ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1912

ณ สถานที่ลึกลับ หลี่ชิเย่กับผู้ที่มาได้วางแผนลับมากมายหลายเรื่อง สิ่งที่พวกเขาสนทนากันล้วนแล้วแต่เป็นความลับที่สะเทือนฟ้าในสิบสามทวีปทั้งสิ้น ในนั้นได้เกี่ยวพันถึงความลับจำนวนมากของจอมราชันเซียนหวัง อีกทั้งจอมราชันเซียนหวังที่เกี่ยวพันล้วนแล้วแต่เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสายขึ้นไป ส่วนจอมราชันเซียนหวังระดับล่างยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปอยู่ในขอบข่ายการสนทนาของพวกเขา

เรื่องที่พวกเขาสนทนาไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างความสะเทือนหวั่นไหวไปทั่วสิบสามทวีปหากมีการหลุดออกไป เนื่องจากบุคคลที่อยู่ในข่ายการสนทนาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่สยบสิบสามทวีปมายุคแล้วยุคเล่าทั้งสิ้น อีกทั้งพวกเขายังพูดคุยสนทนาถึงสภาพโดยทั่วไป และทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเหล่าจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้

เป็นต้นว่า จอมราชันผู้นั้นกำลังสร้างอาวุธที่สะเทือนหล้าอยู่ชิ้นหนึ่ง หรือจอมราชันอีกผู้หนึ่งได้ลอบเข้าไปยังพื้นที่อาถรรพ์ และหรือจอมราชันอีกผู้หนึ่งมีแนวความคิดที่จะกลับชาติเกิดใหม่…

เรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวพันในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องความลับที่สะเทือนฟ้าทั้งสิ้น แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังเองหากได้ยินรายละเอียดสนทนาที่เกี่ยวข้องกับตนเองแล้วยังต้องตกใจอย่างยิ่ง กระทั่งถูกทำให้ตกใจจนแทบกระโดดตัวลอยขึ้นมา

“จุดยืนของจอมราชันเซียนหวังระดับสูงจะต้องชัดเจน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ คำพูดของเขาหนักแน่นจริงจังมาก

“จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย จำเป็นต้องมีจุดยืน!” คนที่มาก็พูดหนักแน่นจริงจังขึ้นมา

ในยุคปัจจุบัน จอมราชันเซียนหวังของชิงโจวที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองและยังคงมีชีวิตอยู่มีเพียงสี่คนเท่านั้น ได้แก่ราชันเทพชิงมู่ ราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ และเซียนหวังอิเย่!

ราชันเทพชิงมู่นั้นไม่ต้องกล่าวมากความ เขาเป็นประเภทเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง เขาลึกลับเช่นนี้ตลอดมา ธาตุแท้ภายในและทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนแล้วแต่ยากจะศึกษาค้นคว้า

สำหรับราชันซื่อตี้นั้น เขาเป็นศัตรูกับอีกาทมิฬมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งสองฝ่ายหากไม่ตายก็จะไม่มีวันเลิกรา ซึ่งเป็นสิ่งที่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากในสิบสามทวีปต่างรู้กันดี

“เรื่องเกี่ยวกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป เรื่องนี้ไม่เห็นจะราบรื่น” คนผู้นี้ได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นับตั้งแต่ราชันเชอะตี้ได้ทำลายชะตาฟ้าของตนไปสายหนึ่งแล้ว ก็ยากจะพบเห็นร่องรอยของเขา คิดจะรู้ถึงจุดยืนของเขาเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก”

ผู้คนในหล้าต่างรู้ดีว่า จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายและยังคงมีชีวิตอยู่นั้น มีเพียงสี่คนเท่านั้น แต่ไม่อาจไม่พูดถึงจอมราชันอีกผู้หนึ่ง นั่นก็คือราชันเชอะตี้

ราชันเชอะตี้คือจอมราชันคนที่หกที่ได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป เขามีชาติกำเนิดเป็นเผ่ามาร เพื่อรำลึกถึงเหยี่ยนตี้ จึงตั้งฉายาของตนว่าเชอะตี้

ต่อมาภายหลังไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร เขาได้ทำลายชะตาฟ้าด้วยตนเองไปหนึ่งสาย กลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย

แม้ว่าราชันเชอะตี้จะเหลือชะตาฟ้าในครอบครองเพียงสิบเอ็ดสาย แต่ทั่วหล้าไม่มีผู้ใดกล้าประมาทต่อเชอะตี้ เนื่องจากราชันเชอะตี้นั้นไม่เพียงเคยมีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครอง ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือเขามีสายเลือดหมอฟงบนตัว!

