สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1837 ข่มขวัญ – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 1837 ข่มขวัญ ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เป็นที่ทราบว่า วันนี้คืองานเลี้ยงฉลองวันเกิดของจอมเทพท่าซิง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเผิง ในฐานะที่เป็นแขกมาอวยพรวันเกิด ไม่ว่าจะมีบุญคุณความแค้นเพียงใดก็ตาม การก่อเรื่องขึ้นท่ามกลางงานเลี้ยง กระทั่งสังหารผู้คน คือพฤติกรรมที่ทำลายงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของตระกูลเผิงโดยตรง ไม่เพียงเป็นการตบหน้าตระกูลเผิงเท่านั้น เป็นการไม่ให้เกียรติแก่จอมเทพท่าซิงอีกด้วย
คำพูดของกษัตริย์เทียนหวงทำให้บรรดาแขกที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงกับส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจลับๆ ออกมา ผลงานที่จอมเทพท่าซิงได้มอบให้กับร้อยชาติพันธุ์นั้นเป็นที่ประจักษ์ของทุกคน ไม่ว่าตระกูลเผิงจะเสื่อมลงหรือไม่ จอมเทพท่าคงยังคงสมควรที่บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์ได้ให้ความเคารพ เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงกลับต้องการอาละวาดกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด เป็นการไม่เห็นจอมเทพท่าซิงอยู่ในสายตา และไม่เห็นร้อยชาติพันธุ์อยู่ในสายตาอีกด้วย
“พูดเช่นนี้ แสดงว่าข้าสมควรที่รับการชี้แนะจากสุดยอดเคล็ดราชันของแคว้นหงส์ฟ้าใช่หรือไม่หละ?” เมื่อกษัตริย์เทียนหวงไม่ให้เกียรติเช่นนี้ เผิงเย่จึงเริ่มไม่เกรงใจ เขาลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาทั้งสองปรากฏประกายสายฟ้าที่แลบแปลบๆ ออกมา
แม้ว่าเป็นความจริงที่แคว้นหงส์ฟ้านั้นมีความเข้มแข็งยิ่งนัก กษัตริย์เทียนหวงเป็นพ่อตาของจินเก๋อ ซึ่งเป็นที่หวาดหวั่นของผู้คนโดยแท้จริง แต่ว่า หากกษัตริย์เทียนหวงต้องการทำลายงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของตระกูลเผิงล่ะก็ ไม่ว่าจะอย่างไรตระกูลเผิงของพวกเขาก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้
บรรพบุรุษเผิง เรื่องนี้ท่านต้องคิดให้รอบคอบ แม้ว่าท่านจะแข็งแกร่งมากกว่าข้า แต่ ข้าก็ใช่ว่าตระกูลเผิงของท่านจะมายุ่งได้โดยง่าย! ที่ข้ามาอวยพรวันเกิดในวันนี้ นับว่าได้พกพาความจริงใจยิ่งมาด้วยแล้ว” เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงหัวเราะเย็นชา กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “จอมเทพท่าซิงของตระกูลเผิงเข้าร่วมโจมตีลูกเขยของข้าในครั้งนั้น ถือว่าเป็นการประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแล้ว…”
“…หากไม่เป็นเพราะลูกเขยข้ามีน้ำใจโอบอ้อมอารี ไม่ได้ส่งกำลังเหยียบตระกูลเผิงให้ราบเป็นหน้ากลอง ตระกูลเผิงของพวกเจ้าคงไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว! มาวันนี้ ตระกูลเผิงของท่านยังหาญกล้าปกป้องคนร้ายที่สังหารลูกชายของข้า เป็นความผิดมหันต์ที่ไม่อาจให้อภัย! วันนี้หากตระกูลเผิงไม่ส่งมอบคนร้ายฆ่าคนออกมา ไปขอขมาและยอมรับความผิดต่อลูกเขยของข้า ยกพื้นที่ให้เป็นการชดใช้ มิฉะนั้นล่ะก็ ลูกสาวข้าจะต้องส่งกำลังโจมตีตระกูลเผิงแน่ ในมือลูกสาวข้ามีกำลังเป็นล้าน ระดับจอมเทพกว่าสิบคน ด้านหลังยังมีบรรดาราชันสวรรค์ของจ้านหวังคอยสนับสนุน ตระกูลเผิงพวกท่านก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!”
ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ท่าทีของเขาเรียกว่าเย็นชาและข่มเหงผู้คนเหลือเกิน เป็นการหักหน้ากันอย่างเปิดเผยโดยไม่เห็นแก่หน้าอีกแล้ว
บรรดาแขกที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหายใจคว่ำเมื่อกษัตริย์เทียนหวงพูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างรู้สึกสะท้านภายในใจ นี้เป็นการหักหน้าอย่างเปิดเผยชัดๆ โดยสิ้นเชิง
กษัตริย์เทียนหวงถึงกับต้องการให้ตระกูลเผิงไปขอขมาและยอมรับผิดต่อจินเก๋อกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของจอมเทพท่าซิง ทั้งยังต้องยกพื้นที่บางส่วนเป็นการชดใช้ นี่หาใช่แค่เป็นการตบหน้าตระกูลเผิงเท่านั้น มันคือการยกเท้าเหยียบลงบนใบหน้าของตระกูลเผิงชัดๆ
คำพูดของกษัตริย์เทียนหวงสร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรมในใจขึ้นกับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของร้อยชาติพันธุ์ แต่ว่าก็รู้สึกสะท้านภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ และไม่กล้าเสนอหน้าออกมาพูดสักคำ
พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา ไม่ว่าใครก็ต้องประเมินตัวเองกับผลของการไปยั่วยุเขา ในมือของลูกสาวมีกองทัพนับล้าน มีจอมเทพจำนวนไม่น้อยที่ทำงานให้กับนาง แล้วยังมีบรรดาราชันสวรรค์ของจ้านหวังคอยให้การสนับสนุน นั่นย่อมบ่งบอกว่าองค์หญิงเทียนหวงจะต้องไร้เทียมทาน และปราศจากผู้ต่อกรแน่นอน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าไปยุ่งกับนาง!
พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำนี้ออกมาทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า หลังจากที่จินเก๋อต้องเสียเปรียบในครั้งนั้นแล้ว ในที่สุดก็ได้งัดเอาผู้หนุนหลังออกมาแล้ว การสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งนี้ เขาจะต้องทำสำเร็จให้จงได้
ความจริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่รู้ว่า นี่เป็นการคุยโวของกษัตริย์เทียนหวงเท่านั้น เขาเพียงแต่ทำเหมือนเป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือเท่านั้น
ถูกต้อง ในมือขององค์หญิงเทียนหวงมีกองทัพนับแสนจริง กระทั่งจอมเทพบางส่วนของตระกูลขุนนางโบราณก็อยู่ภายใต้การกำกับสั่งการขององค์หญิงเทียนหวง อีกทั้งจินเก๋อเองก็พยายามให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนของจอมราชัน
แต่ว่า องค์หญิงเทียนหวงไม่ได้บอกว่าต้องการให้ตระกูลเผิงมาขอขมาและยอมรับผิด ตรงกันข้าม ในขณะนี้องค์หญิงเทียนหวงพยายามให้ทำตัวค่อมต่ำ รักษากองกำลังเอาไว้ บำรุงและสั่งสมกำลังให้พร้อม ทุ่มเทสรรพกำลังและทรัพยากรทั้งหมดอยู่กับจินเก๋อซึ่งเป็นสามีของนางเพื่อการสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งต่อไป
เนื่องจากองค์หญิงเทียนหวงเป็นกังวลว่าการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งที่สองของจินเก๋อจะต้องประสบกับการโจมตีของร้อยชาติพันธุ์อีกครั้ง ดังนั้น นางต้องการความมั่นใจว่าสามารถรับประกันได้ว่าสามารถสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งที่สองได้ลุล่วง เพื่อรักษากองกำลังเอาไว้ นางจะไม่ยอมสูญเสียกำลังพลแม้แต่รายเดียวโดยเปล่าประโยชน์!
เพื่อให้การสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งที่สองสามารถสำเร็จได้อย่างราบรื่น องค์หญิงเทียนหวงถึงกับเคยแสดงความเป็นมิตรกับตระกูลราชันฉีหลิน หลงเฉิง หุบเขาตะวันรอนที่เป็นสายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์ มีท่าทีต้องการเป็นพันธมิตรต่อกัน
แต่ว่า กษัตริย์เทียนหวงกลับไม่คิดเช่นนี้ เขาเข้าใจไปเองว่า ในมือของลูกสาวมีกองทัพไพร่พลนับล้าน มีจอมเทพให้สั่งการใช้งานได้ ยิ่งกว่านั้นยังได้รับการสนับสนุนจากจอมราชันเซียนหวัง จึงทำให้กษัตริย์เทียนหวงถึงกับมีความมั่นใจในตนเองที่เปี่ยมล้น ขอเพียงลูกสาวมีอำนาจอยู่ในมือ กล้าหาญกล้าขวางทางของเขา
มาครั้งนี้ เดิมทีเข้าต้องการมาหาองค์หญิงเทียนหวงให้ล้างแค้นแทนรัชทายาทเทียนหวง แต่กลับถูกองค์หญิงเทียนหวงปฏิเสธ กระทั่งยังเตือนให้เขาใจเย็นอาไว้
แต่กษัตริย์เทียนหวงฟังไม่เข้าหูกับคำพูดขององค์หญิงเทียนหวง เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายของตนที่ตายไป
เร็วๆ นี้ เขาได้ข่าวว่าหลี่ชิเย่อาศัยอยู่ที่ตระกูลราชันฉีหลิน เขาจึงมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าการตายของลูกชายตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลราชันฉีหลินอย่างแน่นอน แต่ อาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรหลี่ชิเย่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลราชันฉีหลิน
ดังนั้น เขาจึงได้แอบไปดึงผู้ที่จะมาร่วมเป็นพันธมิตร โดยอาศัยชื่อของบุตรีตน หวังจะจัดตั้งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากดดันต่อตระกูลราชันฉีหลิน
“ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังนับเป็นตัวอะไร” ขณะที่คนถ่อยอย่างตงกงเจิ้งกำลังได้ใจอยู่นั้น ปรากฏเสียงที่เอ้อระเหยดังขึ้นมา
ทุกคนหันมองไปตามเสียง ปรากฏว่าเจ้าของเสียงก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ในเวลานี้เขายังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยจิบสุราเลิศรส และทานอาหารชั้นเลิศอยู่ตรงนั้น
ขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมานั้น เขาเพิ่งจะหั่นเนื้อชิ้นหนึ่งด้วยท่วงท่าที่สง่างาม กำลังส่งเข้าปากเคี้ยวกินอย่างช้าๆ ท่าทางในเวลานี้ของเขาช่างเอ้อระเหยอิสระเสรีเหลือเกิน กำลังเสพสุขเพลินไปกับมื้อนี้อยู่
ขณะที่ตระกูลเผิงกำลังมีท่าทีตาต่อตาฟันต่อฟันกับกษัตริย์เทียนหวงอยู่นั้น ทุกคนลืมไปสนิทว่ายัมีหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บริเวณมุมห้องอย่างเงียบๆ อีกคน เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่ปริปากพูดขึ้นมา ทุกคนจึงนึกขึ้นได้ว่า หลี่ชิเย่นั่นแหละคือโจทย์ที่แท้จริง
“วาจาสามหาวมาก!” ตงกงเจิ้งส่งเสียงฮึออกมาเย็นชาเมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดแทรกขึ้นมาเช่นนี้ กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “เจ้าหนูที่ไม่รู้จักคำว่าตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังบ่งบอกถึงสิ่งใดหรือไม่? ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังคือหนึ่งสำนักห้าราชัน เป็นผู้นำของชิงโจว หากตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจะสังหารเจ้าก็เหมือนบี้มดให้ตายตัวหนึ่งอย่างนั้น!”
บรรดาผู้บำเพ็ญตนร้อยชาติพันธุ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจลับๆ กับคำพูดของตงกงเจิ้ง ชิงโจวคือถิ่นของร้อยชาติพันธุ์ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจากเผ่าสวรรค์มาเป็นผู้นำของชิงโจวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“หนึ่งสำนักห้าราชันแค่จิ๊บๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้เช็ดปากด้วยท่าทีที่สง่างาม จากนั้นก็เช็ดมือทั้งสอง ยังคงกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “อยู่ต่อหน้าข้า ตระกูลเฉี่ยนที่หนึ่งสำนักเก้าราชัน แล้วยังครอบครองตำราสวรรค์นั่น ยังพอจะพูดคำพูดที่แข็งกร้าวได้บ้าง ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่มีหนึ่งสำนักห้าราชัน มันก็แค่ขยะเท่านั้นเอง!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ไม่ได้มองหน้าตงกงเจิ้งกับกษัตริย์เทียนหวงมากกว่าครั้ง ท่าทีอิสระสบายๆ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับงงงันอย่างสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไร้ข้อกังขา ต่อให้ตั้งอยู่ในชิงโจว ซึ่งเป็นถิ่นของร้อยชาติพันธุ์ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยังคงมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ด้วยกำลังที่ยากจะหาใดเทียม ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนฐานะของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังในชิงโจวได้ หาไม่แล้ว ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังคงไม่สืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้ได้แล้ว
……………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...