ฆ่า…นักปราชญ์ก้าวข้ามเวลา ไล่ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิด ปีกคู่ของเขาฟันฉับลงไป เป็นกระบวนท่าสังหารเด็ดขาด เยือกเย็นไร้ความปราณี ไม่เปิดโอกาสใดๆ ให้กับสิบจอมโหด ภายใต้หนึ่งกระบวนท่าที่ฟาดฟันลงไป ทำลายสิ้นปราศจากผู้ต่อกร ตัดขาดทุกๆ พลังต้นกำเนิด
ฆ่าคนไร้ความปราณีหาใช่เป็นคำพูดที่เลื่อนลอย เขาในฐานะนักปราชญ์ผู้หนึ่ง เขามีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด รักในชีวิต เห็นอกเห็นใจในสรรพสิ่งมีชีวิต แต่ทว่านักปราชญ์ยังคงไร้ความปราณี ขอเพียงนักปราชญ์ลงมือ เป็นต้องสังหารสิ้นอย่างแน่นอน ไม่เหลือไว้ซึ่งทางหนีทีไล่
การที่นักปราชญ์เห็นอกเห็นใจในสรรพสิ่งมีชีวิตไม่ได้หมายความว่าใจอ่อนเหมือนอิสตรี! เขาคือผู้บงการสถานการณ์ ควบคุมความสว่าง ดังนั้น นักปราชญ์จึงไม่มีความรักลึกซึ้งระหว่างหนุ่มสาว!
อ๊ากกก เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ปีกศักดิ์สิทธิ์ที่ฟาดฟันลงมา เยือกเย็นไร้ความปราณี หนึ่งการฟาดฟันมลาย ศีรษะของสิบจอมโหดลอยขึ้นสูง ถูกสังหารแม้กระทั่งต้นกำเนิด แม้ว่าพวกมันจะมาจากความมืด แม้ว่าบนโลกนี้ความมืดยังจะคงอยู่ตลอดไป แต่ว่า พวกมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป เสียชีวิตไปกับหนึ่งการฟาดฟัน ตรงไปสู่อเวจีและไม่สามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ตลอดกาล!
“นักปราชญ์ไร้ความปราณี นับว่าเป็นที่รำลึกถึงนะเนี่ย” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มนิดหนึ่ง เก็บงำความมืด ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง พลันให้เวลาย้อนกลับ และพบกับนักปราชญ์ ณ สายน้ำแห่งกาลเวลา มือที่คล้ายกระบี่ และคล้ายขวาน สำแดงกระบวนท่าหนึ่งออกไปตามอารมณ์
“สัจธรรมข้าคือนิรันดร์” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยลำนำ ฝ่ามือที่ฟันลง ไม่มีกระบวนท่าที่พลิกแพลงหลากหลาย ไม่มีพลังที่น่าเกรงขาม ยิ่งไม่มีความมืดที่จินตนาการเอาไว้ เพียงแค่หนึ่งการฟาดฟันและเป็นนิรันดร์
“ภายใต้การฟาดฟันลงมาในครั้งนี้ มันไม่ได้ฟันจนเลือดเนื้อขาดวิ่น แต่มันจะบดขยี้คนผู้นั้นให้มลายท่ามกลางวลาโดยตรง ทำการบดขยี้ทำลายกาลเวลาของผู้นั้นโดยตรง เป็นต้นว่าบุคคลผู้นั้นสามารถมีชีวิตอยู่ได้หนึ่งร้อยปี ภายใต้การตัดเช่นนี้ เวลาหนึ่งร้อยปีที่เป็นอายุขัยของคนผู้นั้นพลันถูกทำลายจนแหลกลาญ เช่นนั้นแล้วก็เท่ากับว่าบุคคลผู้นั้นไม่เคยดำรงอยู่บนโลกนี้มาก่อน ไม่มีโอกาสกระทั่งถือกำเนิดเกิดบนโลกนี้ด้วยซ้ำ
เสียงปัง…ดังขึ้น การโจมตีของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ถูกขนศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ ต่อให้เป็นขนศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ที่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ดั่งคลื่นยักษ์ แต่ว่า เมื่อถูกฟันเข้าให้พลันสลดและอับแสงขึ้นในทันที เพลิงศักดิ์สิทธิ์ดับวูบลงทันที นักปราชญ์ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลันร่วงหล่นจากสายน้ำแห่งกาลเวลาลงมา กลับมาอยู่ที่เดิม
ในเวลานี้ พลังศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ถูกลิดรอนไปมากทีเดียว ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างของเขาก็กลับกลายเป็นอ่อนแอมาก กระทั่งสีหน้าของนักปราชญ์ก็ยังซีดเผือด
เมื่อจอมราชันเซียนหวังมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว พลันทำให้รู้สึกเย็นวาบภายในใจ การโจมตีในลักษณะนี้หาใช่เป็นการฟาดฟันสังหารลงบนกายเนื้อ แต่เป็นการต่อสู้ชี้ขาดท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา
ภายใต้การต่อสู้ชี้ขาดลักษณะเช่นนี้ถ้า หากถูกบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยโจมตีเข้าให้ล่ะก็ เท่ากับว่าเวลาถูกทำลายโดยตรง เหมือนดั่งจอมราชันเซียนหวังองค์หนึ่งที่ถูกฟันเข้าให้ หากไม่สามารถต้านรับกับพลังที่เป็นนิรันดร์เช่นนี้ได้ ก็จะต้องสลายไปโดยตรง ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่เคยได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นบนโลกนี้มาก่อนเลย ถูกสังหารโดยตรงตั้งแต่แหล่งต้นกำเนิดเลย
การสังหารด้วยวิธีแบบนี้สยองขวัญยิ่งกว่าการเข่นฆ่าทำลายล้างเสียอีก ถ้าหากเป็นการเข่นฆ่าทำลายต่อกายเนื้อยังมีโอกาสตอบโต้ แต่ว่า การสังหารลักษณะเช่นนี้หากรับไม่อยู่ นั่นหมายถึงถูกทำลายล้างอย่างแท้จริงแล้ว
“ข้าบอกแล้ว สหาย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ในขณะนี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็ได้กลับมาถึงสมรภูมิรบแล้วเช่นกัน ส่ายหน้าและกล่าวว่า “หากเป็นคราวนั้น เจ้ายังสามารถสู้กับข้า แต่ว่า ต่อให้ข้ามีกำลังเพียงแค่เจ็ดถึงแปดส่วนในเวลานี้ ก็สามารถทำลายเจ้าได้เช่นกัน”
“นี่เป็นเพียงการเปิดเกมเท่านั้นเอง” นักปราชญ์ไม่รู้สึกอยู่เหนือความคาดคิดกับการพ่ายแพ้ในลักษณะเช่นนี้ ท่าทีเรียบเฉย และกล่าวว่า “เจ้าเองก็มีพลังแค่แปดส่วนของครั้งนั้นเท่านั้นเอง เวลานี้การอุ่นเครื่องได้สิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่จะชี้ผลแพ้ชนะได้แล้ว” กล่าวพลางล้วงหยิบเอาขวดสมบัติสวรรค์ออกมา กระดกดื่มน้ำทิพย์สมบัติสวรรค์รวดเดียวหมดขวดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
เสียงตูม…ดังสนั่น นาทีนี้เพลิงศักดิ์สิทธิ์นักปราชญ์เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง นาทีนี้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ดันโลกนี้ให้แยกออก อย่าว่าแต่แค่ชิงโจวเลย ต่อให้เป็นสิบสามทวีปก็ถูกทำให้ตกใจตื่นกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งของนักปราชญ์
ผู้ที่อ่อนด้อยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำได้แค่ก้มกราบกับพื้นสยบทั้งกายและใจ ด้วยความศรัทธาเต็มหัวใน
แต่ทว่า บรรดาจอมราชันเซียนหวังของทวีปอื่นๆ พลันถูกทำให้ตกใจ สายตาแต่ละคู่ของจอมราชันเซียนหวังล้วนแล้วแต่จ้องมองมาที่ชิงโจว ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการรู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
มีจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด สายตาของพวกเขาสามารถทะลุผ่านด่านที่ปิดกั้นช่องว่า ขณะที่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากไม่สามารถมองทะลุข้ามด่านที่ปิดกั้นช่องว่างไปได้ ได้แต่อาศัยการรับรู้ด้วยวิธีสัมผัสเพื่อรับรู้ถึงการกระเพื่อมของคลื่นพลังเช่นนี้
นาทีนี้ นักปราชญ์เสมือนหนึ่งเป็นผู้บงการยุคสมัยอย่างนั้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เพียงส่องสว่างฟ้าดินเท่านั้น กระทั่งส่องสว่างสายน้ำแห่งกาลเวลาของยุคสมัยทั้งยุค
นาทีนี้ นักปราชญ์ก้าวเท้าก้าวเดียวเข้าไปท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา ประกายศักดิ์สิทธิ์และเวลาไหลรินอยู่ท่ามกลางกาลเวลา นาทีนี้ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ได้ทำการแกะสลักยุคสมัยนี้อยู่ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แรกเกิดมาก็ได้รับคำอำนวยพรจากพลังศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากประกายศักดิ์สิทธิ์ บังเกิดความสว่างขึ้นกลางใจ
เสียงตึง ตึง ตึงที่ไพเราะดังตูมตามขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดหู มองเห็นเกล็ดศักดิ์สิทธิ์แต่ละชิ้นที่ปิดทับลงบนตัวของนักปราชญ์ เพียงชั่วพริบตาเดียว บนตัวของนักปราชญ์ได้สวมใส่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งร่าง
ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ชุดนี้เสมือนหนึ่งได้สืบทอดความความเลื่อมใสศรัทธาของแต่ละยุคสมัยมา สรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างมองดูแสงสว่างอย่างหิวกระหาย พวกเขาอธิฐานให้กับนักปราชญ์ ประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงมอบพลังที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดให้กับนักปราชญ์ ขณะเดียวกันก็ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับนักปราชญ์ ช่วยขับไล่ความมืดให้กับนักปราชญ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...