สายเลือดหมอฟงคือเลือดเซียนของเผ่ามาร แม้ว่าราชันเชอะตี้จะทำลายชะตาฟ้าด้วยตนเองไปหนึ่งสาย แต่ว่า สิบเอ็ดชะตาฟ้าของเขาบวกกับสายเลือดหมอฟงของเขา ยังคงเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดหวั่นของจอมราชันเซียนหวังทุกๆ คนในหล้าแน่นอน

นอกจากราชันเชอะตี้จะมีสายเลือดหมอฟงแล้ว ยังเล่าลือกันว่าราชันเชอะตี้ได้สืบทอดชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดจากราชันเหยียนตี้อีกด้วย!

ราชันเหยียนตี้คือจอมราชันที่ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายเป็นคนที่สามของสิบสามทวีป เขามีชาติกำเนิดเป็นเผ่ามารเช่นกัน เป็นผู้ครอบครองหนึ่งในห้าชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุด น่าเสียดาย สุดท้ายแล้วเขากลับตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์! จากนั้นมา ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดของเขาก็หายสาบสูญไปไร้ร่องรอย

กระทั่งภายหลังราชันเชอะตี้ผงาดขึ้นมา จึงได้เกิดคำล่ำลือกันว่าชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดของราชันเหยียนตี้ตกอยู่ในมือของราชันเชอะตี้

ลองนึกภาพดู ราชันเชอะตี้ที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย มีสายเลือดหมอฟง และชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดอยู่ในความครอบครอง กำลังความสามารถเช่นนี้และธาตุแท้ภายในที่มี ทำให้เขาถูกผู้คนในหล้าจัดให้เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเคียงคู่กับเหล่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย

เรียกได้ว่าราชันเชอะตี้คือจอมราชันชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายที่ไม่มีผู้ใดเทียม แต่ว่า ชื่อเสียงของเขาไม่ได้อาศัยของนอกกายที่มีอยู่เท่านั้น แต่เขาเคยครอบครองชะตาฟ้าถึงสิบสองสายโดยแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นที่กังขาของทุกๆ คนอยู่แล้ว!

“เป็นความจริงที่ราชันเชอะตี้ทำตัวค่อมต่ำจนไม่ปรากฎอิทธิฤทธิ์แล้ว” หลี่ชิย่พยักหน้า และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าจะต้องหาตัวเขาพบแน่ ถ้าหากเขาต้องการก้าวเดินตามรอยของเหยียนตี้ เขาสมควรเข้าใจว่าจะต้องเลือกเดินอย่างไร”

“เรื่องของราชันเสวียนตี้คงพูดยาก” หลังจากจบเรื่องของราชันเชอะตี้แล้ว คนผู้นี้ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “จุดยืนของเขาคลุมเครือยิ่งนัก ไม่เพียงแค่ท่าทีที่เขามีต่อสถานการณ์ในอนาคต ต่อให้กับเผ่าเทพของพวกเขาเอง จุดยืนของเขาก็ดูคลุมเครือยิ่งนัก ท่าทีของเขาที่มีต่อทุกชาติพันธุ์ก็จะคลุมเครือเช่นนี้ ไม่เหมือนเช่นขบวนการเทียนฉวนที่มีจุดยืนชัดเจน ดังนั้น ข้าจึงระมัดระวังในตัวเขาค่อนข้างมาก”

ขบวนการเทียนฉวนเป็นองค์กรที่มีราชันซื่อตี้เป็นผู้นำ จุดยืนของขบวนการเทียนฉวนนั้นชัดเจนมาก พวกเขายืนอยู่ข้างฝ่ายของเผ่าสวรรค์อย่างแท้จริง และถือเอาผลประโยชน์ของเผ่าสวรรค์เป็นสำคัญ

“เรื่องนี้นับว่าอันตรายอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอยู่ในครอบครองล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในเป้าสายตาของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเราหรือฝ่ายตรงข้าม ต่างต้องการให้จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยืนอยู่ข้างตน! เมื่อถึงเวลานั้น หากราชันเสวียนตี้ไม่ตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง เกรงว่าคงปล่อยให้เขาคลุมเครือต่อไปไม่ได้ ฆ่าไม่มีละเว้น เพราะนี่จะเป็นคมมีดเล่มหนึ่งที่สามารถทิ่มแทงใส่จุดตายของศัตรู ขณะเดียวกันก็สามารถแทงใส่จุดตายของพวกเราได้เหมือนกัน!”

หากจอมราชันเซียนหวังลงมือย่อมสร้างความเสียหายอย่างหนัก และมีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ในการสนทนาลับสุดยอดที่สะเทือนฟ้าในครั้งนี้ เรื่องของจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครองจึงเป็นหัวข้อสำคัญในการสนทนาของพวกเขาทั้งสองในครั้งนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล