“เจ้าหนูที่ชื่อว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะต้องใช้ศีรษะเซ่นไหว้นายน้อยของจอมเทพหนานหยางและนายน้อยของจอมเทพเชียนจวินที่อยู่บนสวรรค์” ไม่รู้ว่าใครที่คอยสุมเพลิงอยู่ลับๆ กล่าวว่า “มิฉะนั้นล่ะก็ หากปล่อยให้ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามที่ไหนก็ได้มาสังหารศิษย์ผู้บำเพ็ญตนในเขตฉีหลินได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ แล้วจะให้ตระกูลขุนนางโบราณพวกเราที่อยู่ในเขตฉีหลินมีที่ยืนในชิงโจวได้อย่างไร ให้ผู้บำเพ็ญตนพวกเราที่อยู่ในเขตฉีหลินแสดงอำนาจในชิงโจวได้อย่างไร!”
“ถูกต้อง จะต้องเอาเลือดของคนโหดอันดับหนึ่งมาเซ่นไหว้พวกนายน้อยเจอเยื่อ มิฉะนั้นล่ะก็จะต้องเป็นที่เยาะเย้ยของผู้คนใต้หล้าว่าผู้บำเพ็ญตนในเขตฉีหลินของพวกเราอ่อนแอ” เมื่อมีผู้พูดเช่นนี้ออกมา จึงมีผู้กล่าวสนับสนุนขึ้นทันที
“ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเราคือหนึ่งสำนักสามเซียนหวัง หมางเมินต่อชิงโจว คนโหดอันดับหนึ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ดูถูกอำนาจบารมีของตระกูลราชันฉีหลิน กระทำการตามอำเภอใจภายในเขตปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน สังหารผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ นี่คือการท้าทายอานุภาพราชันสูงสุดของตระกูลราชันฉีหลิน คนประเภทนี้นสมควรฆ่า” ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างร้องเอ็ดตะโรว่าต้องการอาศัยเลือดและศีรษะของหลี่ชิเย่มาเซ่นสังเวยพวกของหลี่เทียนเหา
บรรดาเจ้าสำนักของแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อยหลังจากได้ยินคำร้องเอ็ดตะโรแล้ว ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันลับๆ ผู้ที่เคยผ่านอุปสรรคมากมายต่างก็เข้าใจว่าเรื่องนี้จะต้องมีผู้ที่คอยผสมโรงอยู่ คำพูดเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการพูดให้ตระกูลราชันฉีหลินฟัง และเป็นการพูดให้ผู้บำเพ็ญตนของตระกูลราชันฉีหลินทั้งหมดได้ฟัง
“ดูท่าพวกของจอมเทพหนานหยางได้ตัดสินใจอย่างเด็็ดขาดแล้วว่าต้องการเอาชีวิตของคนโหดอันดับหนึ่งให้ได้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ อย่างเด็ดขาด” มีกษัตราที่พึมพำออกมา
“คนโหดอันดับหนึ่งจะมาที่ตระกูลราชันฉีหลินด้วยตนเอง โดยบอกว่าไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด” หลังจากที่จอมเทพหนานหยางและจอมเทพเชียนจวินได้รับการต้อนรับเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลิน ได้ไม่นาน จึงมีข่าวลักษณะเช่นนี้แพร่ออกมา
“ไม่เคยเกรงกลัวต่อผู้ใด? เมื่อไปถึงตระกูลราชันฉีหลินแล้วยังจะกล้าพูดเช่นนี้ออกมาหรือไม่? หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ยโสเกินไปแล้วหละ พาลและใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้ว นี่ไม่เพียงไม่เห็นหัวพวกจอมเทพหนานหยางแล้ว กระทั่งไม่มองตระกูลราชันฉีหลินอยู่ในสายตา เจ้าหนูผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรก็แน่?” มีผู้ที่เกรงว่าสังคมจะไม่วุ่นวาย จึงไปสุมเพลิงทั่วไป
“ฮึ เจ้าหนูคนแซ่หลี่ถ้าหากกล้าทำกำเริบเสิบสานที่ตระกูลราชันฉีหลิน พวกเราจะไม่ปล่อยเขาเอาไว้แน่ อานุภาพราชันเซียนของตระกูลราชันฉีหลินไหนเลยจะให้เขามาท้าทายได้ ต่อให้มีจอมเทพคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังก็จะไม่ปล่อยให้เขาทำกำเริบเสิบสานได้!” เมื่อมีศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของตระกูลราชันฉีหลินบางส่วนได้ยินคำที่พูดเอ็ดตะโรออกมาต่างๆ นานาแล้ว ดูจะอดกลั้นไม่อยู่บ้างแล้ว จึงมีศิษย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่บางส่วนอดที่จะกล่าวด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
เวลานี้ ภายในเขตฉีหลินอารมณ์ของผู้คนพลุ่งพล่าน เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย คลื่นใต้น้ำกระเพื่อมรุนแรง สำนักบางแห่งต้องการถือโอกาสเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลขุนนางโบราณหนานหยาง และสำนักเจอเยื่อ และมีสำนักบางแห่งที่รู้รักษาตัวรอดก็จะออกห่างจากความขัดแย้งนี้ไป
