จอมเทพที่ดวงตราสัญลักษณ์สองดวงถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าเช่นนี้ เสมือนหนึ่งมดปลวกอย่างนั้น! ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันช่างเล็กจิ๋ว ช่างไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น
บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อได้เห็นภาพของกระทั่งจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงยังถูกเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าชนิดไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงนี้แล้ว ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ และสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวเสียเหลือเกิน
หลี่ชิเย่มองดูซือหม่าหวินที่ถูกเหยียบเอาไว้ใต้บาทพระพุทธด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “แค่จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวง เอามารองเท้าข้ายังไม่คู่ควรเลย! ในฝอเหย่แห่งนี้ ต่อให้เทพโบราณมาด้วยตนเอง ก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวแต่โดยดี!”
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่มีเมล็ดพันธุ์พุทธะอยู่ในความครอบครอง เท่ากับว่าเขาสามารถควบคุมฝอเหย่ทั้งหมด พลังของหนึ่งยุคสมัยล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของเขา แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษของยุคสมัยที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นก็ตาม แต่ การมาอยู่ในฝอเหย่แห่งนี้ หลี่ชิเย่คือผู้ปราศจากผู้ต่อกร!
ในเวลานี้ อย่าว่าแต่สถานที่เกิดเหตุ ต่อให้ทั่วทั้งฝอเหย่ก็เงียบสงัด เนื่องจากสิ่งนี้หาใช่พลังของคนหนึ่งคนใด หาใช่เคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรที่ผู้หนึ่งผู้ใดสำแดงออกมา แต่เป็นพลังของตัวฝอเหย่เอง!
“เจ้าหนู เจ้า” ซือหม่าหวินที่ถูกบาทพระพุทธเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าทั้งโกรธระคนกับตกใจ ถึงกับร้องเสียงดังออกมา
“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาได้ดังขึ้น ติดตามด้วยเสียงดัง “คร๊ากก” มองเห็นบาทพระพุทธที่ทำการบดขยี้ ร่างของซือหม่าหวินพลันถูกเหยียบจนเป็นเนื้อบด เลือดสดๆ ไหลนองย้อมพื้นดินบริเวณนั้นจนกลายเป็นสีแดง เขาไม่มีโอกาสกระทั่งโกรธจนแทบคลั่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ขัดขืน ร่างของเขาทุกบดอัดจนกลายเป็นเนื้อบดแผ่นบางๆ แผ่นหนึ่งไปแล้ว
ภายใต้บาทพระพุทธ ต่อให้เป็นถึงระดับจอมเทพดูจะเล็กจิ๋วจนไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง เพราะว่าเป็นต่อต้านกับพลังของยุคสมัยทั้งยุคต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวที่หลงเหลืออยู่ของยุคสมัยๆ หนึ่ง เฉกเช่นระดับจอมเทพนี้นับเป็นตัวอะไรได้ เป็นไม่ได้กระทั่งมดปลวกเสียด้วยซ้ำ
ครั้นบาทพระพุทธได้จางหายไป มองเห็นเพียงเนื้อบดแผ่นบางๆ อยู่ตรงนั้น โดยมีเลือดสดๆ ที่แทรกซึมพื้นดินตรงนั้นจนชุ่ม ได้กลิ่นคาวเลือดที่วับแวมโชยเข้ามาแตะปลายจมูกของทุกคน
“อ๊วกก” ในขณะนี้ มีผู้ที่ได้กลิ่นคาวเลือดนี้แล้วถึงกับเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนออกมา พวกเขาไม่ได้อยากอาเจียนเพราะได้กลิ่นคาวเลือด แต่เป็นเพราะตกใจมากจนเกินไปจนเกิดการบิดตัวของกระเพาะอาหารผ
นี่คือระดับจอมเทพนะเนี่ย ถึงกับตายเอาง่ายๆ ราวกับมดปลวกอย่างนี้ ออกจะสยดสยองมากเหลือเกิน
ณ ที่ห่างไกลบนเรือนิรันดร ฉินไป่หลี่ที่มองเห็นภาพนี้ในระยะห่างไกลได้ส่ายหน้าเบาๆ ว่า “ช่างโง่เขลา ตัวหลี่ชิเย่เรียกได้ว่าหนึ่งความนึกคิดเป็นพระ สามารถสลัดคราบความเป็นพระหลุดพ้นจากกิเลส ท่ามกลางฝอเหย่แห่งนี้เขาคือผู้ปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ฝอเหย่คือถิ่นต้นกำเนิดของพุทธศาสนา ตัวหลี่ชิเย่เองสามารถสำแดงสัจธรรมของพุทธศาสนาแล้ว การเป็นศัตรูกับเขาท่ามกลางฝอเหย่ มันคือการไม่เจียมตัวโดยแท้ อย่าว่าแต่ระดับจอมเทพตัวน้อยๆ เลย ต่อให้เป็นระดับจอมราชันเซียนหวังก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเองให้ดี!”
จะอย่างไรเสีย ฉินไป่หลี่คือเจ้าสำนักของสายสำนักราชันเซียน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปไม่อาจเทียบเทียมประสบการณ์ของเขาได้ ขณะอยู่ศาลเจ้าทองคำเห็นหลี่ชิเย่สามารถลอกคราบจากความเป็นพุทธในตอนนั้น ฉินไป่หลี่ก็เข้าใจแล้วว่า หลี่ชิเย่นั้นสามารถสำแดงพระธรรมใดๆ ทั้งหมดแล้ว ในด้านพุทธศาสนานั้นเรียกได้ว่าพระธรรมใดๆ ล้วนกำเนิดจากใจแล้ว เขาก็คือพุทธะ
สมควรจะทราบว่า ในสิบสามทวีปยังคงมีการสืบทอดของพุทธศาสนาคงอยู่ ขณะที่ต้นกำเนิดแท้จริงของการสืบทอดพุทธศาสนามาจากฝอเหย่ เคยมีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่บรรลุธรรมที่ฝอเหย่เป็นจำนวนมาก สุดท้ายก็ได้ไปก่อตั้งเป็นสำนักหรือสร้างเป็นวัดวาอารามขึ้นมา
ฝอเหย่คือแหล่งต้นกำเนิดพุทธศาสนา เวลานี้หลี่ชิเย่หนึ่งความนึกคิดเป็นพระ การเป็นศัตรูกับพระอริยสงฆ์สูงสุดในฝอเหย่คือความไม่เจียมตัวโดยแท้! อริยสงฆ์ระดับเช่นนี้อยู่ในพื้นที่อิทธิพลของตนเองย่อมมีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด!
ในเวลานี้ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างสั่นเทา ผู้ที่ใจเสาะถึงกับนั่งลงกับพื้นแล้ว ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวเหลือเกิน
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้ยิ้มนิดหนึ่ง ก้าวเดินเข้าหาทารกมังกรหลวง ขณะที่ทารกมังกรหลวงมีสีหน้าที่ขาวซีด ตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง
“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา” นาทีนี้ทารกมังกรหลวงคล้ายดั่งเห็นผีอย่างนั้น ร้องเสียงดังออกมา เวลานี้เขามีท่าทีที่แข็งนอกอ่อนในเรียกได้ว่าขวัญหนีดีฝ่อเสียแล้ว
หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “เจ้ายังมีผู้สนับสนุนอะไรอีก ขนออกมาให้หมด จะได้คิดบัญชีไปพร้อมกันทีเดียว ไม่ต้องมาไล่ทีละคนๆ เสียเวลามากเกินไป”
“เจ้า เจ้า เจ้าอย่าข่มเหงกันมากเกินไป อา อา อาจารย์ข้าคือจอมเทพมังกรหลวง” ในเวลานี้ทารกมังกรหลวงร้องเสียงแหลมออกมา ใช้ทั้งมือทั้งขา ล้มลุกคลุกคลานหนีไปด้านหลัง เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเสียแล้ว
“ข้ารู้ว่าอาจารย์เจ้าคือจอมเทพมังกรหลวง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงให้มาก” หลี่ชิเย่โบกมือกล่าวตัดบททารกมังกรหลวง หัวเราะและกล่าวว่า “เรียกอาจารย์ และอาจารย์อาของเจ้ามาให้หมด ข้าจะได้จัดการเชือดพวกเขาให้หมด จะได้ไม่เป็นภัยต่อโลกมนุษย์”
“เจ้า” ทารกมังกรหลวงถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เวลานี้เขารู้แล้วว่าบารมีของอาจารย์ไม่สามารถข่มขู่หลี่ชิเย่ได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสะใจที่มองเห็นทารกมังกรหลวงถูกทำให้ตกใจกลัวจนอุจจาระปัสสาวะราด รู้สึกสบายใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่เคยทุกข์ใจกับการถูกกระทำโดยทารกมังกรหลวงมาก่อน พวกเขาล้วนแล้วแต่รู้สึกสะใจ รู้สึกว่าหลี่ชิเย่ได้ช่วยระบายความแค้นแทนพวกเขา
“ถ้าหากอาจารย์ไร้สาระอะไรของเจ้าไม่ยอมปรากฏตัวล่ะก็ ข้าจะเลาะกระดูก ถลกหนังของเจ้า และนำเอาไปแขวนตากเอาไว้นอกเมืองตี้ฮว่า เพื่อให้อาจารย์เจ้ามาเก็บศพของเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทียิ้มแต้ มองดูทารกมังกรหลวงที่ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อนั่น
“เจ้า เด เด เดรัจฉานน้อย ข้า ข้าขอแลกชีวิตกับเจ้า!” ในเวลานี้ทารกมังกรหลวงถูกบีบให้เข้าไปอยู่ในทางตัน จึงร้องคำรามเสียงดังออกมา
นาทีนี้ ทารกมังกรหลวงคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ ได้ยินเสียงดัง “คร๊ากก” บริเวณกลางหน้าผากพลันแตกออก ปรากฏประกายออกมาเป็นสาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...