“เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้หรอกนะ เขากล้าเรียกตัวเองว่าคนโหดอันดับหนึ่ง ย่อมสามารถประเมินได้ว่าเขามีความดุร้ายเพียงใดแล้วหละ ข้อแรก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นกันได้ง่ายๆ สรุปก็คือ เขาเป็นคนที่ผิดปรกติ ไม่เคยกลัวใคร กล้าแหย่ทุกคน อีกทั้งฆ่าได้ทุกคน ไม่มีใครรู้ถึงประวัติความเป็นมาของเขา” ผู้บำเพ็ญตนที่เคยเห็นหลี่ชิเย่มาหลายครั้งถึงกับพูดว่า “เจ้าคนผิดปรกติผู้นี้จะต้องกวนสถานการณ์ของชิงโจวจนสะเทือนแน่นอน”
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่ท่ามกลางเขตสายฟ้าแลบ หนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ท่าทีสบายๆ เสมือนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนอย่างนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไล่ตามเฟิงยี่จนทัน
เฟิงยี่ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะถูกหลี่ชิเย่ไล่ตามทันภายในระยะเวลาอันสั้น คำรามเสียงยาวออกมา สำแดงพลังลมปราณของตนจนถึงขีดสูงสุด พลันปะทุประกายเซียนขึ้นมาทั่วร่าง ประกายเซียนแต่ละสายที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ช่องว่างรอบๆ ตัวของเฟิงยี่เหมือนกระเพื่อมนิดหนึ่ง ตัวเขาคล้ายดั่งกลายเป็นดาวตกพุ่งพรวดดัง “ฟิววส์”ออกไปอย่างรวดเร็วและเพิ่มกำลังให้พุ่งตัวออกไปได้เร็วขึ้น
ขณะที่เฟิงยี่เพิ่มความเร็วอย่างเต็มที่นั้น ตัวของเขาได้พุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียม พลันทิ้งห่างหลี่ชิเย่ในทันที
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ยังคงเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง ยังคงหนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปเดินเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบ
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” เสียงฟ้าแลบดังขึ้นเป็นระลอกอย่างรุนแรง จังหวะที่หลี่ชิเย่เหมือนเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ปรากฏว่าสายฟ้าแลบยิ่งฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างรุนแรง อีกทั้งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความดุร้ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วใช้คำว่าฝนฟ้ากระหน่ำก็ไม่สามารถเปรียบเปรยได้อีกแล้ว จำนวนสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่ เหมือนหนึ่งว่าสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตฟ้าแลบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีความแค้นยิ่งใหญ่กับหลี่ชิเย่อย่างนั้น หากไม่ฟาดหลี่ชิเย่ให้ตาย พวกเขาจะไม่มีวันเลิกรา!
แต่ว่า ไม่ว่าจะมีสายฟ้าจำนวนเท่าไรที่ฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง ก็จะถูกลักคนาของหลี่ชิเย่ต้านรับเอาไว้ กระทั่งเรียกว่าทางที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปนั้นได้กลายเป็นที่ที่สายฟ้าแลบมารวมตัวกัน ที่ที่เขาเดินอยู่ปรากฎสายฟ้าแลบที่พุ่งเข้าใส่ตัวเข้ามีจำนวนมากกว่าที่ที่เฟิงยี่กำลังก้าวเดินอยู่มากทีเดียว
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เหมือนกำลังเดินอยู่ท่ามกลางป่าแห่งฟ้าแลบ สายฟ้าแลบทุกๆ สายเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยเข้ามาพันอยู่บนตัวอย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการดึงตัวหลี่ชิเย่ลงไปในน้ำโดยพลันอย่างนั้น
“ไม่ถูก…” มีผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นภาพนี้ และกล่าวว่า “นี่หาใช่ลัคนาของเขาขวางสายฟ้าแลบเอาไว้ แต่เป็นลัคนาของเขาที่ทำการกลืนกินสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตฟ้าแลบแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการนำเอาสายฟ้าแลบของเขตฟ้าแลบมาเป็นของตนทั้งหมด”
ในขณะนี้ ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างไกลมองเห็นเส้นสนกลในจนได้ แรกเริ่มทีเดียวทุกคนต่างเข้าใจว่าหลี่ชิเย่อาศัยลัคนาในการต้านรับกับสายฟ้าฟาดเอาไว้ เวลานี้ดูไปแล้วมันหาใช่เป็นเช่นนั้น
“เป็นเช่นนี้จริงๆ เวลานี้สายฟ้าแลบไม่ได้ฟาดใส่ตัวเขา แต่เป็นสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตสายฟ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งหมดถูกหลี่ชิเย่แยกออกมา และถูกกลืนกิน” ยอดฝีมือมองดูอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถึงกับพูดขึ้นด้วยความตระหนก
“ดูสิ ฟ้าแลบที่วิ่งเข้าหาเรือของพวกเราก็น้อยลงแล้ว” คนอื่นๆ ทยอยกันมองเห็นสิ่งที่แปลกไป เรือนิรันดรยังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ว่า ยามที่เรือนิรันดรก่อเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นมานั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสายฟ้าแลบที่ฟาดใส่เรือนิรันดรลดน้อยลงกว่ากันเยอะเลย ย่อมไม่ต้องกังขา สายฟ้าแลบในเวลานี้ถูกหลี่ชิเย่แยกออกไปเสียส่วนใหญ่
“เจ้า เจ้าหนูคนนี้แม่งประหลาดจริงๆ ถึงกับเป็นฝ่ายไปกลืนกินสายฟ้าแลบเอง สายฟ้าแลบในแดนแห่งการสืบค้นไม่รู้ว่าสยองมากกว่าโลกภายนอกเท่าไรกัน” มีผู้บำเพ็ญตนที่กล่าวด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสยดสยอง สายฟ้าแลบในแดนแห่งการสืบค้นหาใช่กายเนื้อสามารถรองรับกับมันได้ มีคนเพียงไม่กี่คนที่ยินดีไปแหย่สายฟ้าแลบของที่นี่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับไปกลืนกินสายฟ้าแลบ ในสายตาของทุกคนมองว่าเจ้าหมอนี่ออกจะชั่วร้ายผิดปรกติเกินไปแล้วกระมัง
แน่นอนที่สุด พวกเขาไม่รู้ว่าในลัคนาจตุลักษณ์ของหลี่ชิเย่ มีสุดยอดสิ่งของสิ่งหนึ่งที่หนึ่งไม่มีสองในหล้า…ดวงตรามิติโบราณ!”
ดวงตรามิติโบราณของหลี่ชิเย่สามารถรองรับได้กระทั่งวิบากสวรรค์ กระทั่งกลืนกินวิบากสวรรค์ได้ แค่สายฟ้าแลบกับดวงตรามิติโบราณแล้วไม่นับเป็นอะไรได้ แค่จิ๊บๆ เท่านั้นเอง
แม้ว่าท่าทางของหลี่ชิเย่คือการเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตน แต่ว่าเขาได้ควบคุมช่องว่างเอาไว้ จึงไม่ต้องใช้ลมปราณอะไรมากมายนัก ไม่จำเป็นต้องสูญเสียพลังขมุกขมัวสักเท่าไร ขณะที่แตกต่างจากเฟิงยี่ เขาได้สำแดงท่าร่างของตนจนถึงขีดสูงสุด การพุ่งไป่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องสูญเสียพลังลมปราณและพลังขมุกขมัวเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ต่อให้เขาพยายามพาตัวเองให้ออกห่างจากหลี่ชิเย่เพียงใดก็ตาม แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชนะหลี่ชิเย่ไม่ได้
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” เวลานี้สายฟ้าแลบที่อยู่รอบๆ ตัวของหลี่ชิเย่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ที่เขาก้าวเดินผ่านไป ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นศูนย์กลางฟ้าแลบ สายฟ้าแลบถูกเขาดึงแยกออกมาทั้งหมด
“โอ้แม่จ๋า เขาบ้าไปแล้วรึ” เวลานี้ยอดฝีมือของเรือนิรันดรถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อเห็นสายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าหาเรือนิรันดรอ่อนจนเหลืออยู่ไม่กี่สายเท่านั้นเอง
มองจากระยะไกลในเวลานี้ ตัวของหลี่ชิเย่ในเวลานี้เหมือนถูกสายฟ้าแลบครอบคลุมเอาไว้ยุบยับไปทั่วร่าง เหมือนหนึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ไฟฟ้าแล้วอย่างนั้น เห็นแต่สายฟ้าแลบที่รินไหลอยู่ทั่วร่างจำนวนนับไม่ถ้วน
ธิดาราชันฉีหลินถึงกับยิ้มเจื่อนๆ และส่ายหน้าเมื่อได้มองเห็นภาพเช่นนี้ สำหรับเรื่องเช่นนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ลงมาท่องโลกโลกีย์มนุษย์เฉกเช่นหลี่ชิเย่มันก็แค่ฝีมือจิ๊บๆ เท่านั้นเอง การที่เขาลงแข่งกับเฟิงยี่แค่สนุกไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง มิฉะนั้นล่ะก็ อาศัยทักษะอย่างเฟิงยี่ เกรงว่าคงไม่เข้าตาของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...