ขณะที่คลื่นใต้น้ำกำลังพลุ่งพล่านในเขตฉีหลินอยู่นั้น พลันตระกูลราชันฉีหลินได้ส่งเทียบเชิญให้กับสำนักเจ้าลัทธิทุกแห่งที่มีระดับผู้ยิ่งใหญ่หรือระดับบรรพบุรุษที่มีชื่อเสียงมากพอ ให้ไปเป็นแขกที่ตระกูลราชันฉีหลิน
การที่จู่ๆ ตระกูลราชันฉีหลิน ได้ส่งเทียบเชิญให้บรรดาบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิในเขตฉีหลินทุก ๆ สำนักเป็นแขกของตระกูลราชันฉีหลิน ทำให้บรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิในเขตฉีหลินจำนวนไม่น้อยต่างคาดเดากันลับๆ กับการกระทำในครั้งนี้
“หรือว่าคราวนี้ตระกูลราชันฉีหลินต้องการจะเชือดไก่ให้ลิงดู จะจับเจ้าคนที่ชื่อหลี่ชิเย่คนนี้มาจัดการจริงรึ?” การกระทำที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของตระกูลราชันฉีหลิน ทำให้บรรดาบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าสำนักต่างคาดเดากันลับๆ ว่าการกระทำเช่นนี้ของตระกูลราชันฉีหลินหมายความว่าอย่างไร
“มีความเป็นไปได้เช่นนี้ การที่คนโหดอันดับหนึ่งกล้าฆ่าคนตามอำเภอใจในเขตฉีหลินตามอำเภอใจ ถึงกับสังหารผู้สืบทอดของสำนักเจ้าลัทธิรวดเดียวถึงสองคน นับว่าเป็นความจริงที่ไม่เห็นตระกูลราชันฉีหลินอยู่ในสายตาเอาเสียเลย จะอย่างไรเสียตระกูลขุนนางโบราณหนานหยาง กับสำนักเจอเยื่อล้วนแล้วแต่ขึ้นตรงต่อตระกูลราชันฉีหลินนะเนี่ย ภาษิตว่าจะตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของเสียก่อน” เจ้าสำนักสำนักเจ้าลัทธิก็กล่าวขึ้น
ไม่ว่าการกระทำของตระกูลราชันฉีหลินในครั้งนี้จะมีความลึกซึ้งเช่นใดก็ตาม บรรดาบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิที่ได้รับเทียบเชิญจากตระกูลราชันฉีหลินแล้วต่างทยอยกันเดินทางไปยังตระกูลราชันฉีหลิน ซึ่งมีผู้เยาว์บางส่วนที่ต้องการไปเพิ่มพูนประสบการณ์ก็ได้ติดตามไปยังตระกูลราชันฉีหลินเช่นกัน
ขณะที่เขตฉีหลินกำลังเดือดพล่านอยู่นั้น ในที่สุด หลี่ชิเย่ที่รั้งอยู่ยอดเขาชมเทพเพื่อฝึกบำเพ็ญเพียรก็ได้ออกเดินทางไปยังตระกูลราชันฉีหลินแล้ว
“ไปเถอะ พวกเราไปที่ตระกูลราชันฉีหลินกัน” หลี่ชิเย่สั่งการกับพวกเสิ่นเสี่ยวซันที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายออกไป
“ไปตระกูลราชันฉีหลิน!” ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร เมื่อเถี่ยซู่องได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับเข่าอ่อนทั้งสองข้างทันที
ถ้าหากเป็นอดีตบอกว่าจะไปที่ตระกูลราชันฉีหลิน เถี่ยซู่องต้องดีใจเป็นที่สุดแน่นอน จะอย่างไรเสียสำหรับสำนักขนาดเล็กอย่างเขาแล้ว ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปในตระกูลราชันฉีหลินได้อยู่แล้ว
ในอดีตสำหรับผู้บำเพ็ญตนของสำนักขนาดเล็กเช่นนี้แล้ว สามารถยืนอยู่ด้านหน้าประตูมองดูตระกูลราชันฉีหลินสักครั้งก็นับเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่ง และถือเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์แล้ว สำหรับการก้าวเข้าไปภายในตระกูลราชันฉีหลินนั้น เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เวลานี้พวกเขาจะตามหลี่ชิเย่เข้าไปภายในตระกูลราชันฉีหลิน เรียกได้ว่าเป็นความกรุณาอย่างหนึ่ง ตามหลักแล้วควรจะดีใจถึงจะถูก แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่บอกว่าจะไปที่ตระกูลราชันฉีหลิน ภายในใจของเถี่ยซู่องก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที เขารู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาอย่างนั้นรับรองว่าจะต้องบังเกิดเรื่องราวฟ้าถล่มดินทลายอย่างแน่นอน ลางสังหรณ์ของเขาแม่นยำมาโดยตลอด
“ไปตระกูลราชันฉีหลิน!” เมื่อเปรียบกับผู้เป็นอาจารย์ที่ดูจะกังวล แต่เฮ่อเฉินในฐานะผู้เยาว์กลับดีใจอย่างเห็นได้ชัด พลันที่เขาได้ยินหลี่ชิเย่บอกว่าจะไปตระกูลราชันฉีหลิน ดวงตาทั้งสองเป็นประกายขึ้นมาทันที
กล่าวสำหรับ คนหนุ่มอย่างเฮ่อเฉินนั้น สามารถไปที่ตระกูลราชันฉีหลินย่อมต้องเป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างแน่นอน เรื่องเช่นนี้ในอดีตเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้มันใกล้จะเป็นความจริงแล้ว
ดังนั้น เวลานี้เฮ่อเฉินถึงกับอยากไปยิ่งนัก แทบอยากจะไปถึงตระกูลราชันฉีหลินเสียแต่ตอนนี้เลยให้รู้แล้วรู้รอดไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...