เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “เพราะอะไรจอมราชันและเซียนหวังต้องก้าวเดินบนเส้นทางการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย เพราะอะไรจึงมีจอมราชันเซียนหวังที่ปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันไม่ปรากฏตัวอีก? นี่แหละคือการเลือกของแต่ละคน สำหรับจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนที่เลือกปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันนั้น พวกเขามีทางเลือกของพวกเขา และมีเหตุผลต่างๆ นานา ขณะที่จอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนที่ก้าวเดินสู่เส้นทางการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายนั้น หรือว่าพวกเขามั่นใจจริงๆ ว่าจะต้องมีชีวิตรอดกลับมาขณะที่พวกเขาตัดสินใจทำเช่นนั้นอย่างนั้นรึ…”
“…ไม่ ความจริงแล้วจอมราชันเซียนหวัง และราชันเซียนจากเก้าแดนทุกองค์พวกเขาต่างก็รู้ว่า นี่เป็นสงครามที่ไม่มีความเป็นไปได้ กระทั่งพวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าเป็นการไปรนหาที่ตาย แต่ ทำไมพวกเขาจึงเลือกที่จะทำเช่นนี้หละ? เพื่อลูกหลานของตนเอง เพื่อเผ่าพันธุ์ของตนเองเพื่อสรรพชีวิตของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน และเพื่อตัวเอง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย และพวกเขาก็ไปเผชิญกับสิ่งที่ตนเลือกอย่างไม่สะทกสะท้าน!”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ
เมื่อเซิ่นเหล่าลิ่วได้ฟังคำบอกเล่าเช่นนี้แล้วถึงกับนิ่งเงียบขึ้นมา เป็นความจริง เมื่อผู้บำเพ็ญตนมีความแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ไม่เพียงยิ่งสูงยิ่งหนาว ทั้งยังต้องแบกรับอะไรมากยิ่งขึ้น
“กลับไปเถอะ นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเจ้า หากพลาดจากกาลเวลาที่เหมาะแก่การฝึกที่สุดไปล่ะก็ ในอนาคตเจ้าคิดจะฝึกก็สายเกินไปเสียแล้วหละ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “รอให้เจ้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว เจ้าสามารถกลับมาอีกครั้ง ไม่ได้หมายความว่าหากเจ้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วเจ้าก็ไม่สามารถท่องไปในโลกโลกีย์มนุษย์ได้อีกต่อไป”
“ข้ากลับไปตอนนี้ อาจารย์จะต้องตีจนขาข้าหักสองข้างอย่างแน่นอน” เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับทำหน้าเศร้า
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซิ่นเหล่าลิ่วหนีออกมาจากสำนัก เพียงแต่คราวนี้เป็นครั้งที่เขาหนีออกมาและอยู่นานมากที่สุด และเล่นใหญ่ที่สุด หากถูกอาจารย์จับตัวได้ล่ะก็จะต้องถูกซัดจนน่วมแน่นอน ไม่แน่นักอาจจับเขามาถลกหนังก็เป็นได้!
หลี่ชิเย่หัวเราะแล้วหยิบกระดาษและพู่กันออกมาและเขียนข้อความลงไป สุดท้ายได้พับกระดาษแผ่นนั้นอย่างช้าๆ แล้วส่งให้กับเซิ่นเหล่าลิ่ว และกล่าวว่า “เอาไปมอบให้กับบรรพบุรุษของเจ้า ข้าเคยรับปากว่าจะพูดชมเจ้ากับฉวี่กง เจ้าเอาลายมือของข้าไปต้องได้พบกับเขาแน่นอน ส่วนจะได้รับการบ่มฟักจากเขาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับชะตาของเจ้าเอง
เซิ่นเหล่าลิ่วตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ จากนั้นรับเอาจดหมายที่หลี่ชิเย่เขียนขึ้นด้วยลายมือด้วยความเคารพ
หลังจากที่รับเอาจดหมายที่เป็นลายมือของหลี่ชิเย่ เอาไว้แล้ว พลันเซิ่นเหล่าลิ่วกรอกตาทีหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างหน้าด้านๆ ว่า “ไม่ก็ท่านบรรพบุรุษรับข้าเป็นศิษย์แต่ในนามก็แล้วกัน ข้าน้อยขอติดตามท่านไป”
“ทำวางแผนแยบยลในใจให้มันน้อยๆ หน่อย” หลี่ชิเย่เยาะเย้ยและด่าทอพร้อมกับหนึ่งฝ่ามือที่ซัดใส่ศีรษะของเขา “หรือว่าเซียนหวังตระกูลเจ้าจะทำให้เจ้าต้องเสียหน้าอย่างนั้นรึ?”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่อย่างแน่นอน ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เซิ่นเหล่าลิ่วรีบเร่งตอบปฏิเสธ
