สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1811 ท่องเที่ยว – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 1811 ท่องเที่ยว ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
นับว่าเซียนหวังเย่หลินด้อยกว่านิดหนึ่งจริงๆ เมื่อเทียบกับราชันเทพชิงมู่ ราชันสวรรค์หุ้นหยวน ราชันซื่อตี้…เป็นต้น พวกเขาเหล่านี้มีสิบสองลัคนา สิบสองชะตาฟ้าที่เป็นราชันเซียนขั้นสุดยอดแล้ว
แต่ว่า เป็นที่ทราบกันว่า นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา เคยมีจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองเพียงแค่เก้าคนเท่านั้น ขณะเดียวกัน จอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าและมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันก็มีเพียงสี่คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าทั้งสี่จะไม่ปรากฎตัวในโลกปัจจุบันอีกแล้ว ซึ่งมนุษย์ปุถุชนจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นพวกเขาอีก เนื่องจากจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าที่ยังคงมีชีวิตอยู่เหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสวรรค์ลงทัณฑ์ได้อีกต่อไป เมื่อไรที่ร่างแท้จริงของพวกเขาปรากฎตัว โอกาสที่จะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์มีอัตราสูงชนิดเรียกว่าไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว
ดังนั้น เมื่อจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว ในบางแง่มุมจึงอาจกล่าวได้ว่า จอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบเอ็ดชะตาฟ้าคือจอมราชันและเซียนหวังที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถปรากฎตัวในโลกมนุษย์ปุถุชนแล้ว
ด้วยสาเหตุนี้เอง เซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้าจึงส่งผลให้ฐานะของตระกูลราชันฉีหลินในชิงโจวถูกยกระดับให้สูงขึ้นหนึ่งอันดับในทันที
เป็นที่ทราบกั้นว่า สายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในชิงโจวก็คือตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง ขณะที่ราชันสวรรค์จ้านหวัง ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็มีเพียงสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้าเท่านั้นเอง
ลองนึกภาพดู เซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้านั้น นางแข็งแกร่งมากกว่าราชันสวรรค์จ้านหวังเสียอีก
ราชันสวรรค์จ้านหวังที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้านั้น เคยมีผลงานการสู้รบที่โด่งดังมากสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน กระทั่งเคยบัญชาการทั่วหล้ามาแล้วช่วงหนึ่ง
ราชันสวรรค์จ้านหวังที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้ายังขนาดนี่ ย่อมจะประเมินได้ว่าฐานะของเซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้าจะเป็นเช่นใดได้แล้ว
สามารถกล่าวโดยไม่เป็นการคุยโวว่า ในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีปนั้น เว้นแต่จอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุดสิบสองลัคนา สิบสองชะตาฟ้าแล้ว ในบรรดาราชันและเหล่าเทพแล้ว เซียนหวังเย่หลินนับว่าเป็นผู้ที่มีชื่อถูกจัดอยู่ในอันดับเหมือนกัน
ช่วงที่เซียนหวังเย่หลินปกครองตระกูลราชันฉีหลินอยู่นั้น พูดได้อย่างเต็มปากว่า ในชิงโจวไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่มีฐานะหนึ่งสำนักห้าราชันสวรรค์ หรือว่าหนึ่งสำนักสี่เซียนหวังอย่างพรรคซั่วเทียน หรือหนึ่งสำนักสี่ราชันอย่างหลงเฉินก็ต้องอยู่กันอย่างเจียมตัว
ในฐานะที่เป็นสายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในชิงโจวอย่างตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง พรรคซั่วเทียน และหรือหลงเฉิน พวกเขาต่างก็มีจอมราชันหรือเซียนหวังที่ยังคงมีชีวิตอยู่หลายองค์ แต่ในยุคของเซียนหวังเย่หลินหากเป็นมังกรก็ให้ขดตัวให้เรียบร้อย หากเป็นพยัคฆ์ก็หมอบกับพื้นเสียแต่โดยดี!
พูดได้เต็มปากว่า ยุคที่เซียนหวังเย่หลินเกรียงไกรไปทั่วสิบสามทวีปนั้น ยกเว้นจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด และราชันเซียนจากเก้าแดน ในหล้ายากจะมีจอมราชันเซียนหวังสามารถต่อต้านนางได้อีก
แม้ว่าเซียนหวังเย่หลินในเวลานี้จะปราศจากข่าวคราวใดๆ แต่ว่า อำนาจบารมีที่ยังคงเหลืออยู่ยังปกคลุมตระกูลราชันฉีหลินเอาไว้ เสียงของนางยังคงดังก้องอยู่ในตระกูลราชันฉีหลิน
เมื่อหลี่ชิเย่พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันมาถึงและมองดูตระกูลราชันฉีหลินจากระยะห่างไกล มองดูอานุภาพราชันเซียนที่ตลบอบอวลไม่มีจางหายแล้ว เขาถึงกับบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “เซียนหวังเย่หลิน…” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ
อดีตที่ยากจะหวนกลับไปมีมากมายเหลือเกิน ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่ได้ผ่านการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งที่หก และไม่ได้ไปส่งพวกนาง แต่หลี่ชิเย่ก็ไม่ต้องการไปหวนนึกถึง การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งในใจ การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งนี้มีใบหน้าที่เขาคุ้นเคยอย่างที่สุดอยู่มากมาย การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งนี้มีผู้ที่เขาลืมไม่ลงมากมายเหลือเกิน
“ตระกูลราชันฉีหลิน…” เฮ่อเฉินถึงกับตื่นเต้นดีใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นตระกูลราชันฉีหลินจากระยะไกล เขาฝันอยากจะได้มีโอกาสเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลินสักครั้ง แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เขาเองก็ได้แต่ฝันเท่านั้น
มาวันนี้ ตระกูลราชันฉีหลินอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เฮ่อเฉินไม่ดีใจได้หรือ?
เป็นความจริงที่ตระกูลราชันฉีหลินตั้งอยู่ในเมืองฉีหลิน แต่มันก็ฉีกตัวออกจากเมืองฉีหลิน เนื่องจากตระกูลราชันฉีหลินตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าขึ้นไป
เมืองฉีหลินกว้างขวางใหญ่โตมาก บริเวณใจกลางเมืองฉีหลินนั่นเอง มีพื้นที่ที่เป็นที่ราบได้ยกสูงขึ้นเป็นหมื่นจ้าง ทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
ลองนึกภาพดู พื้นที่ที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่นับพันลี้ถูกยกตัวขึ้นทะลุเมฆา ช่างเป็นเรื่องที่อลังการและสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
ตระกูลราชันฉีหลินเสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารที่สูงทะลุเมฆาขึ้นไป อีกทั้งยังเป็นหน้าผาสูงชันที่ตัดตรง พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งตระกูลราชันฉีหลินคล้ายดั่งเป็นที่ราบที่ถูกใครเขาอาศัยสุดยอดฝีมือดึงขึ้นมาทั้งผืน แล้วอาศัยฝีมือที่ยอดเยี่ยมจัดการเฉือนด้านข้างจนเรียบเป็นแท่งตรง
ดังนั้น เมื่อมองจากระยะห่างไกล ตระกูลราชันฉีหลินก็คล้ายดั่งถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก การที่มันตั้งตระหง่านทะลุเมฆาทำให้ดูเหมือนเป็นแคว้นบนสวรรค์อย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
เนื่องจากตระกูลราชันฉีหลินนั้นถูกดึงให้สูงขึ้นไปนับหมื่นจ้าง ดังนั้นหน้าผาสูงชันโดยรอบของตระกูลราชันฉีหลินจึงเป็นน้ำตกที่พุ่งลงมาเสมือนหนึ่งเป็นมังกรแท้จริง สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน และแลดูอลังการยิ่งนัก
ถ้าหากต้องการเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลิน ไม่ก็เหาะขึ้นไป ไม่ก็ปีนขึ้นทางสะพานลอยฟ้า ซึ่งรอบๆ ที่ตั้งตระกูลราชันฉีหลินล้วนแล้วแต่มีสะพานลอยฟ้าที่ทิ้งตัวลงมา ทุกๆ สะพานลอยฟ้าต่างก็ลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่ขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยฟ้าแล้วก้าวเดินไปเพื่อไปยังตระกูลราชันฉีหลินนั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดเป็นมโนภาพว่ากำลังก้าวไปสู่แคว้นสวรรค์ขณะเดินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
