เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้นมาเป็นระลอก เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวจบคำ ร่างของมารร้ายตัวน้อยเริ่มลุกไหม้ขึ้นมา มันกำเนิดขึ้นเพราะความแค้นเคืองใจของเทพกำแหงเท่านั้น ภายใต้สายตาที่รู้แจ้งของหลี่ชิเย่สามารถเผาผลาญมันจนไม่เหลือร่องรอย
จังหวะหลี่ชิเย่อาศัยดวงตารู้แจ้งทำการเผาร่างของมันนั้น เวลานี้มารร้ายตัวน้อยจึงเริ่มแสดงอาการหวาดกลัวขึ้นมา มันร้องเสียงดังออกมาว่า “ข้าเกิดจากเทพกำแหงนะ ข้ามีเคล็ดวิชาชั่วชีวิตที่เทพกำแหงเคยมี ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ข้าก็จะมอบเคล็ดวิชาที่มีอยู่ให้ทั้งหมด!”
“เคล็ดวิชาชั่วชีวิตที่เทพกำแหงมี” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้ามารร้ายตัวน้อย
เป็นที่ทราบกันดีว่า เทพกำแหงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง เคล็ดวิชาที่เขามีมาชั่วชีวิตช่างเป็นสิ่งที่เปี่ยมด้วยความเย้ายวนใจเพียงใด เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถทนต่อสิ่งยั่วเย้าเช่นนี้ได้
“เคล็ดวิชาหัวเจ้าน่ะสิ” ฝ่ามือของหลี่ชิเย่ซัดลงไปที่หัวของเซิ่นเหล่าลิ่ว หัวเราะเยาะและด่าทอไปว่า “สำนักเจ้ามีเคล็ดวิชาเซียนหวังอยู่ ไม่รู้ว่าเหนือกว่าวิชานอกรีตของเทพกำแหงเท่าไร”
“พูดมาก็ถูก” หลังจากที่เซิ่นเหล่าลิ่วถูกซัดไปหนึ่งฝ่ามือจึงได้ตื่นขึ้น เขาเกาหัวแกร๊กๆ กล่าวพร้อมกับหัวเราะเจื่อนๆ ออกมา
“ข้ารู้ร่องรอยเกาทัณฑ์ดอกนั้นของราชันเซียนตี้อิเจี้ยน หากผู้ใดได้ไป รับรองว่าสามารถปราศจากผู้ต่อกรในหนึ่งเกาทัณฑ์ เจ้าปล่อยข้าไป ข้าก็จะบอกแก่เจ้า!” ครั้นมารร้ายตัวน้อยเห็นหลี่ชิเย่ไม่หลงใหลในสิ่งที่ตนเสนอ จึงได้ยื่นสิ่งเย้ายวนใจใหม่แทน
“เกาทัณฑ์อันดับหนึ่ง!” เซิ่นเหล่าลิ่วรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ เกาทัณฑ์อันดับหนึ่งคือเกาทัณฑ์ที่ราชันเซียนตี้อิเจี้ยนใช้ยิงสังหารเทพกำแหงนั่น ย่อมจินตนาการถึงความปราศจากผู้ต่อกรของมัน สามารถได้รับการยกย่องให้เป็นเกาทัณฑ์อันดับหนึ่งตลอดกาลได้ หากสามารถได้ครอบครองเกาทัณฑ์นี้ เป็นความจริงที่หนึ่งเกาทัณฑ์ปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้
“ไม่ใช่เจ้าตัวราชันเซียนตี้อิเจี้ยนเอง ถึงได้เกาทัณฑ์นี้ไปก็จะเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรไม่ได้” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มจางๆ กล่าวขึ้นช้าๆ ไม่หวั่นไหวกับสิ่งนี้
“เจ้า เจ้า เจ้าหากฆ่าข้า เจ้าก็จะไม่ได้สมบัติของเทพกำแหงตลอดไป มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถเปิดลัคนาของเทพกำแหงได้…” เมื่อมารร้ายตัวน้อยเห็นว่าความเย้ายวนนั้นไม่ได้ผล จึงร้องเสียงดังออกมา
“ไม่ต้องแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ประกายดวงตาทั้งสองรุนแรงยิ่งขึ้น “อ๊ากก” เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น มารร้ายตัวน้อยพลันถูกหลี่ชิเย่เผาไหม้จนไม่เหลือ กลายเป็นเถ้าธุลีไปโดยพลัน!
