ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1791

ตอนที่ 1791 ที่สุดของชุดตัวอ่อน
ครั้นเถี่ยซู่องได้ยินคำพูดก่อนไปจากของหลี่เทียนเหาแล้วถึงกับหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง ถึงกับจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือกังวลดี

ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้ตระกูลราชันฉีหลินจะจัดให้มีการทดสอบขึ้นมา ในวันที่มีการทดสอบจะจัดกำลังคุ้มกันอย่างเข้มงวดภายในเขตของฉีหลิน และจะมีระดับผู้ยิ่งใหญ่คอยอำนวยการจัดงานในครั้งนี้

เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้สร้างสถานการณ์ใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา ด้วยการเป็นศัตรูกับสำนักขนาดใหญ่มากมายที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน เกิดตระกูลขุนนางโบราณหนานหยาง และสำนักเจอเย่อพวกเขาไปสุมเพลิงต่อหน้าตระกูลราชันฉีหลินขึ้นมา ไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ชิเย่มีศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น ยังพลอยทำให้สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาต้องกลายเป็นเถ้าธุลีอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เถี่ยซู่องรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เวลานี้เขาไม่รู้ว่าการติดตามหลี่ชิเย่จะเป็นความโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ แต่ในขณะนี้สำนักต้นไม้เหล็กก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นโชคร้ายหรือโชคดีก็ตาม สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขาก็ได้เดิมพันเอาไว้บนตัวของหลี่ชิเย่จนหมดแล้ว

“นายท่าน เดินทางปลอดภัย ไม่ส่งหล่ะนะ” เทียบกับเถี่ยซู่องที่อกสั่นขวัญแขวนแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วกลับดูผ่อนคลายยิ่งนัก ขณะที่พวกของหลี่เทียนเหาเดินจากไปไกล เขายังคงร้องทักทายด้วยเสียงอันดังออกไป

ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จึงได้มองดูเซิ่นเหล่าลิ่วอย่างเชื่องช้าหลังจากที่พวกของหลี่เทียนเหาเดินจากไปแล้ว กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ทำไมเจ้าถึงได้มาที่แดนอาถรรพ์เทพกำแหงได้?”

“เหอะ เหอะ เหอะ ท่าน ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้าน้อยไม่ได้ติดตามท่านมา” แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่เฉยเมยเท่านั้น แต่เซิ่นเหล่าลิ่วกลับรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทันที เขารีบกล่าวว่า “เหอะ เหอะ เหอะ ข้าน้อยแค่ต้องการมาได้ประโยชน์บ้างโดยไม่ต้องลงทุน ก็ที่นี่ไม่ใช่รึที่เล่าลือกันว่าเป็นสถานที่ที่เทพกำแหงถูกสังหาร แหะ แหะ แหะ ฟังว่าครั้งนั้นศพของเทพกำแหงหายไปโดยไร้ร่องรอย ดังนั้น วันนี้ข้าจึงต้องการมาเผื่อได้โชคก้อนใหญ่ ไม่นึกเลยว่าจะมาพบท่านที่นี่”

“เอาเถอะ ข้ากำลังขาดผู้ที่จะมาใช้งานพอดีเลย เจ้ามาก็ดีแล้ว” หลี่ชิเย่ไม่ใส่ใจ โบกมือเบาๆ

“ขอเพียงท่านมีสิ่งใดที่ให้ข้าน้อยรับใช้ สั่งการมาได้เลย” เมื่อได้ยินว่าหลี่ชิเย่ต้องการใช้ตน เขาพลันมีแววตาที่เป็นประกาย สุกใสมากกว่าการได้เห็นทรัพย์สินเงินทองเสียอีก ทำท่าถูมือไปมาทันที และกล่าวด้วยความดีใจ

ตัวของเซิ่นเหล่าลิ่วมีประวัติความเป็นมาที่น่ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังมีความรู้ประสบการณ์กว้างขวาง ยอดฝีมือโดยทั่วไป ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่หลี่ชิเย่กลับแตกต่างกัน มีเพียงเซิ่นเหล่าลิ่วเองที่เข้าใจภายในใจว่า เฉกเช่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างหลี่ชิเย่นั้นสูงเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง ถ้าหากสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หละก็ จะได้รับประโยชน์ไม่มีสิ้นสุดไปชั่วชีวิต!

