หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกว่าศึกลอบโจมตีเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดแล้ว เนื่องจากเรื่องลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในแดนสิบมากเหลือเกิน เกิดขึ้นทุกยุคสมัย กระทั่งเกิดขึ้นหลาครั้ง หรือกว่าสิบครั้งในยุคสมัยเดียว
แม้ว่า เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่านี้จะมีการลงนามในสัญญากับร้อยเผ่าพันธุ์ แต่ก็มีขัดแย้งและปะทะกันตลอด บนเส้นทางที่ก้าวไปยังจอมราชันเซียนหวังจะเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดมากที่สุด
ทุกยุคสมัยล้วนแล้วแต่เคยปรากฎเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์โจมตีดาวรุ่งที่อยู่ต่างฝ่ายซึ่งกันและกันกับร้อยชาติพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ต้องการเห็นฝ่ายตรงข้ามกำเนิดจอมราชันเซียนหวังขึ้นมาใหม่
ต่อให้เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์และร้อยชาติพันธุ์ไม่โจมตีซึ่งกันและกันแล้ว แต่ เมื่อการสืบทอดชะตาฟ้าถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ก็จะมีจอมเทพหรือผู้ยิ่งใหญ่คนใดคนหนึ่งของตระกูลขุนนางโบราณแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือสำนักใดสำนักหนึ่งก่อให้เกิดการลอบโจมตีกันขึ้นมา
แม้ว่าในแดนที่สิบจะมีชะตาฟ้าถึงเจ็ดสิบสองสาย แต่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกยุคสมัยจะปล่อยให้ชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปได้จนหมดสิ้น
ถ้าหากว่าชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดแล้ว สิบสามทวีปอาจจะเข้าสู่ยุควิบากแห่งเต๋า เนื่องจากหากชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดล่ะก็ ก็จะดึงเอาพลังขมุกขมัวทั้งหมดออกจากสิบสามทวีป และสยบพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ของสิบสามทวีปเอาไว้ทั้งหมด
หากเป็นเช่นนี้จะทำให้ทั่วทั้งสอบสามทวีปตกอยู่ในยุคที่น่ากลัว ซึ่งส่งผลให้การฝึกของชนรุ่นหลังก้าวไปด้วยความยากลำบากยิ่ง และทำให้จอมราชันเซียนหวัง จอมเทพและเทพโบราณในอดีตได้รับผลกระทบสูงมาก โดยเฉพาะกล่าวสำหรับจอมเทพแล้ว หากชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมด เช่นนั้นแล้ว พวกเขาอย่าหวังจะมีความก้าวหน้าในการฝึกยุคสมัยนี้อีกเลย อย่าหวังจะได้ทำอะไร พวกเขาจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบและสยบมากที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง ระดับจอมเทพไม่ต้องการเห็นชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดมากที่สุด กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นอยากจะเห็นสภาพเช่นนี้เหมือนกัน
ดังนั้น เมื่อไหร่ที่จำนวนชะตาฟ้าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ก็จะมีผู้ยิ่งใหญ่ก่อศึกการโจมตีขึ้น เพื่อให้ชะตาฟ้าที่ยังคงเหลืออยู่ไม่ถูกใครสืบทอดไปได้อีก มีเพียงเช่นนี้ หลังจากหนึ่งหมื่นปีผ่านไป ชะตาฟ้าที่คงเหลืออยู่ก็จะสลายคืนสู่ฟ้าดินอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้เอง ทุกยุคสมัยก็จะมีชะตาฟ้าหลงเหลืออยู่ และค่อยๆ กลายเป็นเหตุการณ์ปรกติเสียแล้ว
และส่งผลให้ดาวรุ่งที่มีโอกาสได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังในทุกยุคสมัยต้องชิงลงมือก่อนก้าวหนึ่งเสมอ มิฉะนั้นล่ะก็ หากสืบทอดชะตาฟ้าช้าไป ดาวรุ่งคนหรือสองคนสุดท้ายที่จะสืบทอดชะตาฟ้ามีสิทธิ์ถูกโจมตีโดยผู้อาวุโสมากที่สุด
