วได้เป็นจอมราชันมีราชันปราชญ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญตนของสิบสามทวีปหากฝึกฝนไปเรื่อยๆ เมื่อก้าวไปถึงระดับทิพยสัจธรรมแล้ว ชั่วชีวิตของผู้บำเพ็ญตนผู้นั้นจะมีโอกาสบุกเบิกสร้างลัคนาได้สามครั้ง หรือก็คือเมื่อผู้นั้นมีความสามารถอยู่ในระดับทิพยสัจธรรมขึ้นไปแล้ว อย่างน้อยต้องมีลัคนาสามลัคนาในครอบครอง
ขณะที่ชั่วชีวิตของราชันปราชญ์สามารถลร้างลัคนาได้เพียงสามลัคนาเท่านั้น เป็นการบ่งบอกว่าการสร้างลัคนาทุกครั้งของเขาล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขายังคงสามารถสร้างได้เป็นผลสำเร็จจนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...