แม้ว่าเซิ่นเหล่าลิ่วจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นหลี่ชิเย่จึงได้ปรากฎตัวในโลกมนุษย์ในฐานะของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่กล้าเอ่ยถาม แต่เซิ่นเหล่าลิ่วเข้าใจว่ายุคสมัยในอนาคตจะต้องมีเรื่องราวที่สะเทือนฟ้าอย่างแน่นอน

นี่แหละคือหนึ่งในเหตุผลที่เซิ่นเหล่าลิ่วตัดสินใจขั้นเด็ดขาดที่จะติดตามหลี่ชิเย่ ลางสังหรณ์บอกเขาว่า การติดตามหลี่ชิเย่รับรองว่าจะต้องเป็นการตัดสินใจเลือกที่ถูกต้องมากที่สุดในชีวิต และลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาดมาก่อน

“ตามมา” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มตามใจนิดหนึ่งกับท่าทีที่แสดงออกถึงความดีใจนั่น ออกเดินทางต่อไป

หลี่ชิเย่นำพาพวกเซิ่นเหล่าลิ่วมุ่งไปข้างหน้าต่อไป หลี่ชิเย่ได้ทำการสำรวจตรวจสอบพื้นที่ของแดนอาถรรพ์เทพกำแหงพักหนึ่ง สุดท้าย สายตาของเขาได้ไปหยุดอยู่ที่เป้าหมายซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในแดนอาถรรพ์เทพกำแหง

“พวกเจ้าออกไปก่อน ไปรอข้าด้านนอกบริเวณยอดเขามองสิ่งศักดิ์สิทธิ์” หลี่ชิเย่สั่งการต่อพวกของเถี่ยซู่อง และจ้องมองไปยังบริเวณส่วนที่ลึกเข้าไปภายในแดนอาถรรพ์เทพกำแหง เขาเตรียมจะเข้าไปภายในบริเวณส่วนลึกของแดนอาถรรพ์เทพกำแหง

พวกของเถี่ยซู่องไม่กล้าพูดอะไร แสดงความคารวะอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ ก่อนจาก เสิ่นเสี่ยวซันได้เอ่ยขึ้นเบาๆ ข้างกายหลี่ชิเย่ว่า “รักษาตัวด้วย ท่านต้องระวังตัวนิดหนึ่ง” จากนั้น ค่อยติดตามพวกของเถี่ยซู่องจากไป

“ไปเถอะ เข้าไปดูกัน ที่สมควรปรากฏก็ต้องปรากฏออกมา พื้นที่แห่งนี้เงียบสงัดมาเป็นเวลานานมากแล้ว สมควรได้เวลาถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้งได้แล้ว” หลี่ชิเย่สั่งการต่อเซิ่นเหล่าลิ่ว

เซิ่นเหล่าลิ่วไม่พูดอะไรให้มากความติดตามหลี่ชิเย่เข้าไปทันที กระทั่งเรียกได้ว่าออกจะดีใจอย่างยิ่งด้วยซ้ำ เมื่อเปรียบกับพวกของเถี่ยซู่องแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วมีความเข้าใจในแดนอาถรรพ์เทพกำแหงมากกว่าเสียอีก แต่เมื่อเขาประเมินจากท่าทีของหลี่ชิเย่แล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วเข้าใจได้ว่าหลี่ชิเย่รู้อะไรมากกว่าเขาอีก เขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องอวดรู้ต่อหน้าหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่พาเซิ่นเหล่าลิ่วก้าวเดินไปข้างหน้า และทำการสำรวจตรวจสอบแดนอาถรรพ์เทพกำแหงอยู่เป็นระยะ เขาได้ทำการสำรวจตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้ละเอียดมาก

“ท่านมาที่แห่งนี้ด้วยจุดประสงค์อันใดรึ?” หลังจากที่ติดตามหลี่ชิเย่มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วในเวลานี้ที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจึงมีความกล้ามากขึ้น เอ่ยถามขึ้นมาแผ่วเบา

“แล้วเจ้าหละมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” หลี่ชิเย่เหลือบมองเซิ่นเหล่าลิ่วทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นเฉยเมย

“เหอะ เหอะ เหอะ ไม่กล้าปิดบังท่าน ข้าน้อยมาเพื่อสมบัติวิเศษ” เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เซิ่นเหล่าลิ่วไม่กล้าปิดบังหลี่ชิเย่อยู่แล้ว รีบกล่าวว่า “เหอะ ใต้เท้าก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า ครั้งนั้น ราชันเซียนตี้อิเจี้ยนได้ยิงเกาทัณฑ์เพียงดอกเดียวสังหารเทพกำแหงจากระยะที่ห่างไกลถึงหนี่งล้านล้านลี้ ต่อมาศพของเทพกำแหงก็ปราศจากร่องรอยตลอดมา ไม่เคยมีผู้ใดค้นพบ ดังนั้น ข้าน้อยจึงบังอาจคาดเดาว่า ศพของเทพกำแหงจะต้องอยู่ที่นี่”

“พูดมีเหตุผล” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเฉยเมยนิดหนึ่ง

เซิ่นเหล่าลิ่วหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อศพของเทพกำแหงยังอยู่ที่นี่ งั้นสมบัติก็ต้องอยู่ อย่าว่าแต่สมบัติในตัวของเทพกำแหงเลย เหอะ เหอะ แม้แต่เกาทัณฑ์ของราชันเซี้ยนตี้อิเจี้ยนที่สังหารเทพกำแหงดอกนั้น ก็ต้องเป็นอาวุธร้ายกาจที่หาใดเทียมไม่ได้ในหล้า หากสามารถได้มันมาก็ถือว่าได้รับผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว”

“มาเพื่อสิ่งเพียงเท่านี้หน่ะหรือ?” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล