หลี่ชิเย่วางแผนลับๆ กับคนผู้นี้นานมาก ทั้งสองได้พูดคุยถึงความลับที่สะเทือนฟ้ามากมาย สุดท้าย เมื่อทุกอย่างได้มีข้อสรุปตัดสินแล้ว ทั้งสองคนได้ไปจากโดยอาศัยวิธีการที่ลึกลับที่สุดกลับไปยังที่ที่ของตนเอง การกระทำในครั้งนี้ของพวกเขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ พวกเขาลบกระทั่งร่องรอยที่ปรากฏในมิติแห่งกาลเวลา ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดสามารถติดตามและสำแดงใดๆ ได้
ในโลกนี้ เว้นแต่พวกเขาทั้งสองคนแล้ว ไม่มีใครล่วงรู้ว่าการวางแผนลับๆ ในครั้งนี้ได้ตัดสินชะตาชีวิตของคนหลายคนไว้แล้ว ตัดสินแนวโน้มทิศทางการก้าวเดินในอนาคต กระทั่งชะตาชีวิตของจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้วในการวางแผนลับๆ ครั้งนี้
ภายในเรือนิรันดร ธิดาราชันฉีหลินได้เฝ้าอยู่ด้านหน้าบ้านที่หลี่ชิเย่อาศัยอยู่ โดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปใกล้และไม่อนุญาตให้ใครได้เข้าไป
นอกจากธิดาราชันฉีหลินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าแล้ว ภายในลานบ้านยังมีคนอื่นๆ ที่รออยู่ ผู้ที่รออยู่บริเวณลานบ้านยังมีหนึ่งชายหนึ่งหญิง ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ผู้หญิงก็คืออู่ฟ่งหยิ่งที่มาแล้วหลายวัน
“เอี๊ยด” เสียงเปิดประตูดังขึ้น หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินออกมาจากด้านใน
“คุณชาย” ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกโล่งอกทันทีที่ได้เห็นหลี่ชิเย่ แน่นอนนางย่อมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องกับหลี่ชิเย่ แต่ระยะนี้ปราศจากซุ่มเสียงใดๆ นางย่อมรู้สึกกังวลอยู่ในใจจริงๆ
“ถึงไกลกันดารหรือยัง?” หลี่ชิเย่หัวเราะและบิดขี้เกียจ ท่าทางเหมือนกำลังตื่นอย่างนั้น หรือจะบอกว่าท่าทางเหมือนเพิ่งเสร็จจากการฝึกวิชา ดูเพลียๆ อยู่บ้าง
แน่นอนที่สุด ท่าทางที่ดูเพลียๆ ของหลี่ชิเย่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งแกล้งทำ เขาได้ก้าวข้ามเวลาโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ หากบอกว่าไม่รู้สึกเหนื่อยร้าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ยังไม่ถึงไกลกันดาร ยังคงต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง” ธิดาราชันฉีหลินรีบกล่าวตอบ
หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “งั้นดี มีเรื่องอะไรค่อยเรียกข้า” พูดจบหันหลังเพื่อกลับเข้าไปภายในบ้าน ท่าทางอิสระและผ่อนคลาย
จุดประสงค์การเดินทางมาครั้งนี้ของหลี่ชิเย่นับว่าสำเร็จลุล่วง ไกลกันดารเป็นแค่ถือโอกาสเท่านั้นจุดประสงค์หลักของการมาที่แท้จริงในครั้งนี้คือการพบปะกันกับผู้อื่นอย่างลับๆ ดังนั้น หลี่ชิเย่ในเวลานี้จึงดูผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ
“หลี่ ไม่ คุณชายหลี่” จังหวะที่หลี่ชิเย่หันหลังเพื่อกลับเข้าบ้าน เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นเรียกหลี่ชิเย่เอาไว้ เจ้าของเสียงก็คืออู่ฟ่งหยิ่งนั่นเอง
หลี่ชิเย่หันหลังกลับมา มองดูอู่ฟ่งหยิ่ง แล้วก็มองดูผู้ชายที่อยู่ข้างกายของนาง
วันนี้อู่ฟ่งหยิ่งมาไม่เหมือนเดิม ปรกติแล้วอู่ฟ่งหยิ่งจะใส่ชุดเกราะ บุคลิกลักษณะองอาจผึ่งผายข่มขวัญผู้คน ด้วยท่าทางของอิสตรีไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ แต่มาวันนี้อู่ฟ่งหยิ่งสวมใส่ชุดสีแดง ขณะที่ชุดของนางพลิ้วไหวตามลม แลดูงดงามมากเป็นพิเศษ
เดิมทีตัวอู่ฟ่งหยิ่งเองก็นับว่ามีความงดงามปราศจากผู้เทียบเทียมอยู่แล้ว ถือเป็นหญิงงามที่ทำให้โลกต้องตะลึงแน่นอน เพียงแต่โดยปรกติแล้วนางมีความมุทะลุดุดันมากเหลือเกิน อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยความพาล ทุกคนจึงมองข้ามความงดงามของนางไป เวลานี้นางสวมใส่ชุดสีแดงต้องเรียกว่างดงามยากจะหาผู้ใดเทียม ใช้คำว่าสวยหยาดเยิ้มมาเปรียบเปรยก็นับว่าไม่เกินเลย สามารถทำให้ผู้คนที่พบเห็นพลันหลงใหลในทันที
ปรกติแล้ว อู่ฟ่งหยิ่งจะมีความมุทะลุดุดันมากเป็นพิเศษ อีกทั้งมีความพาลอยู่เต็มเปี่ยม แต่อู่ฟ่งหยิ่งในวันนี้เหมือนเปลี่ยนนิสัยไปเป็นคนละคนอย่างนั้น ขณะท่วงท่าการก้าวเดินยังเป็นลักษณะของก้าวเดินสั้นๆ เหมือนว่ากลับกลายเป็นอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ แตกต่างจากเดิมเป็นพิเศษเหมือนเป็นคนละคน
“คุณชายหลี่ เป็นข้าที่ประสบการณ์น้อย ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ล่วงเกินต่อคุณชาย…” อู่ฟ่งหยิ่งในเวลานี้ก้มหน้าต่ำกล่าวขอโทษต่อหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่อดที่จะพิจารณาอู่ฟ่งหยิ่งตั้งแต่หัวจดเท้า หากไม่เป็นเพราะเห็นกับตาตนเอง เรียกได้ว่ายากจะเชื่อจริงๆ อู่ฟ่งหยิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คืออู่ฟ่งหยิ่งที่มุทะลุดุดันและอันธพาลคนนั้น นี่ไม่ใช่อู่ฟ่งหยิ่งคนนั้นชัดๆ
ธิดาราชันฉีหลินอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า เมื่อมองเห็นท่าทางที่งดงามและนุ่มนวลของอู่ฟ่งหยิ่ง นางได้แต่พูดขึ้นมาเบาๆ ที่ข้างหูของหลี่ชิเย่ว่า “เจ้าเมืองอู่ได้รอคุณชายอยู่ที่ตรงนี้มาหลายวันแล้ว นางตั้งใจจะมาขอโทษคุณชายด้วยความจริงใจ”
สิ่งที่ธิดาราชันฉีหลินสามารถทำได้ก็คือพูดบวกให้กับอู่ฟ่งหยิ่ง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ชิเย่กับอู่ฟ่งหยิ่งสามารถผ่อนคลายลงได้หรือไม่นั้น หาใช่นางจะไปบงการได้อยู่แล้ว
“ข้าตาลายไปรึ?” หลี่ชิเย่ที่มองดูอู่ฟ่งหยิ่งที่ดูงดงามและนุ่มนวลแล้ว ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “หรือว่าวันนี้พราะอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกหรือไง เจ้าที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง”
“พูดจาไร้สาระ” เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งได้ยินหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้พลันอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ กลับกลายเป็นร่างเดิมทันที กล่าวด้วยท่าทีที่มุทะลุดุดันว่า “เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าคนหน้าด้าน”
“ภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์ ระวังภาพลักษณ์ รักษาภาพลักษณ์ของกุลสตรีเอาไว้ อ่อนหวานน่ารัก อ่อนโยนดุจสายน้ำ” ขณะที่อู่ฟ่งหยิ่งกำลังจะคลั่ง ผู้ชายที่ติดตามอยู่ข้างกายอู่ฟ่งหยิ่งจึงเตือนอู่ฟ่งหยิ่งที่กำลังบ้าคลั่งในทันที และไปปลอบนางทันที
ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนเยาว์เป็นอันมาก หน้าตาหล่อเหลาแต่ท่วงท่าดูจะแฝงไว้ซึ่งความเป็นอันธพาลอยู่บ้าง ท่าทีเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย ไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างยิ่ง แค่มองเห็นแวบหนึ่งก็รู้ว่าเป็นเจ้าหนูที่ไม่ได้อยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์อะไร
“อ่อนโยนกับผี!” อู่ฟ่งหยิ่งกล่าวด้วยความโกรธยิ่งนักว่า “เจ้าเจ็ด ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าโง่อย่างเจ้าที่เป็นคนเสนอความคิดให้ข้า ข้าจะเชือดเจ้าเสีย”
“พี่ ทุกอย่างยากที่การเริ่มต้น ถ้าหากทุกอย่างเริ่มต้นได้ง่ายขนาดนั้น โลกนี้ก็คงไม่มีเรื่องยากแล้วหละ” คนหนุ่มผู้นี้ยิ้มแต้พูดจาเกลี้ยกล่อมอู่ฟ่งหยิ่ง พูดไม่สู้จะจริงจังว่า “ภาษิตว่าไว้ว่า ขอเพียงมีความตั้งใจ ฝนทั่งให้เป็นเข็มได้ พี่ หากพี่ต้องการให้สมปรารถนาดั่งใจนึกก็ต้องมีความพยายาม จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง…”
“…มิเช่นนั้นล่ะก็ไหนเลยจะมีโอกาส ท่านไม่ลองมองดูธิดาราชัน งดงามและอ่อนโยน เช่นนี้ต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายอย่างแน่นอน ท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่?” เจ้าหนูคนนี้ไม่รู้ว่าต้องการช่วยเหลืออู่ฟ่งหยิ่งจริงๆ หรือเพียงแค่ต้องการมาร่วมสนุกคึกครื้นเท่านั้น และหรือกลัวว่าเรื่องราวจะไม่วุ่นวายมากไปกว่านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...