เมื่อหลี่ชิเย่สั่งการออกมาเช่นนี้ สร้างความตะลึงให้กับธิดาราชันฉีหลินอีกครั้ง หลี่ชิเย่นี่ไม่มีความเกรงใจเลยนะเนี่ย ใช้นางเสมือนหนึ่งสาวใช้ชัดๆ
จังหวะที่ธิดาราชันฉีหลินกำลังตะลึงอยู่นั้น ผู้เฒ่าผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของธิดาราชันฉีหลินดั่งหมอกควัน นำกล่องบรรจุใบชาที่มีรูปลักษณ์โบราณส่งถึงมือของธิดาราชันฉีหลิน จากนั้นพลันหายตัวไปทันที
“ตาเฒ่าของตระกูลราชันฉีหลิน นับว่ารู้จักกาลเทศะดี” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยมองดูผู้เฒ่าที่หายตัวไปฉับพลันนั่น
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแล้วแต่มีผู้เยี่ยมยุทธคอยให้การชี้แนะธิดาราชันฉีหลินอยู่ ผู้เยี่ยมยุทธที่ไม่ยอมเปิดเผยตัวผู้นี้คือระดับบรรพบุรุษที่มีฐานะสูงมากของตระกูลราชันฉีหลิน
ธิดาราชันฉีหลินทอดถอนใจออกมาเบาๆ ทำการตั้งไฟเพื่อชงชาให้กับหลี่ชิเย่กาหนึ่งด้วยตนเอง
ธิดาราชันฉีหลินตั้งไฟชงชาด้วยตนเอง เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต้องงงงันจนไม่สามารถรับกับสิ่งนี้ได้
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสิ่นเสี่ยวซันได้สติกลับมา จึงช่วยเป็นลูกมือให้กับธิดาราชันฉีหลิน ช่วยเก็บฟืนให้กับธิดาราชันฉีหลิน นางไม่กล้าพูดอะไรออกมา พริบตาเดียวกันนี้นางจึงได้เข้าใจว่า ตัวของหลี่ชิเย่อยู่ในฐานะที่สูงส่งมาโดยตลอด เพียงแต่นางมีตาหามีแววไม่เท่านั้นเอง
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองดูภาพนี้จนงงงัน กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไม่รู้จำนวนเท่าไรที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว สามารถได้รับการมองมากกว่าครั้งจากธิดาราชันฉีหลิน ต้องถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง หากสามารถได้รับความโปรดปรานจากธิดาราชันฉีหลินต้องถือเป็นเกียรติยศสูงสุด กระทั่งเรียกได้ว่ากำลังจะได้รับโชคลาภหรือเลื่อนตำแหน่งเลยทีเดียว
เวลานี้ นางฟ้าเทพธิดาที่มีฐานะสูงส่งในทัศนะคติของพวกเขา เป็นได้เพียงสาวใช้ที่คอยต้มน้ำชาให้กับหลี่ชิเย่ มองดูธิดาราชันฉีหลินที่ทำการต้มชาด้วยตนเอง จะมีใครบ้างในโลกที่ได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้กันเล่า?
เฉกเช่นเฮ่อเฉินที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เรียกว่างงงันโดยสิ้นเชิงไปแล้ว ภายในใจของเขาธิดาราชันฉีหลินสูงส่งสุดที่จะเอื้อมถึง สามารถมีโอกาสได้มองเห็นธิดาราชันฉีหลินสักครั้งหนึ่ง ก็นับเป็นเกียรติยศสูงสุดแล้ว เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาเอง ทั้งยังทำหน้าที่ต้มชาชงชาให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง
นาทีนี้เฮ่อเฉินจึงได้เข้าใจแล้วว่า ตัวเองนั้นมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นเป็นผู้โชคดี แม้แต่ธิดาราชันฉีหลินของพวกเขายังต้องมาปรนนิบัติหลี่ชิเย่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้อยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่มาโดยตลอด เท่ากับว่าได้พลาดสุดยอดวาสนาไปแล้ว
หลังจากที่ต้มชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธิดาราชันฉีหลินได้ยกเสริฟให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง
สาวงามเคียงข้าง มือขาวๆ ยกเสริฟน้ำชา มันช่างเป็นแดนสวรรค์ที่ผู้คนใฝ่หานะเนี่ย กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว การได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงอยู่แล้ว
กระทั่งกล่าวได้ว่า ได้ธิดาราชันฉีหลินมาเสริฟน้ำชาด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แต่เรื่องราวลักษณะเช่นนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว มันเป็นสิ่งที่ไม่มีเรื่องใดธรรมดามากไปกว่านี้อีกแล้ว กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ตัวของธิดาราชันฉีหลินก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่ธิดาของราชันเซียนก็เคยปรนนิบัติเขามาแล้ว นับประสาอะไรกับธิดาราชันฉีหลิน!
“เป็นรสชาติที่ชวนให้หวนรำลึกถึง” หลี่ชิเย่จิบน้ำชาคำหนึ่ง แล้วกล่าวทอดถอนใจออกมา
ธิดาราชันฉีหลินถึงกับหวั่นไหวภายในใจ เมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ เนื่องจากคำพูดคำนี้ได้แฝงเร้นอะไรมากมายเหลือเกิน หากจะคิดทำความเข้าใจและซาบซึ้งกับมัน ก็จะพบว่าคำพูดคำนี้มีปริมาณของข่าวคราวน่ากลัวมากเหลือเกิน
หลี่ชิเย่จิบชาไปเบาๆ แล้วทอดสายตาไปยังบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ทำการจับภาพของดวงดาวที่อยู่ไกลออกไปบนจักรวาลอีกครั้ง เขาได้ทำการกำหนดจุดของดวงดาวเพื่อคำนวณสถานที่และเวลาที่ศพของเทพกำแหงจะปรากฏตัวขึ้นมา
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นลำพังผู้เดียว ทำการตรวจหาดวงดาวครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมๆ กับจิบน้ำชาไปเบาๆ คำหนึ่ง โดยมีธิดาราชันฉีหลินที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ เมื่อน้ำชาพร่องนางก็จัดแจงเติมให้ ในเวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินไม่ได้วางมาดใดๆ ออกมาเลย ท่าทางเหมือนเป็นสาวใช้คนหนึ่งจริงๆ ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์และได้เห็นภาพนี้แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะหวั่นไหวหรืออิจฉาดี ความสุขเช่นนี้ในโลกนี้คงไม่มีใครมีอีกแล้ว
ธิดาราชันฉีหลินที่เคียงข้างหลี่ชิเย่อยู่นั้น เมื่อนางมองเห็นการมองและจับภาพดวงดาวครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่ชิเย่แล้ว แม้ว่าธิดาราชันฉีหลินจะไม่สามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่นางก็มองลาดเลาออกบางอย่างอยู่บ้าง
เวลานี้ ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินกระตุกนิดหนึ่ง นางเข้าใจได้ทันทีว่าหลี่ชิเย่หาใช่กำลังชื่นชมกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่เขากำลังค้นหาพิกัดตำแหน่งของดาวที่อยู่บนท้องฟ้า เขากำลังนำเอาพิกัดตำแหน่งของดวงดาวบนท้องฟ้าสะท้อนไปยังแดนอาถรรพ์เทพกำแหง
นาทีนี้ธิดาราชันฉีหลินเข้าใจแล้วว่า หลี่ชิเย่มาเพื่อแดนอาถรรพ์เทพกำแหง ดูท่าเวลานี้แดนอาถรรพ์เทพกำแหงจะมีของวิเศษปรากฎตัวออกมาจริงๆ แล้ว เรื่องนี้หาใช่เป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ ของทุกคนเท่านั้น
หลังจากผ่านไปนานมาก ในที่สุดหลี่ชิเย่ก็สามารถล็อกพิกัดตำแหน่งเอาไว้ได้แล้ว ล็อกตำแหน่งและเวลาที่ศพเทพกำแหงจะปรากฏตัวได้แล้ว เขาละสายตากลับมาแล้วจิบและชิมชาเลิศรสนั้นอย่างช้าๆ ปล่อยให้รสชาติที่เป็นหนึ่งไม่มีสองวนเวียนอยู่กับปลายลิ้นนั้น
“คนมากแล้วก็จะมากความ ออกไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการและโบกมือเบาๆ ต่อพวกของเถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่
เถี่ยซู่องศิษย์อาจารย์ทั้งสี่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้ารบกวนหลี่ชิเย่
เวลานี้ ธิดาราชันฉีหลินก็โบกมือเบาๆ ส่งสัญญาณให้ทุกคนถอยไป บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่บนยอดเขาทั้งหมดต่างล่าถอยออกไปเงียบๆ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดหนึ่ง กระทั่งไม่มีใครกล้าทำให้เกิดเสียงใดๆ ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...