ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1907

จอมเทพที่ดวงตราสัญลักษณ์สองดวงถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าเช่นนี้ เสมือนหนึ่งมดปลวกอย่างนั้น! ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันช่างเล็กจิ๋ว ช่างไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อได้เห็นภาพของกระทั่งจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงยังถูกเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าชนิดไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงนี้แล้ว ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ และสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน

หลี่ชิเย่มองดูซือหม่าหวินที่ถูกเหยียบเอาไว้ใต้บาทพระพุทธด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “แค่จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวง เอามารองเท้าข้ายังไม่คู่ควรเลย! ในฝอเหย่แห่งนี้ ต่อให้เทพโบราณมาด้วยตนเอง ก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวแต่โดยดี!”

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่มีเมล็ดพันธุ์พุทธะอยู่ในความครอบครอง เท่ากับว่าเขาสามารถควบคุมฝอเหย่ทั้งหมด พลังของหนึ่งยุคสมัยล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของเขา แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษของยุคสมัยที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นก็ตาม แต่ การมาอยู่ในฝอเหย่แห่งนี้ หลี่ชิเย่คือผู้ปราศจากผู้ต่อกร!

ในเวลานี้ อย่าว่าแต่สถานที่เกิดเหตุ ต่อให้ทั่วทั้งฝอเหย่ก็เงียบสงัด เนื่องจากสิ่งนี้หาใช่พลังของคนหนึ่งคนใด หาใช่เคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรที่ผู้หนึ่งผู้ใดสำแดงออกมา แต่เป็นพลังของตัวฝอเหย่เอง!

“เจ้าหนู เจ้า” ซือหม่าหวินที่ถูกบาทพระพุทธเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าทั้งโกรธระคนกับตกใจ ถึงกับร้องเสียงดังออกมา

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาได้ดังขึ้น ติดตามด้วยเสียงดัง “คร๊ากก” มองเห็นบาทพระพุทธที่ทำการบดขยี้ ร่างของซือหม่าหวินพลันถูกเหยียบจนเป็นเนื้อบด เลือดสดๆ ไหลนองย้อมพื้นดินบริเวณนั้นจนกลายเป็นสีแดง เขาไม่มีโอกาสกระทั่งโกรธจนแทบคลั่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ขัดขืน ร่างของเขาทุกบดอัดจนกลายเป็นเนื้อบดแผ่นบางๆ แผ่นหนึ่งไปแล้ว

ภายใต้บาทพระพุทธ ต่อให้เป็นถึงระดับจอมเทพดูจะเล็กจิ๋วจนไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง เพราะว่าเป็นต่อต้านกับพลังของยุคสมัยทั้งยุคต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่หลงเหลืออยู่ของยุคสมัยๆ หนึ่ง เฉกเช่นระดับจอมเทพนี้นับเป็นตัวอะไรได้ เป็นไม่ได้กระทั่งมดปลวกเสียด้วยซ้ำ

ครั้นบาทพระพุทธได้จางหายไป มองเห็นเพียงเนื้อบดแผ่นบางๆ อยู่ตรงนั้น โดยมีเลือดสดๆ ที่แทรกซึมพื้นดินตรงนั้นจนชุ่ม ได้กลิ่นคาวเลือดที่วับแวมโชยเข้ามาแตะปลายจมูกของทุกคน

“อ๊วกก” ในขณะนี้ มีผู้ที่ได้กลิ่นคาวเลือดนี้แล้วถึงกับเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนออกมา พวกเขาไม่ได้อยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นคาวเลือด แต่เป็นเพราะตกใจมากจนเกินไปจนเกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารผ

นี่คือระดับจอมเทพนะเนี่ย ถึงกับตายเอาง่ายๆ ราวกับมดปลวกอย่างนี้ ออกจะสยดสยองมากเหลือเกิน

ณ ที่ห่างไกลบนเรือนิรันดร ฉินไป่หลี่ที่มองเห็นภาพนี้ในระยะห่างไกลได้ส่ายหน้าเบาๆ ว่า “ช่างโง่เขลา ตัวหลี่ชิเย่เรียกได้ว่าหนึ่งความนึกคิดเป็นพระ สามารถสลัดคราบความเป็นพระหลุดพ้นจากกิเลส ท่ามกลางฝอเหย่แห่งนี้เขาคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ฝอเหย่คือถิ่นต้นกำเนิดของพุทธศาสนา ตัวหลี่ชิเย่เองสามารถสำแดงสัจธรรมของพุทธศาสนาแล้ว การเป็นศัตรูกับเขาท่ามกลางฝอเหย่ มันคือการไม่เจียมตัวโดยแท้ อย่าว่าแต่ระดับจอมเทพตัวน้อยๆ เลย ต่อให้เป็นระดับจอมราชันเซียนหวังก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเองให้ดี!”

จะอย่างไรเสีย ฉินไป่หลี่คือเจ้าสำนักของสายสำนักราชันเซียน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปไม่อาจเทียบเทียมประสบการณ์ของเขาได้ ขณะอยู่ศาลเจ้าทองคำเห็นหลี่ชิเย่สามารถลอกคราบจากความเป็นพุทธในตอนนั้น ฉินไป่หลี่ก็เข้าใจแล้วว่า หลี่ชิเย่นั้นสามารถสำแดงพระธรรมใดๆ ทั้งหมดแล้ว ในด้านพุทธศาสนานั้นเรียกได้ว่าพระธรรมใดๆ ล้วนกำเนิดจากใจแล้ว เขาก็คือพุทธะ

สมควรจะทราบว่า ในสิบสามทวีปยังคงมีการสืบทอดของพุทธศาสนาคงอยู่ ขณะที่ต้นกำเนิดแท้จริงของการสืบทอดพุทธศาสนามาจากฝอเหย่ เคยมีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่บรรลุธรรมที่ฝอเหย่เป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็ได้ไปก่อตั้งเป็นสำนักหรือสร้างเป็นวัดวาอารามขึ้นมา

ฝอเหย่คือแหล่งต้นกำเนิดพุทธศาสนา เวลานี้หลี่ชิเย่หนึ่งความนึกคิดเป็นพระ การเป็นศัตรูกับพระอริยสงฆ์สูงสุดในฝอเหย่คือความไม่เจียมตัวโดยแท้! อริยสงฆ์ระดับเช่นนี้อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของตนเองย่อมมีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด!

ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างสั่นเทา ผู้ที่ใจเสาะถึงกับนั่งลงกับพื้นแล้ว ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเหลือเกิน

หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ยิ้มนิดหนึ่ง ก้าวเดินเข้าหาทารกมังกรหลวง ขณะที่ทารกมังกรหลวงมีสีหน้าที่ขาวซีด ตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง

“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา” นาทีนี้ทารกมังกรหลวงคล้ายดั่งเห็นผีอย่างนั้น ร้องเสียงดังออกมา เวลานี้เขามีท่าทีที่แข็งนอกอ่อนในเรียกได้ว่าขวัญหนีดีฝ่อเสียแล้ว

หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “เจ้ายังมีผู้สนับสนุนอะไรอีก ขนออกมาให้หมด จะได้คิดบัญชีไปพร้อมกันทีเดียว ไม่ต้องมาไล่ทีละคนๆ เสียเวลามากเกินไป”

“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าข่มเหงกันมากเกินไป อา อา อาจารย์ข้าคือจอมเทพมังกรหลวง” ในเวลานี้ทารกมังกรหลวงร้องเสียงแหลมออกมา ใช้ทั้งมือทั้งขา ล้มลุกคลุกคลานหนีไปด้านหลัง เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเสียแล้ว

“ข้ารู้ว่าอาจารย์เจ้าคือจอมเทพมังกรหลวง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงให้มาก” หลี่ชิเย่โบกมือกล่าวตัดบททารกมังกรหลวง หัวเราะและกล่าวว่า “เรียกอาจารย์ และอาจารย์อาของเจ้ามาให้หมด ข้าจะได้จัดการเชือดพวกเขาให้หมด จะได้ไม่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์”

“เจ้า” ทารกมังกรหลวงถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เวลานี้เขารู้แล้วว่าบารมีของอาจารย์ไม่สามารถข่มขู่หลี่ชิเย่ได้อีกต่อไปแล้ว

ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสะใจที่มองเห็นทารกมังกรหลวงถูกทำให้ตกใจกลัวจนอุจจาระปัสสาวะราด รู้สึกสบายใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่เคยทุกข์ใจกับการถูกกระทำโดยทารกมังกรหลวงมาก่อน พวกเขาล้วนแล้วแต่รู้สึกสะใจ รู้สึกว่าหลี่ชิเย่ได้ช่วยระบายความแค้นแทนพวกเขา

“ถ้าหากอาจารย์ไร้สาระอะไรของเจ้าไม่ยอมปรากฏตัวล่ะก็ ข้าจะเลาะกระดูก ถลกหนังของเจ้า และนำเอาไปแขวนตากเอาไว้นอกเมืองตี้ฮว่า เพื่อให้อาจารย์เจ้ามาเก็บศพของเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้ มองดูทารกมังกรหลวงที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อนั่น

“เจ้า เด เด เดรัจฉานน้อย ข้า ข้าขอแลกชีวิตกับเจ้า!” ในเวลานี้ทารกมังกรหลวงถูกบีบให้เข้าไปอยู่ในทางตัน จึงร้องคำรามเสียงดังออกมา

นาทีนี้ ทารกมังกรหลวงคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” บริเวณกลางหน้าผากพลันแตกออก ปรากฏประกายออกมาเป็นสาย

เรียกได้ว่า ร่างจำแลงที่หอบเอาปณิธานมาด้วยนั้น จะมีความแข็งแกร่งมากมายกว่าจิตที่ยึดติดมากมายทีเดียว

เวลานี้ ต่อให้ร่างจริงของจอมเทพมังกรหลวงไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่ปณิธานของพวกเขาได้สืบทอดมาพร้อมกับร่างจำแลง ยังคงความน่ากลัวยิ่งนัก ดังนั้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากจอมเทพทั้งเก้าจึงสามารถทำให้เหล่าชั้นฟ้าต้องถล่มลงมา หมื่นอาณาจักรล้วนแล้วแต่ต้องสั่นเทา

นี่คือจอมเทพเก้านะเนี่ย การที่จอมเทพทั้งเก้ามากันพร้อมหน้าพร้อมตาด้วยกัน สภาพการณ์เช่นนี้ช่างยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด

“นี่ นี่ต้องการกวาดให้หมดสิ้นหรือไง?” หลายคนรู้สึกขวัญผวาเมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ถึงกับขนหัวลุก เนื่องจากอัศวินมังกรหลวงไม่ได้ปรากฏตัวมานานมากแล้ว การปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง จึงทำให้หลายคนตกใจจนเข่าอ่อน

“อาจารย์ เป็นเขาที่สังหารศิษย์พี่ใหญ่ไป ท่านต้องล้างแค้นให้กับศิษย์พี่ใหญ่นะ” เวลานี้ ทารกมังกรหลวงที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเมื่อเห็นกายจำแลงของอาจารย์และอาจารย์อาซึ่งหอบเอาปณิธานมาด้วย พลันรู้สึกใจกล้าขึ้นมาไม่น้อย ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา

ฉับพลันนั้น แววตาทั้งสิบแปดสายที่มีความน่ากลัวยิ่งนักต่างตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ เหมือนว่าสามารถส่องทะลุทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกอย่างนั้น

“เจ้าหนู เจ้าจะจัดการตัวเอง หรือให้พวกเราลงมือ” ในขณะนี้ ร่างเงาที่สูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มนั้นได้กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมา

“จอมเทพมังกรหลวง” แม้ว่าร่างเงาทั้งเก้าสายจะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่เมื่อได้ยินเสียงแล้ว ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร แม้จะเป็นระดับบรรพบุรุษยังคงมีใบหน้าที่ขาวซีดขึ้นมาเช่นกัน

จอมเทพมังกรหลวงมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงในครอบครอง อีกทั้งยังโหดเหี้ยมทารุณยิ่งนัก เคยมีผู้ที่ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้วถูกทรมานจนตายเสียดีกว่าอยู่ ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้ยินชื่อของเขาแล้วต้องขวัญหนีดีฝ่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงได้ยินเสียงของเขา

“แค่พวกชื่อเสียงจอมปลอมฝูงหนึ่งเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่เพียงมองหน้าเขาทีหนึ่งด้วยท่าทีที่เรียบเฉยมาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “อย่าว่าแต่เป็นร่างจำแลงเลย ในสายตาของข้าต่อให้เป็นร่างจริงมาด้วยตนเองมันก็แค่มดปลวกเท่านั้น แค่มดปลวกฝูงหนึ่งถึงกับหาญกล้าพูดจายโสต่อหน้าข้า คำพูดนี้ควรเป็นข้าที่พูดว่า พวกเจ้าจะจัดการตัวเอง หรือต้องให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง!”

อหังการสุดๆ ไปเลย หมางเมินสรรพชีวิต ไม่สิ ต้องเรียกว่าหมางเมินต่อเหล่าเทพ ต่อให้เป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงมาด้วยตนเอง ยังคงถูกหลี่ชิเย่เรียกว่าเป็นพวกที่มีชื่อเสียงจอมปลอม!

เกรงว่าความกล้าหาญเช่นนี้ ในโลกนี้คงมีเพียงไม่กี่คนแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล