กลืนกินสิบแคว้นแปดอาณาจักรในคราวเดียว นี่มันหมายถึงชีวิตจำนวนเท่าไรกัน คำพูดลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าใครได้ยินได้ฟังก็ต้องรู้สึกสั่นเทา แม้ว่าชั่วชีวิตของยอดฝีมือจะสังหารผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว การฆ่าฟันในสิบสามทวีปถือเป็นเรื่องที่ธรรมดามากแล้ว
แต่หากจะกล่าวถึงการกลืนกินสิ่งมีชีวิตของสิบแคว้นแปดอาณาจักรในคราวเดียวล่ะก็ นับว่าน่าสยองขวัญเหลือเกิน ลองนึกภาพดู พวกเขาที่เป็นผู้บำเพ็ญตนกลับกลายเป็นอาหารของผู้อื่นเสียนี่ มันช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนกอะไรอย่างนั้น
“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินมาก่อน” ซึหุนหลินก็กล่าวทอดถอนใจออกมาว่า “เรื่องนี้ได้ทำให้จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากโกรธเคืองเป็นยิ่งนัก จึงมีจอมราชันเซียนหวังลงมือสังหารพวกเขาด้วยตนเอง ดังนั้น เผ่ารอยโลหิตจำต้องหนีกลับเข้าไปยังรังเก่า และไม่ค่อยได้ปรากฏตัวออกมาอีกนับแต่นั้นเป็นต้นมา และไม่ได้ปรากฏตัวในสิบสามทวีปอีก ไม่นึกเลยว่าคราวนี้จะออกมาอีก”
“พวกผีดิบเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่มองดูกลุ่มของเผ่ารอยโลหิตกลุ่มนี้ กล่าวเฉยเมยว่า “หลายปีผ่านไป พวกเขายังไม่ยอมเลิกรา คิดจะทำการอีกสักครั้งเท่านั้น”
“เล่าลือกันว่า พวกเขาจัดอยู่ในประเภทสิ่งที่ปราศจากชีวิต ไม่พบปะกับผู้คนบนโลก สยองขวัญที่สุด กระทั่งผู้ที่พบเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงพวกเขาแล้วถึงกับต้องตกใจขวัญหนีดีฝ่อ” ซึหุนหลินมองดูกลุ่มคนกลุ่มนี้แล้วถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “บนโลกนี้มีคนที่น่าเกลียดมากขนาดนั้นจริงรึ? ถึงกับทำให้คนตกใจขวัญหนีดีฝ่อได้”
“คำว่าน่าเกลียดไม่สามารถนำมาเปรียบเปรยพวกเขาได้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ว่า “ตัวของพวกเขาเดิมก็คือสัตว์ประหลาดอยู่แล้ว ไม่ถือว่าอยู่ในยุคสมัยของพวกเรา ไม่สามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกผีดิบที่น่าเกลียดเช่นนี้ได้ในครั้งนั้น นับว่าเป็นโชคของพวกเขาแล้ว!” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ แววตาของเขาส่งประกายเย็นยะเยือกออกมาแวบหนึ่ง
“มันน่าเกลียดได้ถึงเพียงนั้นจริงรึ?” อู่ชีไม่เชื่อ ยิ้มแต้และกล่าวว่า “หน้าตาน่าเกลียดมากกว่านี้ข้าก็เคยพบเห็นมาแล้ว คนหน้าตาน่าเกลียดก็สามารถทำให้ขวัญหนีดีฝ่อได้ นับว่าเป็นการพูดเกินเลยไปแล้วหละ”
“รอให้เจ้าได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเขาแล้วค่อยพูดคำนี้จะดีกว่า” หลี่ชิเย่มองดูอู่ชีด้วยสายตาที่เฉยเมย
อู่ชียังไม่ทันได้สติกลับมา เห็นร่างเงาของหลี่ชิเย่แวบหนึ่งพลันหายตัวไปทันที หนึ่งก้าวหนึ่งโลกธาตุพลันไปปรากฎอยู่ตรงหน้าแถวขบวนของกลุ่มเผ่ารอยโลหิตนั่น
“คนโหดอันดับหนึ่ง…” ผู้คนจำนวนมากที่กำลังจับตามองดูขบวนของเผ่ารอยโลหิต มีคนถึงกับร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่พลันปรากฎอยู่ตรงหน้าขบวนแถวของเผ่ารอยโลหิตอย่างกะทันหัน
“นี่เขาต้องการทำอะไร?” หลายคนรู้สึกหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวงเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ ศึกฝอเหย่ครั้งนั้นสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามต่างหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวงเมื่อได้เห็นเขา
ขบวนของเผ่ารอยโลหิตหยุดลงทันทีเช่นกัน เมื่อหลี่ชิเย่เข้ามาขวางทางพวกเขาเอาไว้ บรรยากาศของพวกเขาพลันตึงเครียดขึ้น แต่ว่าไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา เพียงแค่จ้องมองหลี่ชิเย่เฉยๆ
“เปิดผ้าคลุมออก เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา” หลี่ชิเย่ชี้นิ้วไปยังคนผู้หนึ่งที่อยู่ในขบวน และกล่าวขึ้นช้าๆ
แต่ว่า ไม่มีคนหนึ่งคนใดภายในขบวนนั้นตอบรับ พวกเขายังคงอยู่ในความเงียบสงบยิ่งนัก พวกเขายังคงเงียบสงัด เหมือนหนึ่งเป็นคนตายแต่ละคนที่จ้องเขม็งหลี่ชิเย่เอาไว้อย่างนั้น
“คนโหดอันดับหนึ่งยโสเหลือเกิน กล้าหาเรื่องทุกคน ไม่ว่าใครก็ไม่อยู่ในสายตา” ผู้คนถึงกับกล่าวทอดถอนใจออกมา เมื่อเห็นท่าทีของหลี่ชิเย่ที่พูดจาข่มผู้อื่นเช่นนี้
“ดูท่าข้าคงต้องลงมือเองเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย นิ้วหนึ่งที่ชี้โจมตีออกไป พลันโจมตีถูกหนึ่งในขบวนนั้น
คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งมาก กระทั่งใช้คำว่าฝืนลิขิตสวรรค์มาเปรียบเปรยก็ไม่นับว่าเกินเลย ขณะที่นิ้วของหลี่ชิเย่ที่กวาดขนานเข้ามาเขาทำท่าจะหลบ แต่ว่า นิ้วนี้ของหลี่ชิเย่คลุมไปทุกที่ได้ปิดกั้นมิติเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถหลบได้พ้น
“ปุ…” พลังจากนิ้วของหลี่ชิเย่นิ้วนี้ได้ทำลายชุดดำที่คลุมตัวของคนผู้นี่จนละเอียด นิ้วเดียวทำลายการปกปิดกายทั้งตัว พลันทำให้เผยโฉมที่แท้จริงออกมา
ครั้นคนผู้นี้ได้เผยร่างที่แท้จริงออกมา ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นแล้วต้องขนลุกขนพองแน่นอน มันเป็นร่างกายที่ดูไปแล้วคล้ายร่างกายของมนุษย์ แต่ไม่ได้ประกอบขึ้นจากกล้ามเนื้อ มันเกิดจากเอ็นเส้นเลือดแต่ละเส้นเกาะเกี่ยวกันขึ้นมา โดยทั่วทั้งร่างดูไปแล้วคล้ายจากเอ็นเส้นเลือดแต่ละเส้นที่มัดเป็นเกลียว โดยเฉพาะขณะที่เอ็นเส้นเลือดเต้นดุบดิบนั้น เสมือนหนึ่งเป็นหนอนโลหิตแต่ละตัวที่กำลังคืบคลานอยู่อย่างนั้น
ร่างกายลักษณะเช่นนี้ไม่มีส่วนที่เป็นหัว ส่วนที่ควรเป็นตำแหน่งของหัวกลับกลายเป็นกระเปาะเนื้องอกที่ดูแล้วคล้ายเป็นดอกทานตะวัน เมื่อมันบานออกพลันแยกออกเป็นกลีบแปดกลีบ และกลีบทั้งแปดนี้กลับมีหนามที่โค้งงอแต่ละอันเรียงรายอยู่ แลดูน่าสยดสยองยิ่ง
“ฮือ…” เสียงคำรามด้วยความโกรธ หลังจากที่ผีดิบตนนี้ถูกหลี่ชิเย่ทำลายสิ่งอำพรางตัวไปทั้งหมดแล้ว จึงร้องคำรามเสียงดังออกมา และกระเปาะเนื้องอกบานออกในฉับพลัน เหมือนปากของสัตว์ดุร้ายที่อ้าปากกว้างตรงเข้างับหลี่ชิเย่
อีกทั้งยังได้ยินเสียงดัง “ปุ ปุ ปุ” หนามแหลมที่เหมือนตะขอในกระเปาะเนื้องอกพลันถูกยิงออกมา โดยมีด้ายเนื้อที่ลากเป็นหางยาว หวังเกี่ยวและจับตัวหลี่ชิเย่เอาไว้!
“ฮึ…” หลี่ชิเย่เฉยและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อมองเห็นกระเปาะเนื้อจะเข้ามางับตน แค่ส่งเสียงฮึน่าเกรงขามและแววตาทั้งสองส่งประกายเยือกเย็นออกมา
เจ้าผีดิบตนนี้มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก ทั้งยังฝืนลิขิตสวรรค์ จังหวะที่ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ส่งประกายเยือกเย็น เขาถอนตัวกลับเข้าไปอยู่ในตำแหน่งเดิมทันที เหมือนว่าได้พบกับคู่ปรับอย่างนั้น ไม่กล้าล้ำเส้นแม้แต่นิดเดียว
มันคือสิ่งมีชีวิตที่ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง มีอวัยวะรับรู้ที่ว่องไวมาก ฉับพลันก็เข้าใจทันทีว่าได้เจอะเจอกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเข้าให้แล้ว
เจ้าผีดิบตัวนี้ได้หยิบชุดดำอีกชุดมาคลุมบนร่างกายเพื่อปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริงอีกครั้ง
“แหวะ…” ในเวลานี้มีผู้ที่เกิดอาการอาเจียนขึ้นมาแล้ว เมื่อพวกเขาได้มองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผีดิบเหล่านี้แล้ว ตกใจจนอดที่จะคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมา เนื่องจากเจ้าผีดิบตนนี้ช่างน่าขยะแขยงเหลือเกิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...