“ฉับ ฉับ ฉับ…” ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังเตรียมจะพาธิดาราชันฉีหลินจากไป ทันใดนั้น เสียงเดินเท้าที่พร้อมเพรียงได้ดังขึ้น เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นเป็นระลอกนี้เปี่ยมด้วยพลังมาก ขณะที่เสียงฝีเท้านี้ดังขึ้นมาเป็นระลอกนั้น แม้แต่พื้นดินยังสั่นไหวตาม
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กองกำลังที่ประกอบด้วยกำลังสามสิบหกคนได้ขึ้นมาถึงยอดเขา พลันที่กองกำลังนี้ขึ้นมาถึงบนยอดเขา ได้ทำให้บรรยากาศบนยอดเขาตึงเครียดขึ้นมาทันที
กองกำลังนี้มีสมาชิกเพียงสามสิบหกคนเท่านั้น ทั้งสามสิบหกคนต่างเผยกลิ่นอายที่โหดร้ายทารุณออกมา ที่ทำให้ผู้คนต้องขนลุกก็คือ ประกายสังหาร และความโหดเหี้ยมทารุณสายนั้นที่ปรากฎออกมาจากสายตาของพวกเขา สมาชิกทุกคนของกองกำลังนี้ล้วนแล้วแต่สวมชุดเกราะที่เย็นตา โดยที่บนเสื้อเกราะของพวกเขาต่างปรากฏเป็นสีดำแดงอยู่บนนั้น สีดังกล่าวหาใช่สีอะไรทั้งสิ้น มันคือคราบเลือดที่แห้งเกรอะกรังติดอยู่บนนั้น ดังนั้น ยามเมื่อกองกำลังนี้ปรากฏออกมา ผู้คนจึงสามารถได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ โชยออกมา
“อัศวินมังกรหลวงน้อย!” มีผู้ที่ร้องเสียงหลงออกมา และขนลุกซู่ในใจเมื่อได้เห็นกองกำลังเช่นนี้แล้ว
ผู้ที่เป็นหัวหน้าของกองกำลังนี้เป็นชายหนุ่มที่หลี่ชิเย่รู้จัก คนผู้นี้ก็คือทารกมังกรหลวงนั่นเอง ในเวลานี้ทารกมังกรหลวงเป็นผู้นำกองกำลังอัศวินมังกรหลวงน้อยนี้เข้ามา
อัศวินมังกรหลวงน้อยเป็นกองกำลังที่ทารุณโหดร้ายมาก มันจัดตั้งขึ้นโดยซั่งกวานหวิน ศิษย์เอกของจอมเทพยี่หลง และก็คือศิษย์พี่ใหญ่ของทารกมังกรหลวงนั่นเอง
ซั่งกวานหวินได้สืบทอดตำแหน่งของจอมเทพยี่หลง กลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงอยู่ในครอบครอง! หนึ่งสำนักสองจอมเทพ เรียกได้ว่าสำนักของจอมเทพยี่หลงนับว่าน่าภูมิใจอยู่เหมือนกัน จะอย่างไรเสีย การที่มีชาติกำเนิดเป็นชนชั้นรากหญ้ากลับสร้างผลงานได้ถึงเพียงนี้ นับว่าสุดยอดมาก
สืบเนื่องจากจอมเทพยี่หลงได้ร่วมกับระดับจอมเทพอีกแปดคน ก่อตั้งเป็น “อัศวินมังกรหลวง” ขึ้นมา ดังนั้น ซั่งกวานหวินจึงสร้างกองกำลังที่ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนสามสิบหกคนขึ้น โดยตั้งชื่อกองกำลังนี้ว่า “อัศวินมังกรหลวงน้อย”
มีอาจารย์เช่นใดย่อมมีศิษย์เช่นนั้น จอมเทพยี่หลงถือกำเนิดจากโจร อัศวินมังกรหลวงก็เป็นกองโจร ขณะที่อัศวินมังกรหลวงน้อยก็ได้สืบทอดมรดกของอัศวินมังกรหลวง
อัศวินมังกรหลวงน้อยมักก่อคดีปล้นสะดมชาวบ้านอยู่เนืองๆ อีกทั้งสิ่งที่อัศวินมังกรหลวงน้อยชมชอบที่สุดก็คือเที่ยวดักปล้นผู้บำเพ็ญตนที่เดินทางมาเดี่ยว หรือไม่ก็ลอบโจมตีคณะผจญภัยเล็กๆ พวกเขาไม่เพียงแค่ปล้นสะดมเอาของวิเศษ ทรัพย์สินเงินทอง เคล็ดวิชาเท่านั้น แต่ยังฆ่าคนปิดปากเสมอๆ
ดังนั้น แม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะรู้ว่าเรื่องบางเรื่องเป็นฝีมือของอัศวินมังกรหลวงน้อย แต่เนื่องจากเจ้าทุกข์ถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีหลักฐานที่จะไปยืนยันว่าเป็นฝีมือของอัศวินมังกรหลวงน้อย
เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ผู้คนจำนวนมากจึงหวั่นเกรงต่ออัศวินมังกรหลวงน้อยยิ่งนัก เนื่องจากพวกมันชอบดักปล้นผู้บำเพ็ญตนที่มาเดี่ยว โดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้มีฝีมือแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อย หากถูกพวกเขาจับจ้องแล้วล่ะก็ มักจะมีเพียงตายสถานเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ซั่งกวานหวินได้กลายเป็นจอมเทพแล้ว น้อยครั้งนักที่เขาจะนำอัศวินมังกรหลวงน้อยออกปฏิบัติการด้วยตนเอง เขาได้มอบอัศวินมังกรหลวงน้อยให้กับทารกมังกรหลวง และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เวลาทารกมังกรหลวงอาศัยเล่ห์เหลี่ยมและอำนาจแย่งชิงเอามาเป็นของตนนั้น ไม่เพียงแค่ข่มขู่เท่านั้น บางครั้งหากข่มขู่ไม่เป็นผลเขาก็จะนำกำลังอัศวินมังกรหลวงน้อยเข้าแย่งชิงเอาดื้อๆ