“ปัง ปัง ปัง…” ในเวลานี้เอง ปรากฏตำหนักแต่ละตำหนักที่แตกสลายลงมา สิบสองลัคนาของเทพกำแหงทยอยกันล้มครืนนลงมา จากนั้นได้ยินเสียง “โครม โครม โครม” ดังขึ้น ในเวลานี้ ของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนได้ถูกเทลงมาสู่เบื้องล่าง
คทาหยูอี่ โลหะเหลิ่งเซียน ไม้ฉีหวินมู่ มุกเยี่ยนเทียนจู…ของวิเศษแต่ละชิ้นถูกเทลงมาเหมือนดั่งข้าวเปลือกที่บรรจุเต็มโกดังอย่างนั้น ของวิเศษแต่ละชิ้นส่งประกายศักดิ์สิทธิ์วูบวาบ ยามที่ของวิเศษล้ำค่าจำนวนมากมายเช่นนี้ถูกเทลงมาก็คล้ายดั่งเป็นการระบายประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นน้ำหลากอย่างนั้น ภาพนี้สร้างความสะเทือนจิตใจผู้คนเหลือเกิน ประกายศักดิ์สิทธิ์หมื่นพัน ปรากฎการณ์ประหลาดทยอยกันปรากฏขึ้นมา
พริบตาเดียวนั่นเอง ปรากฏเป็นภูเขาของวิเศษล้ำค่าน้อยๆ ขึ้นตรงหน้าของพวกหลี่ชิเย่จำนวนสิบสองลูก ประกายศักดิ์สิทธิ์ปริมาณนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้คนต่างมองกันอ้าปากตาค้าง
ในขณะที่เซิ่นเหล่าลิ่วกำลังเหม่อลอยอยู่ หลี่ชิเย่ก็ได้ค้นหาชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่ยากจะหาใดเทียมจากกองของวิเศษที่กองดั่งภูเขาจนพบแล้ว
“ตูม ตูม ตูม…” ในเวลานี้เองโลกภายในพลันหวั่นไหวโคลงเคลงไปมา ทั่วทั้งโลกภายในเริ่มพังถล่มลงมา พริบตาเดียวกันนี้เองน้ำหลากที่เหมือนดั่งคลื่นยักษ์ คล้ายต้องการท่วมโลกที่พังทลายจนมิดอย่างนั้น
“โอ้ แม่จ๋า” ขณะที่น้ำหลากดั่งคลื่นยักษ์เกิดขึ้น เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ท่วมตัวของเซิ่นเหล่าลิ่วไปแล้วครึ่งตัว เมื่อเขาได้สติกลับมาและมองดูน้ำหลากที่ท่วมร่างตนเองแล้ว รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ร้องเสียงดังออกมาว่า “นี่ นี่ นี่มันคือพลังแก่นฟ้าดินอย่างนั้นรึ?”
“พูดให้ถูกต้องก็คือ พลังแก่นสรรพสิ่ง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “เทพกำแหงหลังจากที่ได้กลืนกินพื้นที่แห่งนี้ไปแล้ว ยังไม่ทันได้ย่อยสลายก็ถูกสังหารเสียแล้ว ขณะที่พลังแก่นสรรพสิ่งถูกกักขังอยู่ภายในโลกภายในแห่งนี้ เมื่อลัคนาแตกสลาย พลังแก่นสรรพสิ่งที่มีปริมาณมหาศาลจึงทะลักจากช่องแตกแหว่งของเขื่อนและอาละวาดวิ่งพล่านไปทั่ว”
“นี่เป็นสิ่งของที่ประเมินค่าไม่ได้นะเนี่ย พลังแก่นสรรพสิ่งที่มีปริมาณมหาศาลถึงเพียงนี้” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ
“ขืนรออีกหน่อย อย่าว่าแต่ของล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้เลย แม้แต่เศษเหล็กสักชิ้นก็จะไม่ได้ไป”
“ของวิเศษของข้า…” เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้ยินคำเตือนจากหลี่ชิเย่แล้วจึงได้มองเห็นว่า ของวิเศษที่กองสุมดั่งภูเขาเหล่านั้นกำลังจะถูกท่วมจนมิดแล้ว เข้าร้องเสียงดังออกมาเหมือนไก่ถูกเชือด รีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปจัดการรวบเอาของวิเศษทั้งหมดใส่กระเป๋าของตนจนสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...