เฟิงยี่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้าเป็นเพียงเด็กกำพร้าคนหนึ่ง เป็นท่านอาจารย์ที่มอบทุกสิ่งให้กับข้า มีท่านอาจารย์จึงมีข้าในวันนี้ การทำเพื่ออาจารย์เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอยู่แล้ว
“ดีมาก ในเมื่อเจ้ามีความสนใจข้าเล่นเป็นเพื่อนก็แล้วกัน เดินสักรอบจะเป็นไรไป” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะกล่าวออกมา ท่าทางเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กล้าหาญมาก…” เฟิงยี่เองก็ดูจะดีใจยิ่ง กล่าวว่า “คนที่ไม่ธรรมดาย่อมไม่ธรรมดา ใช่คนรุ่นข้าสามารถเทียบเคียงได้”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง มองดูทารกมังกรทองที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “เจ้าจะมาสนุกด้วยสักครั้งหรือไม่? คนมากคึกครื้นจึงจะน่าสนใจดี”
คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้ทารกมังกรทองตะลึงนิดหนึ่ง จิตใต้สำนึกทำให้เขาต้องมองดูทะเบที่เต็มไปด้วยสายฟ้าแลบที่วิ่งกันพล่าน
“ทารกมังกรทอง หากเจ้ายินดี พวกเราก็มาพนันด้วยกันสักครั้ง พนันร่วมกันสามคนเลยดีมั้ย? พวกเราไปเดินเล่นในเขตฟ้าแลบสักรอบกัน ใครอยู่ได้นานที่สุด ใครคนนั้นเป็นผู้ชนะ” เมื่อหลี่ชิเย่เสนอขึ้นมา เฟิงยี่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งทารกมังกรทอง หัวเราะเยาะนิดหนึ่งส่งคำท้าทายไปยังทารกมังกรทอง
ทารกมังกรทองละสายตากลับมาจากทะเลสายฟ้าแลบ หัวเราะและกล่าวว่า “เฟิงยี่ เจ้าไม่ต้องทำยกตนข่มท่าน ข้าทารกมังกรทองไหนเลยจะกลัวเจ้า! แต่ว่า วันนี้ข้าจะไม่มาแย่งความโดดเด่นของท่านผู้นี้ ข้าจะไม่เข้าไปสอดกับการแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเจ้า เพื่อไม่ให้เจ้าต้องพ่ายแพ้จนน่าเกลียดมากเกินไป! รอให้เจ้ากับท่านผู้นี้สามารถมีชีวิตรอดกลับมา เจ้ากับข้าค่อยกำหนดวันเวลาสถานที่มาสู้กันสักครั้งก็ยังไม่สาย!”
เมื่อทารกมังกรทองเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และหัวเราะกล่าวว่า “ท่านเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวยากจะหาผู้ใดเทียม ข้อขออวยพรให้ท่านได้รับชัยชนะกลับมา เพื่อจะได้สยบความหยิ่งยโสของพรรคซั่วเทียน ฮึ ให้พวกเขาได้เข้าใจว่า อย่านึกว่าตัวเองมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็สามารถทำตัวไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา อวดดีอันธพาล!”
“แน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มและพยักหน้าสำหรับคำพูดของทารกมังกรทอง
“ดี งั้นข้าก็ไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ หลังจากวันนี้ไปแล้ว บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราค่อยหาเวลาคิดบัญชีกัน!” เฟิงยี่ขี้คร้านจะไปตอเยกับทารกมังกรทองให้มันมากความ กล่าวท่าทีเยาะเย้ยออกมา
“ข้ายินดีสนองทุกเมื่อ!” ทารกมังกรทองยิ้มเยาะ กล่าวด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า “ข้ากลับต้องการดูว่าเจ้าได้ฝึกเคล็ดเซียนหวังของพรรคซั่วเทียนได้กี่ส่วนแล้ว!” กล่าวพลางแสดงท่าทีที่อันธพาลข่มผู้คน
เฟิงยี่ไม่สนใจต่อทารกมังกรทอง หันไปพูดกับหลี่ชิเย่ว่า “ท่าน เชิญ”
หลี่ชิเย่หัวเราะและมีอารมณ์สนุกร่วม ลุกขึ้นยืนเดินไปที่บริเวณกาบเรือ ขณะที่เฟิงยี่โค้งคำนับให้กับ
“ขอให้ได้รับชัยชนะกลับมา ล้มพรรคซั่วเทียน!” ในขณะนี้ ทารกมังกรทองได้ตะโกนเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ว่า “ข้ารอท่านได้รับชัยชนะกลับมาอยู่ตรงนี้ ส่งเสียงเชียร์ให้กับท่าน”
