“บูชายันต์…” ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินบังเกิดลางสังหรณ์ที่รู้สึกไม่เป็นสุข เมื่อได้ยินศัพท์คำนี้ มันไม่ใช่ศัพท์ที่ดีอย่างแน่นอน นางถึงกับรู้สึกเย็นวาบขึ้นในใจ และกล่าวว่า “อาศัยชีวิตมาบูชายันต์รึ?”
“แล้วมันน่าแปลกตรงไหน” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงยุคสมัยที่ไม่สามารถไล่เรียงได้ เอาแค่ยุคสมัยที่พวกเราอยู่กันนี่แหละ ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนาน เคยมีการบูชายันต์มาแล้วกี่ครั้งกันหละ เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกเลย กล่าวสำหรับบางคนที่ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากแล้ว ชีวิตก็เหมือนดั่งมดปลวก จะจำนวนเป็นล้านหรือสิบล้านมันก็แค่เพียงตัวเลขเท่านั้น ไม่ได้มีข้อแตกต่างแต่อย่างใด”
คำพูดที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของหลี่ชิเย่ ทำให้ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินถึงกับเย็นวาบ สร้างความรู้สึกไม่เป็นสุขขึ้นในใจของนางอยู่บ้าง มีตำนานบางตำนานนางเคยได้ยินมาตั้งแต่ยังเด็กมาก แต่นั่นมันเป็นเพียงการฟังในลักษณะของนิทานเท่านั้น แต่ว่า เวลานี้ออกมาจากปากของผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหลี่ชิเย่แล้ว ทุกอย่างก็ดูจะไม่เหมือนกัน บางสิ่งที่เคยเป็นเพียงเรื่องราวที่อยู่ในนิทาน แต่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ
“บูชายันต์ด้วยชีวิตเป็นสิบล้านอย่างนั้นรึ?” ธิดาราชันฉีหลินบ่นพึมพำออกมา
“เรื่องที่ร้ายแรงมากไม่เคยหยุดนิ่ง ในอดีตเป็นเช่นนี้ อนาคตก็จะเป็นเช่นนี้ บางที่ในช่วงจังหวะที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่อาจจะได้พบเห็นเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
“เรื่อง เรื่องนี้ไม่มีใครห้ามปรามรึ?” ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินรู้สึกหดหู่และเอ่ยถามขึ้นมา แม้ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่า เมื่อผู้บำเพ็ญตนแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว สงครามที่เกิดขึ้นเพียงครั้งก็เท่ากับทำลายล้างฟ้าดิน แต่ว่า สงครามลักษณะเช่นนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนอากาศ
อย่างไรก็ตาม บูชายันต์กับสงครามมันคนละเรื่องกัน การอาศัยชีวิตเป็นสิบล้านมาบูชายันต์ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองเพียงใด และเป็นเรื่องที่ทารุณโหดร้ายเช่นใด
“เรื่องบางเรื่องเมื่อก้าวถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ทุกคนก็เพียงรักษาตัวรอดเท่านั้น เมื่อตัวเองยังยากจะเอาตัวรอด แล้วจะมีใครที่ต้องการไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่มดปลวกเท่านั้น” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “สำหรับบรรดาผู้ที่ยืนอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว มนุษย์ปุถุชนธรรมดาหนึ่งล้านคนกับสิบล้านคนมันมีข้อแตกต่างรึ? มันก็มดปลวกทั้งนั้นและเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น เหมือนดั่งเช่นเจ้าจุดไฟเผาป่าสักแห่งหนึ่ง เจ้าจะไปสนใจรึว่ามันจะเผามดปลวกตายไปล้านตัวหรือสิบล้านตัวหรือไม่?” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ธิดาราชันฉีหลินถึงกับต้องนิ่งเงียบ ถ้าหากว่านางได้วางเพลิงเผาป่าขึ้นมาจริงๆ นางจะไปสนใจหรือไม่ว่าจะเผามดปลวกต้องตายเป็นล้านตัวหรือสิบล้านตัวหรือไม่?
