ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามา เสิ่นจินหลงถึงกับยืดตัวตรง ทำอกผายไหล่ผึ่ง เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาในเวลานี้เสิ่นจินหลงได้แสดงท่าทีที่สง่างามและมีความเป็นเลิศที่สุดออกมา
แม้ว่าในขณะนี้เสิ่นจินหลงได้แสดงท่าทีที่สง่างามและมีความเป็นเลิศที่สุดของเขาออกมา แต่ว่า นาทีนี้ภายในใจของเขามีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เวลานี้ธิดาราชันฉีหลินมุ่งหน้าเดินมาที่เขา ด้วยท่วงท่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เสิ่นจินหลงผู้ซึ่งหลงใหลเรื่องหน้าตาของตนเองได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทุกคนต่างมองเห็นธิดาราชันฉีหลินที่ก้าวเดินไปข้างหน้า ทุกคนเข้าใจว่าธิดาราชันฉีหลินจะต้องเดินเข้าไปหาเสิ่นจินหลงแน่นอน
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอิจฉาในตัวของเสิ่นจินหลง ที่สามารถได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลิน ควรจะทราบว่า บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์แม้ไม่ถึงหลักพันคน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีถึงหลายร้อยคน ซึ่งในนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นระดับเจ้าสำนัก หรือกษัตริย์แห่งแคว้น ภายใต้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมายของเขตฉีหลินที่อยู่ในเหตุการณ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการทักทายจากธิดาราชันฉีหลินทีละคนๆ อย่างดีที่สุดธิดาราชันฉีหลินก็แค่พยักหน้าและเอ่ยคำขึ้นมาสักคำเท่านั้นเอง
ขณะที่เสิ่นจินหลงในเวลานี้กลับสามารถให้การต้อนรับธิดาราชันฉีหลินด้วยตนเอง สามารถพูดคุยสนทนาจากธิดาราชันฉีหลินโดยตรง ได้รับการโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลิน ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากใฝ่ฝันถึง
แม้ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์จะรู้สึกอิจฉา โดยเฉพาะบุรุษที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งอิจฉาและริษยาด้วยซ้ำ แต่ว่า พวกเขาก็ต้องยอม เพราะว่ากันเรื่องชาติกำเนิด สายเลือด ทักษะยุทธ พรสวรรค์ ตัวเสิ่นจินหลงคือผู้ที่โดดเด่นและดีที่สุดในบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งพวกเขาไม่อาจเทียบเคียงกับเขาได้เลย
ลองคิดดู บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนเท่าไรที่หวังจะให้ได้รับการชม้ายมองจากธิดาราชันฉีหลินมากกว่าสักครั้งยังไม่มีโอกาส ขณะที่ตนเองกลับสามารถพูดคุยกันกับธิดาราชันฉีหลินต่อหน้า กระทั่งสามารถอยู่เคียงข้างซ้ายขวาของธิดาราชันฉีหลิน ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเท่าไรต้องอิจฉายิ่งนัก และเป็นเรื่องที่มีหน้ามีตาเช่นใด
ดังนั้น แม้ว่าภายในใจของเสิ่นจินหลงในขณะนี้จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง และจิตที่หลงใหลเรื่องหน้าตาของตนเองได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่เขาพยายามให้ท่าทางของตนเองที่แสดงออกมาเป็นท่าทีที่ผ่อนคลายและสง่างามมีความเป็นเลิศ เพื่อให้ตนนั้นดูมีราศีมากยิ่งขึ้น สามารถดึงดูดความสนใจของธิดาราชันฉีหลินกว่าเดิมอีก
ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินเดินเข้ามาใกล้แล้วนั้น เสิ่นจินหลงถึงกับยืดอกขึ้นมา เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สง่าผ่าเผย ดึงดูดผู้คน และบุคลิกท่าทางที่งดงามที่สุดออกมา เขากล่าวด้วยท่าที่ที่ดูสูงส่งสง่างามขึ้นว่า “ฝ่าบาทเสด็จด้วยตนเอง คือ…”
แต่แล้ว จังหวะที่เสิ่นจินหลงอาศัยท่วงท่าที่ดูสง่าผ่าเผยเป็นที่ดึงดูดใจผู้คนมากที่สุดกล่าวให้การต้อนรับ ปรากฏว่าธิดาราชันฉีหลินกลับไม่ได้หยุดการก้าวเดิน เสมือนดั่งเมฆและสายน้ำที่ไหลเคลื่อนเฉียดกายของเสิ่นจินหลงไป