เมื่อหลี่ชิเย่พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันมาถึงสะพานลอยฟ้าที่อยู่ด้านหน้าตระกูลราชันฉีหลิน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เฝ้าอยู่บริเวณสะพานลอยฟ้าจึงมีท่าทีที่เคร่งเครียดจริงจังขึ้นมาทันที
เฮ่อเฉินดีใจจนใบหน้าแดงก่ำเมื่อเห็นตระกูลราชันฉีหลินอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้นเอง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตระกูลราชันฉีหลินอยู่ใกล้ตนได้ถึงเพียงนี้ สำหรับเถี่ยซู่องนั้นเขารู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้าง เขารู้ว่าเมื่อไรที่เหยียบเข้าตระกูลราชันฉีหลินแล้ว พวกเขาอาจไม่มีชีวิตรอดกลับออกมาก็เป็นได้ แต่ว่าเถี่ยซู่องยังคงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ไหนๆ ก็มาถึงแล้วก็กัดฟันก้าวเดินต่อไป
“ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไร?” ณ ด้านหน้าของสะพานลอยฟ้า ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของตระกูลราชันฉีหลินได้กล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
“หลี่ชิเย่ ให้ธิดาราชันพวกเจ้ามาให้การต้อนรับก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่สั่งการออกไปด้วยท่าทีเรียบเฉย
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกไป ทำให้บรรดาศิษย์ของตระกูลราชันฉีหลินที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าสะพานลอยถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง คำพูดนี้ออกจะยโสและพาลเหลือเกิน อ้าปากก็บอกว่าต้องการให้ธิดาราชันของพวกเขามาต้อนรับด้วยตนเอง วางมาดมากเหลือเกิน
แม้ว่าศิษย์ของตระกูลราชันฉีหลินจะตะลึงนิดหนึ่ง แต่ พวกเขาก็ไม่กล้าทำชักช้า รีบส่งศิษย์เข้าไปรายงานทันที
“ให้ธิดาราชันมาให้การต้อนรับ วางมาดเหลือเกินนะ” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ไม่ได้ไปเขาชมเทพมาเมื่อได้คำพูดเช่นนี้แล้วรู้สึกไม่พอใจ เนื่องจากพวกเขาต่างก็เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเขตฉีหลิน พวกเขามองว่าธิดาราชันมีฐานะที่สูงส่ง กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นเทพธิดาในทัศนะคติของบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมาก
เวลานี้ได้ยินหลี่ชิเย่เอ่ยปากต้องการให้เทพธิดาในทัศนะคติของพวกเขามาให้การต้อนรับด้วยตนเอง จึงทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยไม่พอใจขึ้นมาทันทีแล้ว
“ฮึ ยโสเหลือเกิน ไม่เห็นตระกูลราชันฉีหลินพวกเราอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้จักส่องดูเงาของตนเองบังอาจกล้าพูดจาสามหาวต้องการให้ธิดาราชันมาต้อนรับ เขานับเป็นตัวอะไร!” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเขตฉีหลินรู้สึกไม่พอใจ พลันมีอคติต่อหลี่ชิเย่ทันที กล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า “นั่นน่ะสิ ต่อให้ด้านหลังของเขามีจอมเทพคอยคุ้มครองอยู่แล้วไง ตระกูลราชันฉีหลินยังมีเซียนหวังคุ้มครองด้วยซ้ำ มีจอมเทพคอยให้การคุ้มครองแล้วคิดว่าตัวเองคือบุรุษผู้สูงส่งจริงๆ รึ?” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่สบอารมณ์ต่อหลี่ชิเย่ใช่มีเพียงคนสองคนเท่านั้น มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับธิดาราชันฉีหลินทันที
เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ปรากฏกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนสิบกว่าคนเหินฟ้าลงมาจากตระกูลราชันฉีหลิน พริบตาเดียวก็ร่อนลงอยู่ตรงหน้าสะพานลอยฟ้าแล้ว
ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าของบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มาถึงในพริบตาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่รูปงามร่าเริงสบายๆ ดูสง่าผ่าเผย ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้สูงศักดิ์ที่ข่มเหงผู้คน
“ท่านผู้นี้ต้องเป็นสหายหลี่แน่นอนน่ะสิ…” พลันที่ชายหนุ่มผู้นี้มองเห็นหลี่ชิเย่ จึงยิ้มกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...