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ มองดูเขตสายฟ้าแลบกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเรามาเริ่มกันเลย”
แต่ว่า ในระหว่างที่หลี่ชิเย่กับเฟิงยี่ยังไม่ทันได้เริ่ม กัปตันเรือนิรันดรก็ร้องเสียงดังออกมาว่า “ผู้ที่ออกจากเรือต้องรับผิดชอบตัวเอง จะเป็นหรือตายทางเรือไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น”
แน่นอน ทั้งหลี่ชิเย่และเฟิงยี่ต่างทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของกัปตันเรือ พวกเขาเองก็ไม่ได้เรียกร้องให้เรือนิรันดรต้องมารับผิดชอบ
ในขณะนี้เฟิงยี่ยืนอยู่ข้างลำเรือ แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ท่าน ข้าไม่เจียมตัวขอเริ่มก่อน พวกเราพบกันที่เขตฟ้าแลบกัน” ขาดคำ เสียงดั่งมังกรคำราม ร่างดั่งมังกรพุ่งตัวออกไปโดยพลัน อาศัยความเร็วที่สุดจะเทียบเทียมเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบ
ความเร็วของเรือนิรันดรนับว่าไวมากแล้ว วิ่งฮ้อมาตลอดทาง สามารถเรียกได้ว่าเป็นความเร็วระดับจอมราชันเซียนหวังได้แล้ว แม้วว่าหลังจากเข้าสู่เขตสายฟ้าแลบจะมีการชลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงมีความเร็วที่น่ากลัวยิ่ง
แต่ว่าขณะนี้เฟิงยี่เสมือนดั่งมังกรเจียวหลง ทะยานข้ามฟากฟ้า ดั่งมัจฉาว่ายอยู่ท่ามกลางเขตฟ้าแลบ ความเร็วของเขายากจะหาผู้ใดเทียบเทียม แซงล้ำหน้าความเร็วของเรือนิรันดร พลันที่เขาบุกฝ่าเข้าไปในเขตฟ้าแลบ ด้วยความเร็วของเขาภายในระยะเวลาอันสั้นเรือนิรันดรไม่สามารถตามเขาให้ทัน
“อหังการ” ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มองตัวเขาด้วยความไม่สบอารมณ์ หรือผู้ที่มองเขาอย่างชื่นชมล้วนแล้วแต่ต้องยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เขา เมื่อเห็นเฟิงยี่บุกฝ่าเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบเพียงพริบตาเดียว อานุภาพของเขตสายฟ้าแลบทุกคนต่างประจักษ์แก่สายตา เวลานี้เฟิงยี่กล้าบุกไปอยู่ด้านหน้าของเรือนิรันดร ลำพังแค่ความกล้าหาญส่วนนี้ก็สมควรแก่การชื่นชมแล้ว
“ซั่วเทียนมังกรเยื้องย่าง…” ครั้นผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสมองเห็นเฟิงยี่ที่เดินฝ่าเข้าไปในเขตฟ้าแลบ และมองออกถึงเคล็ดวิชานี้ของเขา ถึงกับกล่าวชื่นชมออกมาว่า “เคล็ดวิชาเซียนหวังโอหังยิ่งคิดค้นโดยเซียนหวังซั่วเทียน ท่าย่างก้าวเป็นเอกลัษณฑ์เฉพาะ และรวดเร็วยากจะหาใดเทียม เล่าลือกันว่าเซียนหวังซั่วเทียนเคยอาศัยสิ่งนี้แซงล้ำหน้ามังกรแท้จริง การที่เฟิงยี่มีความเร็วได้ถึงเพียงนี้ เขาได้ฝึกวิชานี้จนถึงแก่นแล้ว”
ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้จักเคล็ดวิชาแขนงนี้ก็รู้ว่าท่าการก้าวย่างของเฟิงยี่สุดยอดในหล้ายากจะหาผู้ใดเทียม ด้วยความเร็วของเรือนิรันดรในขณะนี้ เกรงว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถแซงล้ำหน้าไปได้ แต่เฟิงยี่กลับสามารถแซงหน้าเรือนิรันดรไปได้
“เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…เปรี๊ยะ…” จังหวะที่เฟิงยี่บุกฝ่าเข้าไปภายในเขตสายฟ้าแลบนี้เอง ปรากฏสายฟ้าแลบขนาดเท่าเทือกเขาได้ฟาดเข้าหาเฟิงยี่อย่างแรง ทุกๆ สายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าไปนั้นสามารถทำลายพื้นดินจนแหลกลาญ สามารถสังหารยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนได้เป็นจำนวนมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...