การที่ธิดาราชันฉีหลินไม่ได้หยุดลงตรงหน้าของตนเอง แต่กลับเสมือนดั่งเมฆแลสายน้ำที่เคลื่อนผ่านไป พลันทำให้เสิ่นจินหลงถึงกับยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น เดิมเขาได้ตระเตรียมถ้อยคำที่สวยหรูมาเต็มที่ เวลานี้กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แค่อ้าปากก็ต้องกลืนเอาคำพูดนั้นกลับเข้าไปในท้องทั้งหมด ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้คล้ายดั่งกลืนเอาแมลงวันลงท้องไปตัวหนึ่งอย่างนั้น
ธิดาราชันฉีหลินก้าวผ่านหน้าเสิ่นจินหลงไป มุ่งหน้าริมหน้าผา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ไปถึงข้างกายของหลี่ชิเย่
การมาถึงของธิดาราชันฉีหลินดุจดั่งเทพธิดานางฟ้า ทำให้เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่ทยอยกันคุกเข่าลงด้วยท่าทีที่สั่นเทา เอ่ยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “ศิษย์สำนักต้นไม้เหล็กคารวะฝ่าบาท”
ในเวลานี้ เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่คนที่คุกเข่าก้มกราบกับพื้นต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป กล่าวสำหรับเถี่ยซู่องแล้ว ท่ามกลางความสั่นเทายังมีความรู้สึกที่ต้องพูดออกมาจากใจว่า สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขานับเป็นอะไรได้ เปรียบไม่ได้กระทั่งมดปลวก ด้วยฐานะของเขาเช่นนี้ หากเป็นเมื่ออดีตไม่มีสิทธิ์แม้แต่ได้พบคารวะต่อธิดาราชันฉีหลินด้วยซ้ำ ต่อให้มีสิทธิ์ได้พบเกรงว่าคงต้องเข้าแถวอยู่ไกลออกไปเป็นร้อยลี้ คุกเข่าอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล
เวลานี้ สำนักต้นไม้เหล็กของพวกเขากลับมีโอกาสได้พบคารวะธิดาราชันฉีหลินใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น เป็นเพราะหลี่ชิเย่
สำหรับเฮ่อเฉินที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น ตื่นเต้นดีใจจนควบคุมตนเองไม่ได้ หลังจากที่เขาได้มองดูธิดาราชันฉีหลินครั้งหนึ่งแล้ว ก็ก้มหน้าลงต่ำตื่นแต้นดีใจจนขาทั้งสองข้างสั่นเทา
สามารถคารวะธิดาราชันฉีหลินในระยะที่ใกล้เพียงแค่เอื้อม เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อนเฉกเช่นธิดาราชันฉีหลินที่มีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าไกลสุดที่จะเอื้อมถึง บุคคลตัวน้อยที่ไม่มีความสำคัญเช่นพวกเขาไม่มีโอกาสได้พบเห็นอยู่แล้ว เวลานี้กลับได้เห็นรูปโฉมแท้จริงของธิดาราชันฉีหลิน กล่าวสำหรับเขาแล้วถือเป็นสิ่งที่เขาสามารถนำมาใช้ในวงสนทนาได้เป็นอย่างดีตราบชั่วชีวิตของเขาแล้วหละ
หลังจากนี้เมื่อกลับไปยังสำนักต้นไม้เหล็กแล้ว เขาก็สามารถคุยโม้กับศิษย์ร่วมสำนักได้ว่า เขาก็เป็นผู้ที่ได้พบธิดาราชันฉีหลินคนหนึ่งเหมือนกัน
เมื่อเสิ่นเสี่ยวซันมองเห็นธิดาราชันฉีหลินก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ ภายในใจของนางธิดาราชันฉีหลินไม่เพียงมีฐานะที่สูงเด่นเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง วันนี้ได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของธิดาราชันฉีหลินแล้ว นางเองก็รู้สึกสลดและอับแสง
แม้ว่านางเองจะมีรูปโฉมที่งดงามเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบกับธิดาราชันฉีหลินแล้ว เปรียบประดุจเป็นแสงหิ่งห้อยกับแสงของดวงจันทราที่อยู่กลางนภาอย่างนั้น ช่างไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง เทียบกับรูปโฉมที่สุดยอดในหล้า ล้ำเลิศอยากจะหาผู้ใดเทียมแล้ว เสิ่นเสี่ยวซันรู้สึกละอายตัวเองเหลือเกิน นางกระทั่งรู้สึกว่าเทียบไม่ได้กับสาวใช้คนหนึ่ง
เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินเดินมาถึงข้างกายของหลี่ชิเย่ ก้มศีรษะคำนับและกล่าวว่า “ท่านขึ้นมาบนยอดเขาเทวะมีอารมณ์สุนทรีเช่นนี้ ไม่ทราบว่าเมิ่งหยิงควรเรียกท่านว่ากระไร?”
การที่ธิดาราชันฉีหลินก้มศีรษะแสดงคารวะและทักทายหลี่ชิเย่ พลันสร้างความตระหนกให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ หลายคนในเวลานี้ถึงกับอ้าปากค้าง และทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...