“แต่ว่า ที่นำมาบูชายันต์เป็นมนุษย์” หลังจากธิดาราชันฉีหลินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ และกล่าวว่า “เป็นมนุษย์ตัวเป็นๆ เหมือนกับพวกเรา ถ้าหาเปลี่ยนเป็นข้า ข้าต้องคิด”
“นั่นเป็นเพราะว่าเจ้ายังไม่ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั่น นี่มันก็คล้ายดั่งเผามดให้ตายอย่างนั้น ถ้าหากเจ้าเป็นมดตัวหนึ่ง แน่นอนที่สุดเจ้าจะต้องใส่ใจเรื่องการเผามดจำนวนหนึ่งล้านตัว หรือจำนวนสิบล้านตัวอย่างแน่นอน แต่ว่าเวลานี้เจ้าคือมนุษย์ เจ้าจะไม่ไปคิดคำนึงว่าจำนวนมดที่จะถูกเผาจนตายจะมีจำนวนเป็นล้านตัวหรือสิบล้านตัว”
“ถูกต้อง” หลังจากที่ธิดาราชันฉีหลินได้ฟังคำเช่นนี้จากหลี่ชิเย่แล้วไม่อาจไม่ยอมรับ
คำพูดเช่นนี้แม้ว่าดูจะทารุณโหดร้าย แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่า การจุดไฟเผาป่าสักป่าหนึ่ง เป็นความจริงที่นางจะต้องไม่ไปคิดถึงว่ามดที่จะถูกไฟคลอกมีจำนวนหนึ่งล้านหรือสิบล้านตัวกันแน่ แต่ว่า หากผู้ที่ถูกนำมาบูชายันต์เป็นมนุษย์ นางต้องใส่ใจอย่างแน่นอน เนื่องจากนางเป็นมนุษย์
ถ้าหากว่ายามที่ยืนอยู่จุดสูงสุด เกรงว่าผู้ที่ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดจะมองผู้บำเพ็ญตนเช่นนี้เป็นเพียงมดปลวดเท่านั้น แล้วจะมีใครเล่าที่ไปใส่ใจว่ามดปลวกจะตายไปเป็นจำนวนเท่าไร?
“บูชายันต์สิบล้านก็แค่เรื่องเล่นจิ๊บๆ เท่านั้นเอง ยามเมื่อยุคๆ หนึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง ชีวิตไม่มีค่าแม้แต่นิดเดียว เจ้าจะเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาก็ดี เป็นผู้บำเพ็ญตนก็ช่าง กระทั่งเป็นระดับจอมราชันเซียนหวัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ดูจะเล็กจิ๋วเหลือเกิน ในเวลานั้นอย่าว่าแต่สิบล้านเลย ต่อให้เป็นหนึ่งล้านล้านก็แค่ตัวเลขเท่านั้นเอง…”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ หลี่ชิเย่มองดูธิดาราชันฉีหลินด้วยท่าทีเฉยเมย แล้วกล่าวต่อไปว่า “…เพื่อความอยู่รอดของตนเอง จะมีผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนั้นบูชายันต์ฟ้าดินทิ้งไป บูชายันต์เหล่าสรรพชีวิต เก้าแดนก็ดี สิบสามทวีปก็ช่าง มันก็แค่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ สำหรับพวกเขาที่จะได้มีชีวิตอยู่ไปวันๆ เท่านั้นเอง และเป็นวิธีการที่พวกเขาเสี่ยงกับได้อยู่ต่อของพวกเขาเท่านั้น”
“นี่ นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้กระมัง…” คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จิตใจของธิดาราชันฉีหลินถึงกับสะท้านทีหนึ่ง กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “บูชายันต์ฟ้าดินทิ้งไป บูชายันต์สรรพชีวิต บูชายันต์เก้าแดน และสิบสามทวีป นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวเฉยเมยว่า “มองดูความโหดร้ายทารุณในแดนแห่งการสืบค้นนี่สิ พวกมันเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนของยุคสมัยหนึ่งเท่านั้นเอง ที่ข้าได้พูดไปเมื่อครู่คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในยุคสมัยที่ไม่สามารถไล่เรียงได้นั้น เคยมีผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนั้นทำการบูชายันต์ไปทั้งโลก และเรื่องเช่นนี้ใช่ว่าจะเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาธิดาราชันฉีหลินเย็นวาบไปทั้งร่าง นางถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง บูชายันต์โลกทั้งโลก สรรพชีวิตเป็นล้านล้านชีวิตเป็นเพียงสิ่งบูชายันต์เท่านั้นเอง เมื่อนึกถึงภาพนี้แล้ว ธิดาราชันฉีหลินถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่
“นี่ นี่มันทารุณโหดร้ายเกินไปแล้ว” สุดท้าย ธิดาราชันฉีหลินได้พูดขึ้นแผ่วเบา ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน นางย่อมเข้าใจถึงความทารุณโหดร้ายของโลกนี้ และเข้าใจถึงสัจธรรมที่ไร้ซึ่งความปราณี ความตายเป็นเรื่องที่ปรกติมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...