พวกของอู่ชีค้นหาไปทั่วบริเวณ แต่ก็ไม่พบของวิเศษใดๆ ที่ตรงนี้เป็นเพียงพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้
“เฮ่อ ถ้าหากสามารถครอบครองหอกยาวเล่มนั้นก็คงดี” อู่ชีที่จ้องมองดูหอกยาวเล่มนั้นที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบจอมราชัน ซึ่งสร้างขึ้นโดยอาศัยชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย ถึงกับน้ำลายหก
“เจ้าฝันไปหรือเปล่า” ซึหุนหลินหัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “พลังสังหารแบบนี้แตะต้องไม่ได้เลย มันเป็นพลังโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตของจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย มันไม่เพียงสืบทอดพลังของชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายเท่านั้น ไม่เพียงสืบทอดพลังสังหารเด็ดขาดสุดท้ายของจอมราชันผู้นี้ ขณะเดียวกันก็ได้สืบทอดปณิธานการสู้รบจนถึงที่สุดของจอมราชัน มันคือจิตยึดติดที่ทรงพลังและดื้อรั้นที่สุด จิตยึดติดลักษณะเช่นนี้อย่าว่าแต่พวกเราที่แตะต้องไม่ได้…”
“…แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าอยู่ในครอบครองถึงสิบสองสายก็ไม่ต้องการไปแตะต้องมัน ของที่มีลักษณะเช่นนี้กฎแห่งกรรมแรงมาก มิเช่นนั้นล่ะก็คงมีคนมาเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนไปนานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครแตะต้องที่สุดของการสังหารตลอดกาลเช่นนี้ ขณะที่จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครองก็ไม่ต้องการไปแตะต้องกับกระบวนท่าสังหารขั้นเด็ดขาดตลอดกาลเช่นนี้ ดังนั้น ไม่ทราบกี่ปีที่ผ่านไปยังคงไม่มีใครสามารถเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนได้” เขาถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้
จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย จะมากหรือน้อยก็ต้องได้รับความเคารพจากผู้คน และตัวเขาก็ต้องมีลูกหลานของตนเอง แต่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมากลับไม่มีใครมาเก็บศพให้กับเขา ซึ่งสิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะลูกหลานของเขาอกตัญญู แต่เป็นเพราะต่อให้ลูกหลานของเขาอยากเก็บศพให้กับราชันมารอู๋หลุนมากก็ตาม แต่ก็จนด้วยเกล้า
พวกของธิดาราชันฉีหลินต่างจ้องมองไปที่โครงกระดูกของราชันมารอู๋หลุน บุคคลซึ่งเคยส่งเสียงตวาดสิบสามทวีปด้วยความโกรธแค้นได้ เป็นจอมราชันที่เคยปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค สุดท้ายต้องเสียชีวิตในต่างถิ่นและไม่มีใครสามารถเก็บศพให้กับเขา ซึ่งเป็นความโศกเศร้าและจนด้วยเกล้าอย่างสุดซึ้ง
“ตูม ตูม ตูม” ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้น ทันใดนั้นอานุภาพจอมราชันอาละวาดฟ้าดิน อานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรแผ่กระจายออกมา
นาทีนี้เอง ปรากฏทางสายหนึ่งพาดผ่านท้องฟ้าเบื้องบนในฉับพลัน เส้นทางสายนี้เปล่งประกายทองคำบริสุทธิ์ละลานตา เสมือนหนึ่งเป็นสะพานลอยที่หลอมสร้างขึ้นมาจากสุดยอดโลหะศักดิ์สิทธิ์พาดผ่านท้องฟ้าไปอย่างนั้น
เสียง “ตูม…” ดังสนั่นขึ้นมา เห็นคนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามา ก้าวเดินบนทางสายนี้ทีละก้าวๆ
ผู้ที่เหินฟ้ามานั้นกลับเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้แลดูมีหนุ่มแน่นมาก อายุอ่อนกว่าอู่ชีเสียอีก ดูไปแล้วเหมือนสิบห้าสิบหกเท่านั้น แม้ว่าตัวเขาจะดูหนุ่มแน่นมาก แต่ว่าอานุภาพราชันยิ่งใหญ่ สวมชุดราชัน บนศีรษะสวมหมวกราชัน เหลียวซ้ายแลขวาปรากฏอานุภาพราชันฟุ้งกระจาย
ชายหนุ่มผู้นี้พกกระบี่ยาวสามเล่มอยู่ด้านหลัง กระบี่ทั้งสามเล่มล้วนแล้วแต่เปล่งรัศมีราชันรุนแรง กระบี่แต่ละเล่มล้วนแล้วแต่ปรากฏสัจธรรมนับไม่ถ้วนที่ลากยาวออกมา เสมือนหนึ่งกระบี่ทั้งสามเล่มได้แบกรับโลกทั้งโลกเอาไว้อย่างนั้น ยามที่มองเห็นกระบี่ยาวทั้งสามเล่มแล้วรู้สึกได้ว่า หากกระบี่ออกจากฝัก สามารถสะบั้นโลกทั้งโลก หนึ่งกระบี่สะเทือนไปทุกแดน หนึ่งกระบี่ตัดขาดหมื่นยุค!
