“อยากจะเห็นก็ไม่ยาก” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็เอามาให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกมีกำลังขึ้นมา ทุกคนต้องจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยดวงตาทั้งสองที่เป็นประกาย ภายในใจของฉินไป่หลี่และจินเก๋อก็หวั่นไหวเช่นกัน พวกเขาก็ต้องการเห็นไม้บรรทัดวัดสวรรค์เช่นกัน
“เช่นนั้นต้องรบกวนพี่หลี่แล้วหละ” ฉินไป่หลี่ออกจะดีใจอยู่ไม่น้อย แสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “ต้องขอพี่หลี่ได้ให้พวกเราเปิดหูเปิดตา ถือว่าไม่เสียเที่ยวกับการมาในครั้งนี้”
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและพนมมือทั้งสอง เปล่งพุทธวาจาออกมา “อามิตาพุทธ…” ขาดคำ รัศมีพุทธพุ่งสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาได้กลับกลายเป็นอริยสงฆ์รูปหนึ่ง
หนึ่งความนึกคิดเป็นพระเมื่อจินเก๋อมองเห็นลักษณะของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เขาเข้าใจแล้วว่า ในด้านจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเขาไม่สามารถไล่ทันหลี่ชิเย่ได้อีกต่อไป ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือตัดสินชี้ขาดด้านทักษะยุทธกับหลี่ชิเย่แล้ว
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขณะมองดูหลี่ชิเย่ที่กลับกลายเป็นอริยสงฆ์ไปแล้ว คิดจะเป็นพระก็เป็นพระเลย ด้วยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ออกจะฝืนลิขิตสวรรค์มากไปแล้วกระมัง ในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนสามารถทำได้เช่นนี้ หรือบางทีราชันเซิ่นตี้ที่ได้ชื่อว่ามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งมากที่สุดอาจสามารถทำเช่นนี้ได้กระมัง
เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้เดินไปถึงกึ่งกลางของศาลเจ้าทองคำ ยกเท้ากระทืบลงไป ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก” ดังขึ้น เหมือนว่าพื้นดินกำลังแตกร้าวขึ้นอย่างนั้น ความจริงแล้วหาใช่พื้นดินแตกร้าว แต่เป็นเพราะใต้ฝ่าเท้าของหลี่ชิเย่ได้กลับกลายเป็นพระธรรมแต่ละบท และพระธรรมแต่ละบทกลายเป็นบทคัมภีร์ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ปูจนเต็มพื้นที่ของศาลเจ้าทองคำ เหมือนหนึ่งศาลเจ้าทองคำถูกสลักเอาไว้ด้วยบทคัมภีร์แต่ละบทเอาไว้อย่างนั้น
“ตูม ตูม ตูม” นาทีนี้ พื้นดินเกิดการสั่นไหวขึ้นทีหนึ่ง บริเวณกึ่งกลางของศาลเจ้าทองคำได้แยกออกอย่างช้าๆ ปรากฏแท่นบูชาตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ
บนแท่นบูชามีสิ่งของสิ่งหนึ่งวางอยู่บนนั้น มันคือเป็นไม้บรรทัดโบราณอันหนึ่ง ไม้บรรทัดโบราณอันนี้ปรากฎเป็นแหล่งรวมรัศมีของดวงดาว คล้ายได้รวบรวมจิตวิญญาณทุกยุคสมัยเอาไว้ รัศมีทุกๆ สายเปรียบประดุจเป็นแต่ละยุคสมัยอย่างนั้น ไม้บรรทัดโบราณอันนี้แม้ว่ารัศมีจะไม่ได้ละลานตาเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าใครก็ตามหากได้เห็นไม้บรรทัดโบราณอันนี้แล้วต้องรู้สึกสั่นเทาภายในใจทีหนึ่ง
เนื่องจากไม้บรรทัดโบราณนี้สืบทอดทุกยุคทุกสมัยเอาไว้ มันสามารถวัดและคำนวณถึงยุคสมัยแล่ละยุค สามารถวัดและคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมนุษย์ โลกธาตุ กฎสวรรค์ นิรันดร์กาล…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่สามารถนำมาชั่งน้ำหนักและพิจารณาดู
“ไม้บรรทัดวัดสวรรค์…” ทั้งจินเก๋อและฉินไป่หลี่แทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ขณะมองดูไม้บรรทัดอันนี้ ของวิเศษลักษณะเช่นนี้หากจะบอกว่าไม่ทำให้จิตใจต้องหวั่นไหวล่ะก็ เป็นการโกหกอย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขารู้ว่าไม้บรรทัดวัดสวรรค์อันนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด!
“สุดยอดไม้บรรทัด…” หลี่ชิเย่หยิบไม้บรรทัดวัดสวรรค์อันนี้ขึ้นมาและชั่งน้ำหนักของมันกับมือ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “มีการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์ แต่ขนาดไม่เปลี่ยน สรรพสิ่งในโลกทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีขนาดของมัน!”
“ไม่เพียงไม้บรรทัดวัดสวรรค์ที่สร้างความตื่นตระหนกต่อโลก” จินเก๋อรู้สึกจนด้วยเกล้า เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “สหายหลี่เองก็เป็นผู้ที่สร้างความตื่นตระหนกต่อโลก อาศัยวิธีการของตนเข้าถึงทุกสรรพสิ่ง ถึงกับเข้าถึงพระธรรมของพุทธได้ กล่าวสำหรับสหายหลี่แล้ว ในโลกนี้ไม่มีเคล็ดวิชาที่ไม่สามารถฝึกฝนได้อีกแล้ว”
ไม่เสียทีที่จินเก๋อคือผู้ที่สามารถเป็นจอมราชันได้ แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจถึงความลึกซึ้งพิสดารได้ หลี่ชิเย่ไม่เพียงแค่ความคิดแวบเดียวเป็นพระเท่านั้น นี่มันหาใช่แค่กลับกลายเป็นพระเป็นการชั่วคราวเท่านั้น การเป็นพระของหลี่ชิเย่สามารถเข้าถึงพระธรรม และลึกซึ้งในด้านของพุทธศาสนา
“จิ๊บๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “คนที่เคยพิจารณาพินิจพิเคราะห์ศาลเจ้าทองคำมีมากมาย จอมราชันเซียนหวังที่เคยพิจารณาพินิจพิเคราะห์มีจำนวนเท่าไร ตาเฒ่าจ้านหวังของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังพวกเจ้าก็เคยเปิดแท่นบูชานี้มาแล้วมิใช่รึ เสียดายที่เขาไม่ต้องการแปดเปื้อนกฎแห่งกรรม ดังนั้น หลังจากหยิบมันขึ้นมาแล้วก็วางกลับไปตามเดิมอีก”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้จิตใจของผู้คนจำนวนมากต้องหวั่นไหว ที่แท้ราชันสวรรค์จ้านหวังก็เคยหยิบเอาไม้บรรทัดวัดสวรรค์อันนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้นำติดตัวไปด้วยเท่านั้นเอง
ทุกคนต่างก็เข้าใจ เฉกเช่นเซียนหวังระดับสูงยังคงมีโอกาสนำเอาของวิเศษจากศาลเจ้าทองคำไปได้ เพียงแต่พวกเขาไม่ต้องการแปดเปื้อนกฎแห่งกรรมเท่านั้นเอง จะอย่างไรเสีย เมื่อใดที่จอมราชันเซียนหวังแปดเปื้อนกฎแห่งกรรมนี้เข้า ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว แม้ว่าไม้บรรทัดวัดสวรรค์จะทำให้พวกเขาต้องหวั่นไหว แต่ สวรรค์ลงทัณฑ์น่ากลัวยิ่งกว่า
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่มองดูไม้บรรทัดวัดสวรรค์ที่อยู่ในมือ แล้วมองไปยังแดนนิพพานที่อยู่อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำเหิงเหอที่ไกลออกไป สุดท้าย สายตาได้ตกลงที่อริยสงฆ์แต่ละรูปที่อยู่ในศาลเจ้าทองคำ
“ไม้บรรทัดนี้มีวาสนากับข้า คราวนี้ได้เวลาที่ข้าจะนำมันไปด้วยแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ
เสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ทันใดนั้นเอง รัศมีพุทธแต่ละสายบนตัวได้หลุดร่วงลงมา เหมือนหนึ่งเป็นนกตัวหนึ่งที่สลัดขนของตนออกอย่างนั้น
รัศมีพุทธที่หลุดร่วงลงมาได้ทยอยกันตกสู่พื้นดิน จากนั้นซึมหายเข้าไปใต้ดิน แลดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
นาทีนี้ หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินออกมาจากรัศมีพุทธ ขณะที่รัศมีพุทธยังคงทยอยกันร่วงหล่นลงมาที่ตรงนั้น เสมือนหนึ่งหลี่ชิเย่ได้ถอดเสื้อออกมาและทิ้งเอาไว้ตรงนั้นอย่างนั้น โดยที่เสื้อแต่ละส่วนยังทยอยกันร่วงหล่นลงมา ขณะที่หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินออกมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...