“ท่านลุงหลิน บรรพบุรุษที่บ้านต่างชื่นชมท่านว่าเป็นจอมเทพที่แข็งแกร่งมาก กระทั่งสามารถแซงล้ำหน้าสี่ดวงตราสัญลักษณ์ได้ ท่านก็เล่าให้ฟังหน่อยนะ” เมื่อธิดาราชันฉีหลินเห็นซึหุนหลินทำตัวค่อมต่ำขนาดนี้จึงกล่าวออดอ้อนขึ้นมา
“ตาเฒ่าบ้านเจ้าชมข้าเกินไปแล้วหละ” ซึหุนหลินยิ้มกล่าวว่า “ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าข้าบนโลกนี้มีมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะระดับจอมราชันเซียนหวัง พวกเขามีชะตาฟ้าอยู่กับตัว ซึ่งสิ่งนี้หาใช่ดวงตราสัญลักษณ์ของจอมเทพอย่างพวกเราสามารถเทียบกันได้ ต่อให้เป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกัน ก็เทียบไม่ได้กับการปกป้องคุ้มครองจากชะตาฟ้าของจอมราชันเซียนหวังได้”
“อิ อิ พวกเราจะไม่พูดถึงจอมราชันเซียนหวังคนอื่นๆ พูดถึงแต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าดีไหม?” อู่ชีไม่ยอมแพ้ยิ้มแต้กล่าวขึ้นมา
ไม่เพียงแต่อู่ชีเท่านั้นที่อยากรู้อยากเห็น พวกของธิดาราชันฉีหลินก็อยากรู้เช่นกัน เป็นที่ถกเถียงกันมากมายว่าระหว่างจอมราชันกับจอมเทพใครเหนือกว่ากัน แต่ว่า พวกเขาอยากจะฟังจากปากของจอมเทพเองมากกว่า คำตอบเช่นนี้มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
“ถ้าหากพูดถึงชะตาฟ้าเพียงแค่หนึ่งสาย ตาเฒ่าน้อยอย่างข้ายังพอมีความมั่นใจอยู่หลายส่วน จะอย่างไรเสียจอมราชันเซียนหวัง ก็ต้องมีชะตาฟ้าสามสายขึ้นไปจึงสามารถไขความลึกซึ้งพิสดารของลัคนาจตุลักษณ์ได้ และมีพลังการเข้าถึงตัวตนอันแท้จริงในครอบครอง” ซึหุนหลินทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “ข้ามีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ประสานเข้าด้วยกัน ยังคงมีความมั่นใจในการสู้กับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าเพียงหนี่งสาย แน่นอนนี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นข้อยกเว้น เป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง ยากที่จะประเมินได้…”
“…เนื่องจากพรสวรรค์ของเขาสูงมากเกินไป สุดยอดเคล็ดวิชาในหล้าจำนวนมากเขาแค่ครุ่นคิดพิจารณาครู่หนึ่งก็สามารถทำลายได้ สามารถโจมตีใส่จุดอ่อนของเคล็ดวิชานั้นๆ และโจมตีครั้งเดียวถึงตายได้ ได้ยินมาว่าจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หนึ่งถึงสองดวงต้องตายด้วยน้ำมือของเขาเป็นจำนวนมาก แม้แต่จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงก็มี”
ครั้นซึหุนหลินกล่าวมาถึงตรงนี้แล้วทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง ยังคงเผื่อไว้นิดหนึ่ง และกล่าวว่า “หากจะต้องต่อสู้กันจริงๆ ข้ายังคงมีความมั่นใจอยู่หลายส่วน ต่อให้เอาชนะราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดเชื่อว่าเขาก็คงทำอะไรข้าไม่ได้”
ภายในใจของพวกธิดาราชันฉีหลินนับว่ามีความมั่นใจแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดจากซึหุนหลินแล้ว คำพูดของซึหุนหลินที่ว่านับว่าถ่อมตนแล้ว
“ถ้าหากต้องท้าสู้กับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสามสาย ต้องมีดวงตราสัญลักษณ์กี่ดวงหละ?” อู่ฟ่งหยิ่งเองก็อยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก
“เรื่องแบบนี้ไม่มีมาตรฐานกำหนด” ซึหุนหลินกล่าวว่า “ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสามสายเหมือนกันก็มีการแบ่งเป็นแข็งแกร่งอ่อนด้อย อาวุธต่างกัน สายเลือดต่างกัน สัจธรรมที่ต่างกัน ผลก็คือแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เป็นต้นว่า ในมือของเจ้ามีอาวุธราชันปราบสวรรค์ หรือจอมราชันเซียนหวังมีตำราและอาวุธสวรรค์ ผลที่ได้ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“หากนับกรณีล่าสุดของจอมเทพท่าซิง ด้วยสายเลือดเก้ากระถางของเขามันก็แตกต่างกันแล้ว ทั้งหมดสามารถปกป้องให้กับตัวเขา แม้ว่าข้าไม่เคยปะมือกับจอมเทพท่าซิง แต่อาศัยมุมมองส่วนตัวของข้าแล้ว จอมเทพท่าซิงที่มีดวงตราสัญลักษณ์ประสานเข้าด้วยกัน และมีสายเลือดเก้ากระถาง ย่อมสามารถต่อกรกับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงที่ประสานเข้าด้วยกันได้อย่างแน่นอน!”
“ว่ากันด้วยกรณีของราชันสวรรค์ขวางเส้าก็แล้วกัน แม้ว่าเขาจะมีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสาย แต่ว่าเขามีพรสวรรค์ พรสวรรค์ของเขาถึงขั้นที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้แล้ว บวกกับกระบี่สามเล่มที่อยู่ในมือของเขาคืออาวุธราชันชนิดมีพลังมาแต่กำเนิด เกรงว่าพลังที่แท้จริงของเขามีโอกาสในระดับหนึ่งที่จะต่อกรกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสายได้กระมัง…”
“…โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่สามารถกลายเป็นจอมราชันเซียนหวังล้วนแล้วแต่เริ่มต้นที่ชะตาฟ้าสามสาย ถ้าหากมีชะตาฟ้าเพียงสองสาย เป็นการบ่งบอกว่าชาติกำเนิดของเขาแย่มาก อย่างน้อยที่สุดคงพลาดโอกาสสืบทอดชะตาฟ้ามาแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่ครอบครองในมือไม่เท่าจอมราชันเซียนหวังอื่นๆ ดังนั้น ตัวของราชันสวรรค์ขวางเส้าที่มีความได้เปรียบที่มีมาแต่กำเนิดอย่างเหลือเฝือทุกด้าน ย่อมไม่ได้ด้อยกว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าเพียงสองสายและไม่ได้มีความได้เปรียบทางด้านทรัพยากรที่มีมาแต่กำเนิดในระดับหนึ่ง”
ซึหุนหลินมีความอดทนสูงยิ่งในการวิเคราะห์แยกแยะอย่างละเอียดให้กับผู้เยาว์ทั้งสามคน
“ราชันเซิ่นตี้หละ ราชันเซิ่นตี้มีชะตาฟ้าสามสายในครอบครอง กำลังความสามรถของเขาเป็นเช่นใด?” ธิดาราชันฉีหลินนึกถึงราชันเซิ่นตี้ผู้เป็นตัวแทนที่เปี่ยมด้วยสีสันอีกคน จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ไม่รู้” ซึหุนหลินส่าวหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าไม่เคยพบเห็นราชันเซิ่นตี้มาก่อน ราชันเซิ่นตี้นับเป็นตำนาน ไม่เพียงตัวเขาที่สามารถกลายเป็นตัวอย่างผู้ให้กำลังใจกับชนรุ่นหลัง หังเขาเล่ามาว่า สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของราชันเซิ่นตี้ก็คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งของเขา การที่ผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นราชันเซิ่นตี้สามารถได้รับการเคารพเลื่อมใสของผู้คนย่อมต้องมีเหตุผลของเขา ไม่ค่อยเคยได้ยินว่าราชันเซิ่นตี้ลงมือกับใคร เรียกได้ว่าคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นราชันเซิ่นตี้ลงมือกระมัง กำลังความสามารถของเขาเป็นอย่างไรนั้น ยากที่จะตัดสินชี้ขาด…”
“แต่ว่า มุมมองส่วนตัวของข้ามองว่า แม้ราชันเซิ่นตี้จะมีสติปัญญาหยาบและไร้คุณภาพ แต่เขามีความได้เปรียบที่สร้างขึ้นภายหลังซึ่งจอมราชันเซียนหวังองค์อื่นๆ ไม่มี เนื่องจากเขาได้ทำการเจียระไนมาจำนวนนับไม่ถ้วน เขามีสิ่งที่ได้ตกผลึกและขัดเกลามาอย่างที่จอมราชันเซียนหวังอื่นไม่มี ตามความเห็นส่วนตัวของข้า ราชันเซิ่นตี้น่าจะแข็งแกร่งกว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสามสายคนอื่นๆ ส่วนจะแข็งแกร่งไปถึงระดับไหนนั้น ไม่สามารถตัดสินได้ เกรงว่าคงไม่มีใครที่ทราบคำตอบ ต่อให้มีจอมราชันเซียนหวังที่คิดจะตัดสินชี้ขาด เกรงว่าคงมีจอมราชันเซียนหวังไม่กี่คนเท่านั้นที่ยินดีไปท้าสู้กับราชันเซิ่นตี้ จะอย่างไรเสียเขาก็คือตำนาน”
ครั้นพวกของธิดาราชันฉีหลินได้ฟังคำจากซึหุนหลินแล้ว ต่างทยอยกันพยักหน้าและรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล
หลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากพวกของธิดาราชันฉีหลินแล้ว ก้าวข้ามค่อนพื้นที่ไกลกันดารถึงที่ๆ เปลี่ยวและลับตาผู้คนมากแห่งหนึ่ง เป็นที่ที่น้อยคนนักที่จะมาถึงได้
มันคือเนินดินเล็กๆ แห่งหนึ่ง เนินดินแห่งนี้ต่ำมากๆ เรียกได้ว่าหากเทียบกับภูเขาที่สูงเสียดฟ้าจำนวนมากแล้วมันไม่สะดุดตาเอาเสียเลย ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง
หากสังเกตให้ดีล่ะก็ ต้องใความสนใจในเนินดินแห่งนี้แน่นอน เหตุผลนั้นง่ายมาก บนผืนแผ่นดินของไกลกันดาร ดินที่ปรากฏให้เห็นล้วนแล้วแต่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีม่วงดำ ซึ่งเกิดจากน้ำเลือดที่ไหลซึมจนชุ่ม
ขณะที่เนินดินที่เห็นอยู่ตรงหน้า เป็นเพียงดินสีดำทั่วๆ ไปเท่านั้น แม้ว่าสีของดินทั้งสองจะมีส่วนใกล้เคียงกันมาก แต่หากมองดูให้ละเอียดจะพบความแตกต่างของดินทั้งสองอย่างแน่นอน
การที่ดินของเนินดินแห่งนี้เป็นสีของดินดำธรรมดาทั่วไป ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าที่ตรงนี้ไม่เคยถูกน้ำเลือดท่วมมาก่อน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...