ณ สถานที่ลึกลับ หลี่ชิเย่กับผู้ที่มาได้วางแผนลับมากมายหลายเรื่อง สิ่งที่พวกเขาสนทนากันล้วนแล้วแต่เป็นความลับที่สะเทือนฟ้าในสิบสามทวีปทั้งสิ้น ในนั้นได้เกี่ยวพันถึงความลับจำนวนมากของจอมราชันเซียนหวัง อีกทั้งจอมราชันเซียนหวังที่เกี่ยวพันล้วนแล้วแต่เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสายขึ้นไป ส่วนจอมราชันเซียนหวังระดับล่างยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปอยู่ในขอบข่ายการสนทนาของพวกเขา
เรื่องที่พวกเขาสนทนาไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสร้างความสะเทือนหวั่นไหวไปทั่วสิบสามทวีปหากมีการหลุดออกไป เนื่องจากบุคคลที่อยู่ในข่ายการสนทนาล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่สยบสิบสามทวีปมายุคแล้วยุคเล่าทั้งสิ้น อีกทั้งพวกเขายังพูดคุยสนทนาถึงสภาพโดยทั่วไป และทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเหล่าจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้
เป็นต้นว่า จอมราชันผู้นั้นกำลังสร้างอาวุธที่สะเทือนหล้าอยู่ชิ้นหนึ่ง หรือจอมราชันอีกผู้หนึ่งได้ลอบเข้าไปยังพื้นที่อาถรรพ์ และหรือจอมราชันอีกผู้หนึ่งมีแนวความคิดที่จะกลับชาติเกิดใหม่…
เรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวพันในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องความลับที่สะเทือนฟ้าทั้งสิ้น แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังเองหากได้ยินรายละเอียดสนทนาที่เกี่ยวข้องกับตนเองแล้วยังต้องตกใจอย่างยิ่ง กระทั่งถูกทำให้ตกใจจนแทบกระโดดตัวลอยขึ้นมา
“จุดยืนของจอมราชันเซียนหวังระดับสูงจะต้องชัดเจน” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ คำพูดของเขาหนักแน่นจริงจังมาก
“จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย จำเป็นต้องมีจุดยืน!” คนที่มาก็พูดหนักแน่นจริงจังขึ้นมา
ในยุคปัจจุบัน จอมราชันเซียนหวังของชิงโจวที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองและยังคงมีชีวิตอยู่มีเพียงสี่คนเท่านั้น ได้แก่ราชันเทพชิงมู่ ราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ และเซียนหวังอิเย่!
ราชันเทพชิงมู่นั้นไม่ต้องกล่าวมากความ เขาเป็นประเภทเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง เขาลึกลับเช่นนี้ตลอดมา ธาตุแท้ภายในและทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนแล้วแต่ยากจะศึกษาค้นคว้า
สำหรับราชันซื่อตี้นั้น เขาเป็นศัตรูกับอีกาทมิฬมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งสองฝ่ายหากไม่ตายก็จะไม่มีวันเลิกรา ซึ่งเป็นสิ่งที่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากในสิบสามทวีปต่างรู้กันดี
“เรื่องเกี่ยวกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป เรื่องนี้ไม่เห็นจะราบรื่น” คนผู้นี้ได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นับตั้งแต่ราชันเชอะตี้ได้ทำลายชะตาฟ้าของตนไปสายหนึ่งแล้ว ก็ยากจะพบเห็นร่องรอยของเขา คิดจะรู้ถึงจุดยืนของเขาเกรงว่าคงไม่ง่ายนัก”
ผู้คนในหล้าต่างรู้ดีว่า จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายและยังคงมีชีวิตอยู่นั้น มีเพียงสี่คนเท่านั้น แต่ไม่อาจไม่พูดถึงจอมราชันอีกผู้หนึ่ง นั่นก็คือราชันเชอะตี้
ราชันเชอะตี้คือจอมราชันคนที่หกที่ได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายของสิบสามทวีป เขามีชาติกำเนิดเป็นเผ่ามาร เพื่อรำลึกถึงเหยี่ยนตี้ จึงตั้งฉายาของตนว่าเชอะตี้
ต่อมาภายหลังไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร เขาได้ทำลายชะตาฟ้าด้วยตนเองไปหนึ่งสาย กลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย
แม้ว่าราชันเชอะตี้จะเหลือชะตาฟ้าในครอบครองเพียงสิบเอ็ดสาย แต่ทั่วหล้าไม่มีผู้ใดกล้าประมาทต่อเชอะตี้ เนื่องจากราชันเชอะตี้นั้นไม่เพียงเคยมีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครอง ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือเขามีสายเลือดหมอฟงบนตัว!
สายเลือดหมอฟงคือเลือดเซียนของเผ่ามาร แม้ว่าราชันเชอะตี้จะทำลายชะตาฟ้าด้วยตนเองไปหนึ่งสาย แต่ว่า สิบเอ็ดชะตาฟ้าของเขาบวกกับสายเลือดหมอฟงของเขา ยังคงเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเป็นที่หวาดหวั่นของจอมราชันเซียนหวังทุกๆ คนในหล้าแน่นอน
นอกจากราชันเชอะตี้จะมีสายเลือดหมอฟงแล้ว ยังเล่าลือกันว่าราชันเชอะตี้ได้สืบทอดชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดจากราชันเหยียนตี้อีกด้วย!
ราชันเหยียนตี้คือจอมราชันที่ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายเป็นคนที่สามของสิบสามทวีป เขามีชาติกำเนิดเป็นเผ่ามารเช่นกัน เป็นผู้ครอบครองหนึ่งในห้าชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุด น่าเสียดาย สุดท้ายแล้วเขากลับตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์! จากนั้นมา ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดของเขาก็หายสาบสูญไปไร้ร่องรอย
กระทั่งภายหลังราชันเชอะตี้ผงาดขึ้นมา จึงได้เกิดคำล่ำลือกันว่าชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดของราชันเหยียนตี้ตกอยู่ในมือของราชันเชอะตี้
ลองนึกภาพดู ราชันเชอะตี้ที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย มีสายเลือดหมอฟง และชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงประเภทที่เป็นชุดอยู่ในความครอบครอง กำลังความสามารถเช่นนี้และธาตุแท้ภายในที่มี ทำให้เขาถูกผู้คนในหล้าจัดให้เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเคียงคู่กับเหล่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย
เรียกได้ว่าราชันเชอะตี้คือจอมราชันชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายที่ไม่มีผู้ใดเทียม แต่ว่า ชื่อเสียงของเขาไม่ได้อาศัยของนอกกายที่มีอยู่เท่านั้น แต่เขาเคยครอบครองชะตาฟ้าถึงสิบสองสายโดยแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นที่กังขาของทุกๆ คนอยู่แล้ว!
“เป็นความจริงที่ราชันเชอะตี้ทำตัวค่อมต่ำจนไม่ปรากฎอิทธิฤทธิ์แล้ว” หลี่ชิย่พยักหน้า และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าจะต้องหาตัวเขาพบแน่ ถ้าหากเขาต้องการก้าวเดินตามรอยของเหยียนตี้ เขาสมควรเข้าใจว่าจะต้องเลือกเดินอย่างไร”
“เรื่องของราชันเสวียนตี้คงพูดยาก” หลังจากจบเรื่องของราชันเชอะตี้แล้ว คนผู้นี้ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “จุดยืนของเขาคลุมเครือยิ่งนัก ไม่เพียงแค่ท่าทีที่เขามีต่อสถานการณ์ในอนาคต ต่อให้กับเผ่าเทพของพวกเขาเอง จุดยืนของเขาก็ดูคลุมเครือยิ่งนัก ท่าทีของเขาที่มีต่อทุกชาติพันธุ์ก็จะคลุมเครือเช่นนี้ ไม่เหมือนเช่นขบวนการเทียนฉวนที่มีจุดยืนชัดเจน ดังนั้น ข้าจึงระมัดระวังในตัวเขาค่อนข้างมาก”
ขบวนการเทียนฉวนเป็นองค์กรที่มีราชันซื่อตี้เป็นผู้นำ จุดยืนของขบวนการเทียนฉวนนั้นชัดเจนมาก พวกเขายืนอยู่ข้างฝ่ายของเผ่าสวรรค์อย่างแท้จริง และถือเอาผลประโยชน์ของเผ่าสวรรค์เป็นสำคัญ
“เรื่องนี้นับว่าอันตรายอยู่บ้าง” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอยู่ในครอบครองล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในเป้าสายตาของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเราหรือฝ่ายตรงข้าม ต่างต้องการให้จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยืนอยู่ข้างตน! เมื่อถึงเวลานั้น หากราชันเสวียนตี้ไม่ตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง เกรงว่าคงปล่อยให้เขาคลุมเครือต่อไปไม่ได้ ฆ่าไม่มีละเว้น เพราะนี่จะเป็นคมมีดเล่มหนึ่งที่สามารถทิ่มแทงใส่จุดตายของศัตรู ขณะเดียวกันก็สามารถแทงใส่จุดตายของพวกเราได้เหมือนกัน!”
หากจอมราชันเซียนหวังลงมือย่อมสร้างความเสียหายอย่างหนัก และมีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ในการสนทนาลับสุดยอดที่สะเทือนฟ้าในครั้งนี้ เรื่องของจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครองจึงเป็นหัวข้อสำคัญในการสนทนาของพวกเขาทั้งสองในครั้งนี้
มีข่าวลือว่า เคยมีจอมราชันเซียนหวังจจำนวนไม่น้อยที่ตามหาชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงชุดนี้ จะอย่างไรเสียการได้ครอบครองชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงทำให้กำลังแตกต่างกันไป แต่ว่า ต่อให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังเหล่านี้พยายามตามหาและคิดคำนวณ แต่ก็ไม่ได้ข่าวใดๆ เกี่ยวกับชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงชุดนี้แต่อย่างใด ร่องรอยของมันยังคงเป็นปริศนา
“ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริงของเหรินหวัง” คนผู้นี้พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “สามารถลองดูได้ หากปราศจากหนทาง ถึงเวลานั้นค่อยตัดสินใจอีกที”
“การไปไกลกันดารในครั้งนี้ไหนเลยจะไม่เป็นการลองดู?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “หากประสบผลจริง ก็ไม่จำเป็นเสมอว่าจะต้องเป็นชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริง ของดีในไกลกันดารก็ไม่เลวนัก สำเร็จหรือไม่ต้องดูที่วาสนาในครั้งนี้แล้วหละ”
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ ได้เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
ณ ที่ตรงนี้ หลี่ชิเย่ได้สนทนากับคนผู้นี้มากมาย ที่พวกเขาพูดคุยกันล้วนแล้วแต่เป็นความลับ เป็นความลับขั้นสุดยอด
“ศึกครั้งนี้สามารถหาตัวพวกของเจียวเหิงได้ก็ยิ่งดี” สุดท้าย คนผู้นี้ได้กล่าวว่า “ครั้งนี้จะเป็นสงครามที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัดสินในครั้งเดียวไม่ต้องยืดเยื้อ อาศัยกำลังในมือของพวกเรา บวกกับพวกของเจียวเหิง พวกเรามีโอกาสชนะเด็ดขาดถึงเก้าส่วน”
“เรื่องนี้เวลาค่อนข้างนานไปนิดหนึ่งจึงพูดยาก ตรงกันข้าม กลับกลายเป็นว่าตาเฒ่าชิงมู่ดูน่ารอคอยมากกว่า ตาเฒ่าผู้นี้ฉลาดยิ่งกว่าผี ถ้าหากจะมีใครสามารถเข้าใจผีได้อย่างถ่องแท้ได้ล่ะก็ เขานี่แหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ชาตินี้ข้ายังคงมีสิ่งที่รอคอยอยู่ บางทียุคสมัยได้มาถึงแล้ว จะมีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายองค์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา”
“คนที่ท่านพาขึ้นมารึ?” คนผู้นี้เพ่งสายตาออกไปข้างหน้า และกล่าวขึ้นมาช้าๆ
“เรื่องนี้คงพูดยาก” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “บางทีอาจมาจากสิบสามทวีปก็ไม่แน่”
“ยาก” คนผู้นี้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ชาตินี้ผู้คนเคยมั่นใจในเหรินเซิ่น และจินเก๋อ เสียดายที่พวกเขาต่างพลาดโอกาสไปในครั้งแรก ต่อให้หนึ่งในพวกเขาทั้งสองสามารถกลายเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย เรื่องบางเรื่องก็พูดยาก จอมราชันเซียนหวังใหม่ยังอ่อนนัก…”
“…ไม่แน่เสมอว่าพวกเขาจะต้านทานกับสิ่งเย้ายวนบางอย่างได้ จะอย่างไรเสียยุคสมัยใกล้จะมาแล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ เกรงว่าพวกเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างแน่ หากจอมราชันเซียนหวังคนใหม่ไม่สามารถทนต่อสิ่งเย้ายวนล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องดีแลย”
“ดังนั้น ใครที่จะเป็นจอมราชันเซียนหวังที่ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายได้ ต้องอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “หากไม่สามารถควบคุมได้ ก็อย่าให้จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้เกิด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...