ขณะที่ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามานั้น ผู้คนรู้สึกได้ว่าแต่ละก้าวของเขาสามารถเหยียบโลกๆ หนึ่งจนแหลกละเอียด ทำให้ผู้คนหายใจไม่สะดวก ผู้ที่มีทักษะยุทธอ่อนเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้วจะถูกสยบในทันที กระทั่งขาสองข้างอ่อนแรง
นี่คือจอมราชัน จอมราชันของแท้แน่จริงองค์หนึ่ง อีกทั้งสิ่งที่หวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนมากกว่านั้นก็คือ จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือตัวจริงไม่ใช่ตัวจำแลงมา!
ภาพการมาด้วยตนเองของจอมราชันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนได้มากเหลือเกิน ทำให้ผู้คนที่ได้มองเห็นภาพของจอมราชันที่เป็นตัวจริงมาด้วยตนเองถึงกับตะลึงงันทันที
ที่ทำให้ผู้คนต้องสะเทือนหวั่นไหวก็คือ จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ได้เก็บงำอานุภาพราชันของตนแม้แต่น้อย ปล่อยให้อานุภาพราชันของตนอาละวาดไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินไปตามอำเภอใจ ปล่อยให้พลังล้นออกมาอย่างรุนแรง ทำตัวเด่นดังเปิดเผยยิ่ง ให้ความรู้สึกผู้คนที่ยโสโอหังปล่อยไปตามอารมณ์ไม่เห็นผู้อื่นในสายตา
แม้จะกล่าวว่า จอมราชันเซียนหวังล้วนแล้วแต่ปราศจากผู้ต่อกรทั้งสิ้น พวกเขาต่างยืนอยู่บนโลกอย่างทระนง แต่ทว่า จอมราชันส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีนิสัยที่ยโสโอหังปล่อยไปตามอารมณ์ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาแบบนั้น พวกเขาจะมั่นคงดั่งขุนเขา
แต่ทว่า จอมราชันที่เห็นอยู่ตรงหน้ากลับยโสโอหังไม่เห็นผู้อื่นในสายตา และทำตัวสูงเด่น ท่าทางที่ฮึกเหิมลำพองใจ ทำอะไรตามอำเภอใจ ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด!
“โอ้แม่เจ้า นี่มันดาวรุ่งมาจากไหนกัน ถึงกับได้เป็นจอมราชันตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ นี่มันฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง ทำไมข้าจึงไม่รู้ว่ามีคนได้เป็นราชันแล้ว” อู่ชีถึงกับร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อได้เห็นจอมราชันที่มีอายุน้อยเพียงนี้
“ราชันสวรรค์ขวางเส้า เขาไม่ใช่จอมราชันของยุคสมัยนี้” ซึหุนหลินที่มองดูจอมราชันองค์นี้ที่ไปไกลแล้ว ถึงกับพูดทอดถอนใจออกมา “ผ่านไปกี่ปีแล้วเนี่ย เขายังคงมีนิสัยเช่นนี้ ยังคงโอหังเพียงนี้”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือใคร? ไม่เคยได้ยิน” อู่ชีถามด้วยความแปลกใจ
“ป๊าบ” หนึ่งฝ่ามือของอู่ฟ่งหยิ่งซัดเข้าให้ที่ท้ายทอยจ้องตาขมึง และหลี่ชิเย่ “ใครใช้ให้เจ้าหนีออกไปเที่ยวเล่นคนเดียวขณะที่ท่านพ่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติจอมราชันของชิงโจว”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือจอมราชันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชิงโจวนับแต่อดีตถึงปัจจุบันกระมัง เขาเพียงพอที่จะได้รับการจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาลแล้วหละ” ซึหุนหลินมองดูเงาหลังที่จากไปไกลของจอมราชันผู้นี้ พูดขึ้นด้วยท่าทีจะยิ้มก็ไม่เชิงว่า “ได้สืบทอดชะตาฟ้าตั้งแต่อายุสามสิบ นับว่ามีความปราดเปรื่องน่าทึ่งเพียงพอแล้วจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...