“ไปเถอะ หากมีวาสนาต้องได้พบกันอีก” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ ให้กับเซิ่นเหล่าลิ่ว
เซิ่นเหล่าลิ่วเข้าใจแล้วว่าหลี่ชิเย่ได้มอบวาสนาให้กับเขาแล้ว วาสนาระหว่างกันก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เขาก้มลงกราบกับพื้น โขกศีรษะเสียงดังให้หลี่ชิเย่สามครั้ง และกล่าวว่า “ข้าน้อยหวังว่าวันหน้าสามารถได้พบเห็นท่านบรรพบุรุษอีกครั้ง”
หลี่ชิเย่รับการแสดงคารวะเต็มรูปแบบจากเซิ่นเหล่าลิ่วด้วยความสงบ พยักหน้า จากนั้นค่อยๆ หลับตาลง
หลังจากที่เซิ่นเหล่าลิ่วลุกขึ้นยืนและเห็นหลี่ชิเย่ได้เข้าฌานไปแล้ว จึงคำนับอีกครั้งหนึ่งจากนั้นล่องลอยจากไป
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ คล้ายดั่งนอนหลับไปแล้ว เวลานี้เขาได้ทำจิตให้ว่างเปล่าเพื่อบรรลุถึงความละเอียดลึกซึ้งของสัจธรรม
หลี่ชิเย่ไม่ได้ไปจากเขาชมเทพในทันที เขารั้งอยู่ที่เขาชมเทพกลืนกินเมฆหมอก ดูดซับพลังขมุกขมัว บรรลุสัจธรรม และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพินิจพิเคราะห์ถึงชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์นั่น เพื่อทำการหลอมกลั่นให้กลายเป็นของๆ ตน
ชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่มีตัวอ่อนจำนวนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดชิ้นชุดนี้ แทบจะเรียกได้ว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แม้ว่าชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ชุดนี้จะเทียบไม่ได้กับชุดที่อยู่ในมือของเซิ่นตี้ที่มีตัวอ่อนถึงเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าชิ้น แต่ว่า ชุดตัวอ่อนที่เป็นที่รับรู้และเคยมีเจ้าของนั้น ไม่มีชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ชุดไหนสามารถเทียบได้อีกแล้ว
หลี่ชิเย่ไม่ได้คาดหวังว่าชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ที่มีตัวอ่อนจำนวนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดชิ้นชุดนี้สามารถปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า และไม่ได้คาดหวังให้การได้มาซึ่งชุดตัวอ่อนขาวบริสุทธิ์ชุดนี้สามารถเทียบได้กับชุดเซียนแท้จริงที่อยู่ในตำนาน
แต่ทว่า ชุดตัวอ่อนเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งพิสดารแขนงหนึ่ง โดยเฉพาะกับการที่สามารถทำการหลอมกลั่นให้สมบูรณ์แบบได้หรือไม่ สามารถทำให้ชุดตัวอ่อนของตนสำแดงพลังแฝงออกมาได้มากที่สุด เป็นเรื่องที่ทดสอบความสามารถของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนยิ่งนัก
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เฉกเช่นชุดตัวอ่อนที่มีจำนวนตัวอ่อนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดชิ้นชุดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเหมาะสำหรับการซ้อมมืออย่างไร้ที่ติ จะทำให้เขาสามารถเข้าใจถึงชุดตัวอ่อนได้ลึกมากขึ้นไปอีก ทำให้เขาสามารถควบคุมความลึกซึ้งพิสดารของชุดตัวอ่อนได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้นกว่าเดิม
หลี่ชิเย่ซุ่มฝึกอยู่บนเขาชมเทพ โดยมีเสิ่นเสี่ยวซันคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ กล่าวสำหรับพวกของเถี่ยซู่องในเวลานี้ การที่สามารถรั้งอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่คอยปรนนิบัติรับใช้ถือเป็นประทานที่ยิ่งใหญ่ เป็นเกียรติยศอันสูงส่ง ใช่จะได้มาง่ายดาย
ระหว่างที่หลี่ชิเย่ซุ่มฝึกอยู่บนเขาชมเทพอยู่นั้น ภายในเขตฉีหลินเรียกได้ว่าคึกคักขึ้นมา ดูคึกคักยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...