ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1821

ตอนที่ 1821 ชุดตัวอ่อนอินทนิลจอมราชัน
จากการที่จอมเทพเชียนจวินได้สวมใส่ชุดตัวอ่อนอินทนิลจอมราชัน ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิล้วนแล้วแต่ต้องอิจฉา

อะไรคือธาตุแท้ภายใน นี่แหละคือธาตุแท้ภายใน แม้ว่าต่างก็อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน แม้ว่าจะเคยมีสำนักเจ้าลัทธิเคยกำเนิดจอมเทพ แต่ไม่เคยกำเนิดจอมราชันเซียนหวังมาก่อน จะไม่สามารถมีชุดตัวอ่อนจอมราชันอยู่ในความครอบครองสักชุด

“ตึง ตึง ตึง…” เสียงกระทบกันของโลหะดังขึ้นเป็นระลอก ประกายยิงโจมตีเข้าใส่ตัวของจอมเทพเชียนจวิน แต่ก็ถูกต้านเอาไว้ทั้งหมด

ชุดตัวอ่อนชุดนี้ของจอมเทพเชียนจวินไม่เพียงเป็นศาสตราวุธเต๋าจอมราชันเท่านั้น เนื่องจากบทคัมภีร์ของชุดตัวอ่อนอินทนิลจอมราชันคือบทคัมภีร์ป้องกันรักษาดุจหินผา มีประสิทธิภาพในการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก เรียกได้ว่าชุดตัวอ่อนอินทนิลจอมราชันชุดนี้เน้นด้านการป้องกันเป็นหลัก อีกทั้งยังมีโล่ราชัน และเสื้อเกราะราชันที่เป็นตัวป้องกันอีกสองชั้น ซึ่งตัวป้องกันระดับจอมราชันสองชั้นนี้อาจกล่าวได้ว่า สามารถป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ในโลกเอาไว้ได้

“ตูม…” เสียงดังสนั่น พลังขมุกขมัวทั้งหมดที่มีอยู่ของจอมเทพเชียนจวินระเบิดออกมา พลังขมุกขมัวของดวงตราสัญลักษณ์สามดวงเสมือนหนึ่งได้หอบเอาพลังจากตรีโลกธาตุมาถ่ายทอดเข้าไปในชุดตัวอ่อนอินทนิลจอมราชัน พลันทำให้อานุภาพจอมราชันปะทุขึ้นมา เหมือนหนึ่งมีชะตาฟ้าสามสายแขวนอยู่เหนือศีรษะของจอมเทพเชียนจวินอย่างนั้น

ลำพังพลังของดวงตราสัญลักษณ์สามดวงของจอมเทพเชียนจวินก็ทรงพลังมากพอแล้ว เวลานี้ประทุอานุภาพจอมราชันเพิ่มเข้าไปอีก เหมือนหนึ่งเป็นการปลุกเสกให้กับชะตาฟ้าสามสายของจอมเทพเชียนจวินอย่างนั้น เพียงพอที่จะจินตนาการถึงอานุภาพเช่นนั้นได้ น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียม

เสียง “ปัง” ดังสนั่น จอมเทพเชียนจวินหอบเอาอานุภาพจอมราชันบุกฝ่าขึ้นไป ฉับพลันได้ทำลายท้องฟ้าที่ที่คลาคล่ำด้วยดวงดาวไปฉากแล้วฉากเล่า ทำลายระยะห่างของช่องว่างกาลเวลา พลันไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงในความสลัว

“ปัง” เสียงดังสนั่น ในเสี้ยววินาทีนี้เองจอมเทพเชียนจวินได้ลงมือแล้ว พลันลงมือก็เป็นกระบวนท่าถึงตายทันที โล่ราชันที่อยู่ในมือซ้ายโจมตีอย่างหนักหน่วง กระแทกเข้าใส่อย่างแรง ด้วยกระบวนท่า “โล่โจมตีหมื่นชาติ” ขณะที่กระบี่ราชันในมือขวาฟาดฟันลงมา ประกายกระบี่ปะทุรุนแรง เสมือนหนึ่งน้ำตกหนึ่งล้านล้านสายที่เทลงมาพร้อมกัน ด้วยกระบวนท่า “กระบี่ประหารมารฟ้า”

ไม่ง่ายนักกว่าจอมเทพเชียนจวินจะตั้งหลักได้ ดังนั้น พลันที่ลงมือก็คือท่าไม้ตาย โจมตีสังหารทั้งซ้ายและขวา หวังสังหารผู้หญิงในความสลัวผู้นี้เสีย ก้าวต่อไปจะได้ท้าสู้กับหลี่ชิเย่

“แว้งค์…” นิ้วของผู้หญิงคนนี้ชี้ข้ามท้องฟ้าที่คลาคล่ำไปด้วยดวงดาว ภายใต้การชี้ออกไปเพียงครั้งเดียวของนาง เสียงดังก้องเกิดขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยกระบวนท่า “ดัชนีราตรีกาล” หนึ่งดัชนีปล่อยม่านราตรีลงมา ม่านราตรีได้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมมากที่สุดของนาง

“ตูม…” ม่านราตรีและโล่ราชัน สองอาวุธราชันปะทะกัน สะเก็ดไฟแตกกระจาย ขณะที่สะเก็ดไฟแตกกระจายนั้น เสมือนหนึ่งการปะทุของภูเขาไฟพร้อมกันนับล้านล้านลูก เสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย ลาวา และเปลวไฟร้อนแรงปริมาณนับไม่ถ้วนเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก

ยามที่สะเก็ดไฟแตกกระจายพุ่งขึ้นมานั้น พลันจัดการเผาผลาญกาลเวลา และสุริยันจันทราทั้งดวงดาวแถบนี้จนสิ้น ได้ยินเสียงดัง “ฟู่” ดวงดาวจำนวนนับหมื่นนับพันพลันถูกเผาไหม้จนเป็นจุน

เห็นการโจมตีที่สะเทือนฟ้าของทั้งสองฝ่ายแล้ว ทำให้บรรดาระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิทั้งหมดต่างรู้สึกถึงงขาทั้งสองข้างที่สั่นเทา ถึงกับทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นยืน

นี่แหละคือการต่อสู้ชี้ขาดของระดับจอมเทพ กระทั่งสะเก็ดไฟก็สามารถทำลายสุริยันจันทราและดวงดาวได้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว การทำลายด้วยการเผาแม่น้ำต้มทะเลเป็นเรื่องจิ๊บๆ เท่านั้นเอง

ชั้นการต่อสู้ชี้ขาดระดับเช่นนี้ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่เข้ามาสอดแทรก หรือพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือ หากให้พวกเขายืนอยู่ที่สนามต่อสู้ล่ะก็ เกรงว่าแค่สะเก็ดไฟที่กระเด็นมาตามอารมณ์สักเม็ดก็สามารถเผาทำลายพวกเขาได้แล้ว

“เปิด…” ในระหว่างที่สองฝ่ายกำลังประลองกำลังกันอยู่นั้น จอมเทพเชียนจวินได้คำรามเสียงดังออกมาทีหนึ่ง ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามดวงได้พวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างรุนแรง ในเวลานี้เอง ได้มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยากจะหาได้เทียมพวยพุ่งออกมาจากตัวของจอมเทพเชียนจวิน เปลวเพลิงลักษณะเช่นนี้คือประกายของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประกายศักดิ์สิทธิ์ทุกๆ สายเปี่ยมไปด้วยพลังของจิตวิญญาณ เสมือนหนึ่งเป็นปีกของสวรรค์ที่กางออกมา

ในขณะนี้ จอมเทพเชียนจวินทุ่มสุดตัวแล้ว ไม่เสียดายกับการที่ต้องสิ้นเปลืองทุกอย่าง จะต้องสังหารผู้หญิงในความสลัวตรงหน้าให้จงได้

จอมเทพหนานหยางมีท่าทีที่เคร่งเครียดยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้ เนื่องจากจอมเทพเชียนจวินในขณะนี้กำลังเอาชีวิตเข้าแลก เป็นการสิ้นเปลืองพลังขมุกขมัว และพลังของโลกดึกดำบรรพ์ของตนอย่างรุนแรง ต่อให้เกมการต่อสู้ในครั้งนี้จอมเทพเชียนจวินเป็นฝ่ายชนะ เกรงว่าเขาคงต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานมากในการฟื้นคืนพลัง กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่าไม่สามารถกลับไปอยู่ในสภาพที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของตนได้อีกต่อไป

“ตูม ตูม ตูม…” เวลานี้ เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก เสียงตังตูมตามเช่นนี้ดังก้องไปทั่วกาลเวลาที่สื่อสารถึงกันได้ ทุกๆ เสียงที่ดังตูมตามขึ้นมาสามารถทำลายท้องฟ้าที่ว่างเปล่าได้

จากเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นเป็นระลอก อานุภาพราชันเซียนของโล่ราชัน และกระบี่ราชันของจอมเทพเชียนจวินได้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง โดยอานุภาพราชันที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงได้เข้าสยบม่านราตรีของผู้หญิงในความสลัว ต้องการทำลายม่านราตรีให้แหลกลาญไป

เสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด” ดังขึ้น ในขณะนี้ภายใต้การโต้กลับของจอมเทพเชียนจวิน ภายใต้สถานการณ์ไม่เสียดายที่จะสิ้นเปลืองพลังขมุกขมัวทั้งหมดที่มีอยู่ ในที่สุดก็สามารถกุมความได้เปรียบ จากเสียง “จี๊ด จี๊ด จี๊ด”ที่ดังขึ้น ม่านราตรีเสมือนหนึ่งเป็นน้ำขึ้นน้ำลงที่ล่าถอยกลับไป พื้นที่ของม่านราตรีเล็กลงๆ เรื่อยๆ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าผู้หญิงในความสลัวที่สูญเสียม่านราตรีไปจะต้องถูกโล่ราชันและกระบี่ราชันสังหารอย่างแน่นอน

หลี่ชิเย่ที่เห็นภาพนี้แล้วไม่ได้แสดงอาการลนลาน ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “นับว่ามีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ไม่ได้ประสานเข้าด้วยกันสามารถได้มาตรฐานถึงเพียงนี้ หาได้ยากนัก เอาเถอะ ให้เจ้าได้เห็นฝีมือของข้าบ้างก็แล้วกัน ดูท่าเจ้าไม่ถึงที่สุดคงไม่ตายใจแล้วหละ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล