“จอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังนะเนี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน?” มองดูรถศึกที่แล่นผ่านความมืด และตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปของไกลกันดาร
เริ่มจากพรรคซั่วเทียน ตามติดด้วยตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น จอมราชันเซียนหวังแปดองค์ได้ให้เกียรติมาถึง ทุกคนที่ได้เห็นภาพเช่นนี้แล้วก็ต้องเซ่อไปเลย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“ตูม…ตูม…ตูม…” รถศึกแล่นผ่านท่ามกลางความมืดเข้าไปถึงส่วนลึกของไกลกันดาร จอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแค่ช้ากว่าเซียนหวังทั้งสี่ของพรรคซั่วเทียนก้าวเดียวเท่านั้นเอง
ขณะที่เซียนหวังทั้งสี่ของพรรคซั่วเทียนกับสี่จอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมาถึงนั้น ร่างเงาแต่ละคนที่อยู่ในความมืดไม่มีใครลงมือสักคน เพียงจ้องมองด้วยความเย้ยหยันเท่านั้น
“ตระกูลฉีของข้าและลูกหลานขอช่วยเหลือปรมาจารย์อีกแรง” ขณะที่จอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเพิ่งจะมาถึง ปรากฏเสียงที่ดังก้องกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
ปรากฏร่างของคนสองคนเหินฟ้าเข้ามา “แว้งค์” ประตูช่องว่างแต่ละช่องได้เปิดออก เซียนหวังสององค์ที่มีอานุภาพสยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินพลันก้าวข้ามช่องว่างแต่ละช่อง พวกเขาทิ้งหลักกฎเกณฑ์ขมุกขมัวที่ไม่สิ้นสุดห้อยลงมา ขณะที่พวกเขาก้าวข้ามประตูของช่องว่างแต่ละช่องนั้น เสมือนหนึ่งได้ก้าวข้ามโลกธาตุแต่ละแห่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสับสนวุ่นวายของกาลเวลา
“ท่านบรรพบุรุษ…” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับรู้สึกสะเทือนหวั่นไหว เมื่อมองเห็นร่างเงาเซียนหวังที่สูงใหญ่ทั้งสองทะลุผ่านประตู ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดาร
“เซียนหวังฉีหลิน เป็นเซียนหวังทั้งสองของตระกูลราชันฉีหลิน” มีระดับจอมเทพที่จดจำประวัติความเป็นมาของพวกเขาได้ถึงกับร้องเสียงดังออกมา เมื่อมองเห็นเซียนหวังสองคนที่ทะลุผ่านประตูเข้ามา
“จอมราชันเซียนหวังสิบองค์ คือท่วงทำนองที่ต้องการทำลายสวรรค์อย่างนั้นรึ?” ในเวลานี้ อานุภาพจอมราชันเซียนหวังได้สยบไปหมื่นแดนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามต้องตัวสั่นงันงก เหล่าสรรพชีวิตหมอบกราบอยู่กับพื้นดิน
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ปรากฏจอมราชันเซียนหวังสิบองค์มาถึง อีกทั้งจอมราชันเซียนหวังทั้งสิบนี้หาใช่จอมราชันเซียนหวังเช่นกองกำลังนกหวีดน้อยที่เป็นประเภทจอมราชันเซียนหวังระดับล่างจะสามารถเทียบเคียงได้
“กรรร…” นาทีนี้เอง เสียงคำรามเสียงยาวของมังกรดังก้องฟ้า “ปัง” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มองเห็นกรงเล็บมังกรข้างหนึ่งที่คว้าตะวันจันทราขยำดวงดาวตะปบจนอากาศแหลกละเอียดมังกรเขียวขนาดใหญ่โตมโหฬารตัวหนึ่งที่ลำตัวทอดยาวคดเคี้ยวไปมาทั่วฟ้าดิน กระโจนหมื่นลี้พร้อมกับเสียงร้องคำรามเสียงยาว พุ่งเข้าไปในไกลกันดารโดยพลัน ฉีกความมืดจนขาดกระจุย
“ท่านปรมาจารย์เรียกหา ฉวี่กงมาตามคำบัญชา” บนหลังของมังกรเขียวมีบุรุษยืนอยู่สองคน ทั้งสองปรากฏกลิ่นอายเซียนหวังรุนแรง เสมือนดั่งคลื่นยักษ์เทราดลงมาสู่เบื้องล่าง ขณะที่กลิ่นอายมังกรแท้จริงก็พวยพุ่งออกมาพุ่งขึ้นสู่อาวกาศ
“เซียนหวังเฟยหลง! สองเซียนหวังแห่งเขามังกรเทพมาถึงแล้ว” ระดับจอมเทพที่จดจำประวัติความเป็นมาของเซียนหวังทั้งสององค์ได้ ถึงกับร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมา
ระดับบรรพบุรุษของเขามังกรเทพรู้สึกหวั่นไหวยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพนี้เข้าถึงกับคารวะสามครั้งกราบเก้าครั้ง และร้องกล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษ!”