“ถูกต้อง” เผิงยวี่รู้สึกภูมิใจเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่กล่าวชมบรรพบุรุษของตน และกล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษให้ความใส่ใจต่อเรื่องราวของร้ายชาติพันธุ์เสมอมา เขานึกึงร้อยชาติพันธุ์อยู่ตลอด เขาเคยสั่งสอนลูกหลานว่า หากร้อยชาติพันธุ์อ่อนแอ ตระกูลเผิงของพวกเราก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้”
“รังที่คว่ำลงไหนเลยจะมีไข่ที่สมบูรณ์ได้” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมา จอมเทพท่าซิงเป็นผู้ที่ผ่านศึกล่าราชันมาเขารับรู้อย่างลึกซึ้งถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของร้อยชาติพันธุ์ ถ้าหากไม่มีรูปแบบในวันนี้ ก็จะไม่มีความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์
“ไม่รู้ว่าท่านบรรพบุรุษเวลานี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เมื่อพูดถึงบรรพบุรุษของตนเองแล้ว เผิงยวี่ดูจะคุยมากขึ้นเหลือเกิน เขาถึงกับมีท่าทีที่สลดนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “นับตั้งแต่ศึกลอบโจมตีแล้วก็ไม่ได้มีข่าวคราวของท่านอีกเลย และท่านก็ไม่ได้ติดต่อกับทางตระกูลเลย”
ศึกษการลอบโจมตีในครั้งนั้น จอมเทพท่าซิงเป็นผู้รับผิดชอบด้านหนึ่งโดยลำพัง เรียกได้ว่ากล้าหาญยิ่งนัก ต่อมามีข่าวลือว่า จอมเทพท่าซิงได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่เบาจากการศึกในครั้งนี้ จะอย่างไรเสียตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังใช่จะยุ่งได้โดยง่ายดาย พวกมันคือสำนักที่มีห้าจอมราชัน ต่อให้จอมราชันของพวกเขาไม่ปรากฏตัวออกมาแล้ว สำพังจำนวนจอมเทพของพวกเขาเพียงพอจะทำให้ผู้คนต้องตกใจแล้ว
เผิงยวี่เป็นเพียงชนรุ่นหลังที่เป็นหลาน เขาไม่มีสิทธิ์รับรู้ถึงพิกัดตำแหน่งที่จอมเทพท่าซิงหลบซ่อนตัว และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปติดต่อจอมเทพท่าซิงได้
ขณะที่มาถึงวันนี้ ตระกูลเผิงไม่เหมือนเช่นในอดีตอีกแล้ว รุ่นอาวุโสด้อยหลอ ส่งผลให้ตระกูลเผิงไม่สามารถติดต่อจอมเทพท่าซิงได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงให้ลูกหลานไปขอเฝ้าจอมเทพท่าซิงอีกเลย
เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง แม้ว่าวันเกิดของจอมเทพท่าซิงกำลังจะมาถึง ลูกหลานเฉกเช่นเผิงยวี่เหล่านี้ได้แต่อวยพรวันเกิดจากระยะห่างไกล ไม่สามารถจัดงานฉลองวันเกิดให้กับบรรพบุรุษของตนจริงๆ สักครั้ง
“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ บรรพบุรุษของเจ้ามีสายเลือดเก้ากระถางในครอบครอง เขาสามารถผ่านไปได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสองสายเลือดโบราณ ความแข็งแกร่งของมันใช่ว่าเจ้าจะสามารถจินตนาการได้”
ในสิบสามทวีปเป็นโลกที่บ่งชี้ความแข็งแกร่งและอ่อนด้อยด้วยสายเลือด อาศัยสายเลือดตัดสินทุกอย่าง แน่นอน สายเลือดที่บ่งบอก ณ ที่ตรงนี้หมายถึงสี่ยอดสายเลือดเซียน แปดยอดสายเลือดโบราณ และสิบสองสายเลือดบรรพบุรุษ!
ในบรรดาสายเลือดนั้น ยิ่งสายเลือดมีความโบราณมากเท่าไรก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น เนื่องจากสายเลือดยิ่งโบราณมากเท่าไรก็จะบ่งบอกถึงความดั้งเดิมของมัน และเข้าใกล้ลักษณะของฟ้าดินที่เริ่มบุกเบิก
ดังนั้น สายเลือดบรรพบุรุษมีความหมายคือ การหวนคืนสู่บรรพบุรุษ สายเลือดประเภทนี้สามารถไล่เรียงถึงยุคต้นกำเนิดของแต่ละชาติพันธุ์ สายเลือดโบราณ หมายถึงการเข้าถึงสายเลือดประเภทนี้สามารถไล่เรียงถึงยุคที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งที่เป็นยุคของเทพนิยาย สำหรับสายเลือดเซียนนั้นยิ่งมีความลึกลับมากกว่า ตามตำนานเล่าว่า ในยุคที่ดึกดำบรรพยิ่งเคยมีเซียนปรากฏ ดังนั้น จึงมีการถ่ายทอดสายเลือดเซียนสู่ชนรุ่นหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...