ได้ยินเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากก็คล้ายดั่งเป็นกงจักรที่กวาดเข้าหาจอมเทพเชียนจวิน เสียง “ตูม” ดังสนั่น เมื่อท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากที่เคลื่อนเข้าหา ภาพที่เห็นก็คล้ายดั่งดวงดาวนับล้านล้านดวงที่พุ่งชนพื้นดินอย่างนั้น พลันทำให้มิติกาลเวลาที่อยู่ด้านหน้าของจอมเทพเชียนจวินถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทำให้จอมเทพเชียนจวินตกอยู่ในสภาวะมิติกาลเวลาที่สับสนอลหม่าน
“อากกกก…” จอมเทพเชียนจวินคำรามเสียงดังออกมา ดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่อยู่ด้านหลังพลันเปล่งประกายที่เจิดจ้ายิ่งนัก พลังขมุกขมัวของตรีโลกธาตุพลันกลับกลายเป็นกำแพงที่พาดผ่านกาลเวลายาวนับล้านล้านลี้ในฉับพลัน ไม่เพียงก้าวข้ามช่องว่างแห่งกาลเวลาเท่านั้น ยังก้าวข้ามเวลา โดยที่กำแพงกาลเวลานี้ได้พาดผ่านก้าวข้ามไปเป็นพันปี
“ตูม ตูม ตูม…” เสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ภายใต้การพุ่งชนของท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉาก กำแพงที่พาดผ่านกาลเวลายาวนับล้านล้านลี้พลันแตกละเอียดทีละชั้นๆ สามารถมองเห็นเศษของกำแพงที่แตกหักแต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่โตเพียงพอที่จะทำลายดวงดาวแต่ละดวงได้
กระทั่งจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวง อาศัยพลังจากตราสัญลักษณ์ของตนยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากผู้หญิงในความสลัวที่เพียงสะบัดมือเท่านั้น
“ฆ่า…” ครั้นจอมเทพเชียนจวินมองเห็นกำแพงยาวที่พาดผ่านกาลเวลาของตนพังทลายลงทีละชั้นๆ เขาจึงไม่รั้งรอ พลันชิงความได้เปรียบด้วยการเสือกทวนที่อยู่ในมือแหวกอากาศออกไปในเสี้ยววินาที
“แคร๊ง” เหมือนดั่งทวนยาวจำนวนมากมายที่พุ่งเข้าไปหา หอบเอาปณิธานสูงสุดของจอมเทพเชียนจวิน หนึ่งทวนทำลายโลกีย์มนุษย์ เพลงทวนแปดกระบวนท่ากวาดเข้าหา
ในหนึ่งทวนได้แฝงเอาไว้ซึ่งแปดกระบวนท่า ทุกๆ กระบวนท่าล้วนแล้วแต่แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เป็นกระบวนท่าทำลายโลก มันคือเคล็ดวิชาจอมเทพที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียม เป็นเคล็ดวิชาเพลงทวนที่ภูมิใจยิ่งของจอมเทพเชียนจวิน
“ปัง ปัง ปัง…” ภายใต้พลังที่เผาผลาญจนสิ้นจากหนึ่งทวนแปดกระบวนท่า เห็นเพียงท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวฉากหนึ่งที่โจมตีเข้ามา ปรากฏดวงดาวแต่ละดวงถูกทำลายไปทีละดวงๆ
แค่หนึ่งทวนก็ทำลายดวงดาวได้ดวงหนึ่ง เห็นภาพของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวถูกแทงทะลุและระเบิดแตกออกมา กลายเป็นภาพเสมือนดั่งพลุดอกไม้ไฟที่แตกกระจายออกมาสวยงาม คล้ายดั่งเป็นการทำลายโลกอย่างนั้น เมื่อท้องฟ้าที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวแต่ละฉากที่ระเบิดกันไป มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
การได้มองเห็นการระเบิดชั้นจอมเทพเช่นนี้ ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ มองดูด้วยจิตใจที่สั่นไหว และสร้างความหวั่นไหวยิ่งนัก เฉกเช่นกำลังความสามารถที่ปราศจากผู้ต่อกรของจอมเทพ หากต้องการทำลายสำนักเจ้าลัทธิสักแห่งเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก
แม้ว่าเวทีต่อสู้โบราณจะแขวนอยู่บนท้องฟ้าสูง แต่ไม่ได้ห่างจากผู้คนมากนัก ทว่า การต่อสู้เพื่อชี้ขาดระหว่างจอมเทพเชียนจวินกับผู้หญิงในความสลัวเวลานี้ไม่ได้อยู่ในช่องว่างที่ทุกคนอยู่ มิฉะนั้นล่ะก็ การระเบิดของดวงดาวเป็นพันเป็นหมื่นซึ่งสามารถทำลายฟ้าดินได้นั้น ย่อมสร้างความสะเทือนต่อตระกูลราชันฉีหลินได้!
“ตึง…” หลังจากที่หนึ่งทวนแปดกระบวนท่าของจอมเทพเชียนจวินได้ทำการกวาดล้างทำลายดวงดาวจนสิ้นแล้ว ฉับพลันนั้น ประกายทวนได้กลายเป็นประกายสายหนึ่ง พุ่งเป้าแทงไปที่ร่างเงาสลัวนั่น หนึ่งทวนที่ทิ่มแทงไปพลันแทงทะลุผ่านเป็นนิรันดร์ ก้าวข้ามกาลเวลา
กระบวนท่านี้รวดเร็วมาก เร็วจนไม่อาจหาหน่วยความเร็วมาเปรียบเปรยได้ ความเร็วเช่นนี้ไม่สามารถหวนคะนึงถึงได้อีกแล้ว ฉับพลันทิ่มแทงไปที่บริเวณลำคอของผู้หญิงในความสลัว
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ภายใต้หนึ่งทวนปรากฏสะเก็ดไฟแตกกระจาย สะเก็ดไฟแต่ละเม็ดที่แตกกระจายสามารถทำลายพื้นที่ได้แถบหนึ่ง หากแม้สะเก็ดไฟตกลงโลกมนุษย์สักเม็ด สามารถทำลายแคว้นๆ หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ในขณะนี้เหมือนว่าเวลาได้หยุดนิ่งไปแล้วอย่างนั้น ภาพที่เห็นคือภาพของนิ้วเรียวงามสองนิ้วที่หนีบทวนยาวเอาไว้ ปลายทวนที่เดิมมีประกายเยือกเย็นแลบออกมา เมื่อถูกนิ้วเรียวงามหนีบเอาไว้แล้วถึงกับสลดและอับแสงยิ่งนัก
จอมเทพเชียนจวินถึงกับหวาดผวายิ่งนักเมื่อเห็นทวนยาวของตนถูกหนีบเอาไว้ ทวนยาวของเขาคือระดับจอมเทพ อีกทั้งเป็นชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง มีความดุดัน และร้ายแรงยิ่งนัก
“เปาะ” ทวนยาวที่อยู่ในมือจอมเทพเชียนจวินพลันถูกนิ้วที่เรียวงามหักทิ้ง ทั้งยังเป็นการหักที่ง่ายดายยิ่งนัก ทวนจอมเทพนี้เมื่ออยู่ภายใต้นิ้วที่เรียวงามกลับเสมือนหนึ่งเป็นกิ่งไม้เล็กๆ กิ่งหนึ่งเท่านั้น แค่ออกแรงนิดเดียวก็สามารถหักมันได้แล้ว
“แย่แล้ว…” สีหน้าของจอมเทพเชียนจวินแปรเปลี่ยนไปมาก รู้สึกหวาดผวา ฉับพลันก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว!
แต่ว่า ในพริบตาเดียวนี้เอง ผู้หญิงในความสลัวได้ลงมือแล้ว เห็นเท้าทั้งสองข้างของนางเหินขึ้นเหนือพื้นดิน ร่างของนางลอยอยู่กลางอากาศ นางกางมือออกสองข้าง เสมือนหนึ่งมือเป็นพันเป็นหมื่นหมุนวน ทันใดนั้น เสมือนหนึ่งนางได้กลายเป็นนางฟ้าพันมืออย่างนั้น การหมุนวนของแขนรอบหนึ่งเท่ากับการหมุนวนของโลกหนึ่งรอบ
เสียง “ตูม” ดังสนั่น ทันใดที่พันมือหมุนวนนั้น กาลเวลาของเวทีต่อสู้โบราณพลันตกอยู่ในความมืดทันที ความมืดได้ปกคลุมทั่วเวทีต่อสู้โบราณ นาทีนี้คล้ายดั่งราตรีกาลได้ปกคลุมไปทั่วโลกอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่อาจหลีกหนีพ้นไปจากการปกคลุมของมัน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกราตีกาลสยบเอาไว้
“แว้งค์…” ชั่วพริบตาเดียว ท่ามกลางราตรีกาลเหมือนมีประตูหนึ่งถูกเปิดออก ปรากฏประกายที่เทลงมาเป็นสายเหมือนดวงจันทราที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าสูงในยามค่ำคืน
แต่ว่า ประกายที่เทราดลงมานั้นหาใช่เป็นแสงจันทราที่สวยงามบริสุทธิ์ แต่เป็นการประกายฆ่าฟันที่เยือกเย็นปราศจากผู้ต่อกร ประกายเยือกเย็นที่เทลงมาใช่เพียงแค่ฆ่าฟันเท่านั้น มันยังแฝงไว้ซึ่งปณิธานทำลายสูงสุดเอาไว้ เป็นปณิธานทำลายของราชันเซียน สามารถทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง วันเวลา กาลเวลา สัจธรรมสรรพสิ่ง…ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลายภายใต้ประกายเช่นนี้
สีหน้าของจอมเทพเชียนจวินเปลี่ยนไปเป็นอันมาก เมื่อมองเห็นประกายที่เทลงมา รู้สึกหวาดผวายิ่งนัก ร้องคำรามเสียงดังออกมา “เปิด…” บังเกิดเสียง “ตูม” ดังสนั่น ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามพลันสลับตำแหน่งกันและกัน ตรีโลกธาตุพลันปรากฎเป็นสุดยอดสัจธรรมสูงสุดพุ่งออกมาสามสาย ได้ยินเสียงดัง “ตึง” สัจธรรมทั้งสามสายได้ถักทอเข้าด้วยกัน พลันกลับกลายเป็นทะเลที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ และทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตได้ปรากฎขวางกั้นอยู่เหนือศีรษะของจอมเทพเชียนจวิน เพื่อขวางกั้นประกายที่เทราดลงมาเอาไว้
“ปุ ปุ ปุ…” ปรากฏว่า ประกายที่เทราดลงมาพลันจัดการยิงทะลุทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตกลายเป็นเหมือนชะลอม ประกายแต่ละสายได้ยิ่งทะลุผ่านแนวป้องกันของจอมเทพเชียนจวิน แม้ว่าทะเลที่กว้างใหญ่ซึ่งแปลงมาจากสัจธรรมสามสายที่มีความหนาสุดประเมิน แต่ยังคงถูกประกายที่เทราดลงมายิงจนทะลุ
ประกายลักษณะเช่นนี้พกพาปณิธานของจอมราชันเซียนหวัง ทะเลกว้างใหญ่จากสัจธรรมของจอมเทพไหนเลยจะขวางเอาไว้ได้เล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...