“นี่ นี่ นี่มันเป็นอะไรกันไปแล้ว?” ทุกคนล้วนแล้วแต่งงงันไปหมดเมื่อได้เห็นจอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ของชิงโจวปรากฎตัวและมาด้วยตนเอง ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เยี่ยม ข้ามาสายเสียแล้ว” ในเวลานี้เสียงใสกังวานลอยมาตามลมดังก้องฟ้าดินได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ท่านปรมาจารย์เรียกหา หลงเฉินยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่!”
นาทีนี้ ปรากฏกลิ่นอายม่วงที่ยิ่งใหญ่ไพศาลกวาดล้างความมืด ท่ามกลางกลิ่นอายม่วงปรากฏจอมราชันเซียนหวังสามองค์ก้าวเดินออกมา พวกเขาหมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปกครองจักรวาล ควบคุมสรรพวิชา ขณะที่จอมราชันเซียนหวังทั้งสามมาถึง มังกรแท้จริงคำรามเสียงยาวออกมา
“โอ้ แม่จ๋า นี่มิใช่บรรดาบรรพบุรุษจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในตำนานรึ?” อู่ชียังคงจดจำได้บ้าง ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เมื่อมองเห็นการมาถึงของจอมราชันเซียนหวังทั้งสามองค์
อู่ฟ่งหยิ่งเองก็อ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น นี่ก็คือจอมราชันเซียนหวังทั้งสามของหลงเฉินพวกเขาเอง บรรพบุรุษของหลงเฉินเองยังไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของบรรพบุรุษได้ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า มาวันนี้กลับได้เห็นการมาด้วยตนเองของจอมราชันเซียนหวังทั้งสามองค์
“จื่อเต้าเซียนหวัง เซียนหวังองค์ที่สามของหลงเฉิน ไม่สิ ยกเว้นราชันเซียนฉานหลง ปฐมบรรพบุรุษของหลงเฉินที่ไม่ได้มาแล้ว นอกนั้นจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ล้วนแล้วแต่มากันแล้ว” มีผู้พึมพำออกมาเมื่อมองเห็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสามองค์นี้
“บ้าไปแล้รึ?” ทุกคนต่างรู้สึกงงงันเมื่อได้มองเห็นภาพเช่นนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่มีอันดับในชิงโจวล้วนพากันมาจนหมดแล้ว นี้คือท่วงทำนองที่บ้าไปแล้ว เรื่องลักษณะเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต และไม่มีใครที่เคยประสบมาก่อน
“ข้าน้อยก็ยินดีช่วยเหลือท่านปรมาจารย์ด้วยอีกแรงหนึ่ง” ในเวลานี้ น้ำเสียงที่งดงามและเรียบร้อยยิ่งดังขึ้น ตะวันรอนปรากฏ มองเห็นจอมราชันสององค์ โดยเป็นหนึ่งหญิงหนึ่งชาย ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับตะวันรอน ก้าวเดินเข้าไปยังส่วนลึกของไกลกันดาร
จอมราชันที่เป็นหนึ่งหญิงและหนี่งชายทั้งสองนี้ ฝ่ายชายพลังยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ขณะที่ยืนตัวตรงนั้นดูเหมือนเป็นภูเขามารลูกหนึ่งที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ขณะที่ฝ่ายหญิงนั้น ทุกคนต่างยอมสยบให้กับนาง ทุกท่วงท่าของนางล้วนสยบจิตใจของผู้คน ทำให้จิตใจเคลิบเคลิ้มหลงไหลที่ได้เห็น และทำให้ผู้คนไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดชีวิต
“เทพธิดาตะวันรอน” จอมเทพรุ่นดึกดำบรรพ์ผู้หนึ่งเมื่อมองเห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว พลันพึมพำออกมาประหนึ่งเมามายและปัญญาอ่อนว่า “กาลเวลาเคลื่อนคล้อย รูปโฉมมิแปรเปลี่ยน ยังคงรูปโฉมที่ยอดเยี่ยมแห่งยุคเฉกเช่นครั้งก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...