“พี่หลี่ พวกเราพบกันอีกแล้ว” เมื่อทารกมังกรหลวงเห็นหน้าหลี่ชิเย่พลันแสดงรอยยิ้มเต็มใบหน้า และแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่เพียงมองดูเขาด้วยท่าทีเฉยเมย ขี้คร้านจะไปสนใจเขา
แต่ ทารกมังกรหลวงกลับไม่ยอมลดละ ยังคงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ยิ้มกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นพี่น้องของข้า อัศวินมังกรหลวงน้อย พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้กล้าทั้งสิ้น ในชีวิตชื่นชมบุรุษที่กล้าได้กล้าเสีย เรื่องราวเกี่ยวกับพี่หลี่เล่าลือกันไปทั่ว พี่หลี่ไม่เกรงกลัวยอดฝีมือใดๆ ทำให้พี่น้องต่างเลื่อมใส ดังนั้น ต่อไปหากพี่หลี่มีอะไรให้พวกเราช่วยล่ะก็…”
“…โปรดสั่งการมาคำหนึ่ง ขอเพียงเป็นสิ่งที่พวกเราอัศวินมังกรหลวงน้อยสามารถทำได้ รับรองว่าจะบุกน้ำลุยไฟให้แน่นอน ต่อไปพี่หลี่มีเรื่องอะไรไม่ต้องเกรงใจ สั่งการมาได้เลย ใครใช้ให้พวกเราเป็นพี่น้องกันหละ!” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ทารกมังกรหลวงทำทีตบอกเสียดังป๊าบป๊าบ ท่าทีเป็นผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมอย่างนั้น
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำอย่างลับๆ เมื่อมองเห็นท่าทางของทารกมังกรหลวงที่เหมือนสนิทสนมกับหลี่ชิเย่ ลำพังกองกำลังโจรกลุ่มนี้ของทารกมังกรหลวงก็น่าเกรงกลัวมากพอแล้ว ถ้าหากผนวกรวมเข้ากับคนโหดอันดับหนึ่งที่ชั่วร้ายผิดปรกติสุดๆ แล้ว จะกลายเป็นกลุ่มที่น่าสยดสยองกลุ่มหนึ่ง ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะเป็นจุดจบของสำนักขนาดเล็กจำนวนมากเสียแล้ว
สำหรับท่าทีที่อบอุ่นของทารกมังกรหลวง หลี่ชิเย่ตอบโต้ด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิด่ขึ้นว่า “ใช่ว่าใครก็สามารถเป็นพี่น้องกับข้าได้ อย่างน้อยที่สุดเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้” กล่าวขาดคำไม่ได้หยุดก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว พาธิดาราชันฉีหลินลงจากเขาไป
คำพูดที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิด่ขึ้นคำหนึ่ง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตะลึงงัน ทุกคนไม่คิดว่าหลี่ชิเย่จะตอบด้วยคำพูดที่อวดดีและอหังการไม่ไว้หน้าเช่นนี้ออกมา
หลี่ชิเย่ประกาศตรงๆ ต่อหน้าทุกคนว่าทารกมังกรหลวงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพี่น้องกับเขา เป็นการตบหน้าทารกมังกรหลวงเข้าให้อย่างแรง และเป็นการตบหน้าอัศวินมังกรหลวงน้อยอีกด้วย โดยไม่มีไว้หน้าแม้แต่น้อย ไม่ว่าสายตาของใครก็มองว่าช่างโหดเหลือเกิน
แม้ว่าภายในใจของผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการคบหากับคนอย่างทารกมังกรหลวง แต่ว่าทุกคนต่างหวั่นเกรงต่อเขา มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีเป็นเพื่อนกับเขา แต่หากว่าทารกมังกรหลวงดึงดันต้องการคบหาเป็นพี่น้องกันละก็ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากก็ไม่สามารถปฏิเสธไมตรีนี้ไปได้
แต่หลี่ชิเย่กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง กล่าวปฏิเสธต่อหน้าทุกคนออกมาตรงๆ ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเป็นพี่เป็นน้องกับเขาได้ ความอหังการลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนมากรับไม่ทัน
ขณะที่หลี่ชิเย่เดินลงจากเขาไป ทารกมังกรหลวงถึงกับตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น หน้าตาปั้นยากสุดๆ แต่เขากลับสามารถอดกลั้นความอัปยศนี้เอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
หลังจากไปจากสันเขาถัวหลิ่งแล้ว ธิดาราชันฉีหลินถึงกับยิ้มกล่าวว่า “คำพูดของคุณชายเป็นการตบหน้าทารกมังกรหลวงไปฉาดใหญ่ เกรงว่าเขาคงแค้นเคืองอยู่ในใจ”
“แค่เสือหน้ายิ้มตัวหนึ่งเท่านั้นเอง คนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรกับเขา” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวตามอารมณ์ออกมาว่า “ถ้าหากเขารู้จักกาลเทศะ จงออกห่างจากตัวข้าให้ไกลๆ หน่อย มิฉะนั้นล่ะก็ข้าจะให้เข้าตายอย่างไร้ที่ฝัง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...