นับว่าเซียนหวังเย่หลินด้อยกว่านิดหนึ่งจริงๆ เมื่อเทียบกับราชันเทพชิงมู่ ราชันสวรรค์หุ้นหยวน ราชันซื่อตี้…เป็นต้น พวกเขาเหล่านี้มีสิบสองลัคนา สิบสองชะตาฟ้าที่เป็นราชันเซียนขั้นสุดยอดแล้ว
แต่ว่า เป็นที่ทราบกันว่า นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา เคยมีจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองเพียงแค่เก้าคนเท่านั้น ขณะเดียวกัน จอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าและมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันก็มีเพียงสี่คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าทั้งสี่จะไม่ปรากฎตัวในโลกปัจจุบันอีกแล้ว ซึ่งมนุษย์ปุถุชนจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นพวกเขาอีก เนื่องจากจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าที่ยังคงมีชีวิตอยู่เหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสวรรค์ลงทัณฑ์ได้อีกต่อไป เมื่อไรที่ร่างแท้จริงของพวกเขาปรากฎตัว โอกาสที่จะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์มีอัตราสูงชนิดเรียกว่าไร้ขีดจำกัดเลยทีเดียว
ดังนั้น เมื่อจอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว ในบางแง่มุมจึงอาจกล่าวได้ว่า จอมราชันและเซียนหวังที่มีสิบเอ็ดชะตาฟ้าคือจอมราชันและเซียนหวังที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถปรากฎตัวในโลกมนุษย์ปุถุชนแล้ว
ด้วยสาเหตุนี้เอง เซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้าจึงส่งผลให้ฐานะของตระกูลราชันฉีหลินในชิงโจวถูกยกระดับให้สูงขึ้นหนึ่งอันดับในทันที
เป็นที่ทราบกั้นว่า สายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในชิงโจวก็คือตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง ขณะที่ราชันสวรรค์จ้านหวัง ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็มีเพียงสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้าเท่านั้นเอง
ลองนึกภาพดู เซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้านั้น นางแข็งแกร่งมากกว่าราชันสวรรค์จ้านหวังเสียอีก
ราชันสวรรค์จ้านหวังที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้านั้น เคยมีผลงานการสู้รบที่โด่งดังมากสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน กระทั่งเคยบัญชาการทั่วหล้ามาแล้วช่วงหนึ่ง
ราชันสวรรค์จ้านหวังที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบชะตาฟ้ายังขนาดนี่ ย่อมจะประเมินได้ว่าฐานะของเซียนหวังเย่หลินที่มีสิบเอ็ดลัคนา สิบเอ็ดชะตาฟ้าจะเป็นเช่นใดได้แล้ว
สามารถกล่าวโดยไม่เป็นการคุยโวว่า ในสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีปนั้น เว้นแต่จอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุดสิบสองลัคนา สิบสองชะตาฟ้าแล้ว ในบรรดาราชันและเหล่าเทพแล้ว เซียนหวังเย่หลินนับว่าเป็นผู้ที่มีชื่อถูกจัดอยู่ในอันดับเหมือนกัน
ช่วงที่เซียนหวังเย่หลินปกครองตระกูลราชันฉีหลินอยู่นั้น พูดได้อย่างเต็มปากว่า ในชิงโจวไม่ว่าจะเป็นตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่มีฐานะหนึ่งสำนักห้าราชันสวรรค์ หรือว่าหนึ่งสำนักสี่เซียนหวังอย่างพรรคซั่วเทียน หรือหนึ่งสำนักสี่ราชันอย่างหลงเฉินก็ต้องอยู่กันอย่างเจียมตัว
ในฐานะที่เป็นสายสำนักราชันเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในชิงโจวอย่างตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง พรรคซั่วเทียน และหรือหลงเฉิน พวกเขาต่างก็มีจอมราชันหรือเซียนหวังที่ยังคงมีชีวิตอยู่หลายองค์ แต่ในยุคของเซียนหวังเย่หลินหากเป็นมังกรก็ให้ขดตัวให้เรียบร้อย หากเป็นพยัคฆ์ก็หมอบกับพื้นเสียแต่โดยดี!
พูดได้เต็มปากว่า ยุคที่เซียนหวังเย่หลินเกรียงไกรไปทั่วสิบสามทวีปนั้น ยกเว้นจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด และราชันเซียนจากเก้าแดน ในหล้ายากจะมีจอมราชันเซียนหวังสามารถต่อต้านนางได้อีก
แม้ว่าเซียนหวังเย่หลินในเวลานี้จะปราศจากข่าวคราวใดๆ แต่ว่า อำนาจบารมีที่ยังคงเหลืออยู่ยังปกคลุมตระกูลราชันฉีหลินเอาไว้ เสียงของนางยังคงดังก้องอยู่ในตระกูลราชันฉีหลิน
เมื่อหลี่ชิเย่พาพวกของเสิ่นเสี่ยวซันมาถึงและมองดูตระกูลราชันฉีหลินจากระยะห่างไกล มองดูอานุภาพราชันเซียนที่ตลบอบอวลไม่มีจางหายแล้ว เขาถึงกับบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “เซียนหวังเย่หลิน…” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ
อดีตที่ยากจะหวนกลับไปมีมากมายเหลือเกิน ต่อให้หลี่ชิเย่ไม่ได้ผ่านการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งที่หก และไม่ได้ไปส่งพวกนาง แต่หลี่ชิเย่ก็ไม่ต้องการไปหวนนึกถึง การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายเช่นนี้ มันทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งในใจ การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งนี้มีใบหน้าที่เขาคุ้นเคยอย่างที่สุดอยู่มากมาย การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายในครั้งนี้มีผู้ที่เขาลืมไม่ลงมากมายเหลือเกิน
“ตระกูลราชันฉีหลิน…” เฮ่อเฉินถึงกับตื่นเต้นดีใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นตระกูลราชันฉีหลินจากระยะไกล เขาฝันอยากจะได้มีโอกาสเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลินสักครั้ง แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เขาเองก็ได้แต่ฝันเท่านั้น
มาวันนี้ ตระกูลราชันฉีหลินอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น เฮ่อเฉินไม่ดีใจได้หรือ?
เป็นความจริงที่ตระกูลราชันฉีหลินตั้งอยู่ในเมืองฉีหลิน แต่มันก็ฉีกตัวออกจากเมืองฉีหลิน เนื่องจากตระกูลราชันฉีหลินตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าขึ้นไป
เมืองฉีหลินกว้างขวางใหญ่โตมาก บริเวณใจกลางเมืองฉีหลินนั่นเอง มีพื้นที่ที่เป็นที่ราบได้ยกสูงขึ้นเป็นหมื่นจ้าง ทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้น
ลองนึกภาพดู พื้นที่ที่เป็นที่ราบกว้างใหญ่นับพันลี้ถูกยกตัวขึ้นทะลุเมฆา ช่างเป็นเรื่องที่อลังการและสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
ตระกูลราชันฉีหลินเสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารที่สูงทะลุเมฆาขึ้นไป อีกทั้งยังเป็นหน้าผาสูงชันที่ตัดตรง พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งตระกูลราชันฉีหลินคล้ายดั่งเป็นที่ราบที่ถูกใครเขาอาศัยสุดยอดฝีมือดึงขึ้นมาทั้งผืน แล้วอาศัยฝีมือที่ยอดเยี่ยมจัดการเฉือนด้านข้างจนเรียบเป็นแท่งตรง
ดังนั้น เมื่อมองจากระยะห่างไกล ตระกูลราชันฉีหลินก็คล้ายดั่งถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก การที่มันตั้งตระหง่านทะลุเมฆาทำให้ดูเหมือนเป็นแคว้นบนสวรรค์อย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นต้องลุกขึ้นแสดงความเคารพเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
เนื่องจากตระกูลราชันฉีหลินนั้นถูกดึงให้สูงขึ้นไปนับหมื่นจ้าง ดังนั้นหน้าผาสูงชันโดยรอบของตระกูลราชันฉีหลินจึงเป็นน้ำตกที่พุ่งลงมาเสมือนหนึ่งเป็นมังกรแท้จริง สร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน และแลดูอลังการยิ่งนัก
ถ้าหากต้องการเข้าไปยังตระกูลราชันฉีหลิน ไม่ก็เหาะขึ้นไป ไม่ก็ปีนขึ้นทางสะพานลอยฟ้า ซึ่งรอบๆ ที่ตั้งตระกูลราชันฉีหลินล้วนแล้วแต่มีสะพานลอยฟ้าที่ทิ้งตัวลงมา ทุกๆ สะพานลอยฟ้าต่างก็ลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่ขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยฟ้าแล้วก้าวเดินไปเพื่อไปยังตระกูลราชันฉีหลินนั้น ทำให้ผู้คนบังเกิดเป็นมโนภาพว่ากำลังก้าวไปสู่แคว้นสวรรค์ขณะเดินอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...