นักปราชญ์ไม่ได้หวั่นไหวในคำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย และกล่าวว่า “ความเป็นความตายเกิดขึ้นโดยพลัน ใครจะสามารถเป็นผู้กำชัยชนะได้ มีเพียงสู้กันถึงที่สุดจึงจะเฉลยออกมา”
“สหายเก่า ข้าเคยมีครั้งไหนที่สู้รบโดยไม่มีความมั่นใจบ้างหละ?” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและกล่าวว่า “อย่าว่าแต่เวลานี้เจ้าไม่เหมือนเก่าก่อนแล้ว ต่อให้เจ้ากลับไปได้เหมือนก่อนหน้าก็ไม่เห็นว่าสามารถเอาชนะข้าได้ นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมามีใครบ้างที่สังหารข้าได้เล่า ต่อให้สหายเก่าสามารถเอาชนะข้าได้ คิดว่าสามารถฆ่าข้าให้ตายได้หรือไม่?”
“เอาเป็นว่าสภาพของสหายเก่าในตอนนี้ ต่อให้สามารถทนรับกับศึกในครั้งนี้ได้ กระทั่งสามารถเอาชนะข้าได้ ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยซึ่งเป็นศัตรูอยู่แล้วกลับพยายามเกลี้ยกล่อมนักปราชญ์ และกล่าวว่า “ด้วยสภาพในวันนี้ของเจ้า แม้ว่าเอาชนะข้าได้แล้ว เกรงว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ต่อให้ข้าต้องพ่ายแพ้ยังคงดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ ขณะที่สหายเก่ากลับต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป ข้ากลับไม่ต้องการสหายเก่าต้องมากลายเป็นเถ้าธุลีไปเช่นนี้ หากข้าจะต้องสูญเสียคู่ต่อสู้อย่างเพื่อนเก่าไป ออกจะรู้สึกเดียวดายเกินไปแล้ว”
บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่เพียงพยายามเกลี่ยกล่อมนักปราชญ์เท่านั้น ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงถึงความน่าเกรงขาม ความมั่นใจในตนเองและความปราศจากผู้ต่อกรของตน เขามีความมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดบนโลกนี้สามารถสังหารเขาให้ตายได้ ต่อให้เป็นนักปราชญ์ก็ทำไม่ได้
“อาศัยความตายของข้ามาทำให้ความมืดสิ้นสุด ถือว่าตายตาหลับแล้ว” นักปราชญ์มีจิตใจที่สงบ ท่ามกลางสงบแฝงด้วยความเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้ที่ความมืดจะสิ้นสุดลง” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและกล่าวว่า “วันนี้ต่อให้ข้าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยต้องล้มลง โลกนี้ยังคงมีบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยคนที่สอง ต่อให้เจ้ากวาดล้างไกลกันดารจนราบคาบ ไหนเลยสามารถกวาดล้างสิ้นความมืดบนโลกใบนี้ได้”
นักปราชญ์พยักหน้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เป็นความจริงที่ข้าไม่สามารถกวาดล้างสิ้นความมืดในยุคอดีตถึงปัจจุบันได้ แต่ ให้ข้าได้พยายามกวาดล้างความมืดในไกลกันดารให้ราบคาบก็แล้วกัน ข้าถือกำเนิดในยุคสมัยนี้ ตั้งปณิธานในยุคสมัยนี้ ให้ข้าได้ทำให้มันจับสิ้นลงก็แล้วกัน”
“เอาเถอะ” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพยักหน้า และกล่าวว่า “ในเมื่อสหายเก่ายืนยันจะต่อสู้กัน งั้นข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนด้วยก็แล้วกัน นับแต่อดีตถึงปัจจุบันเรียกได้ว่ามีสงครามน้อยครั้งนักที่เป็นที่เฝ้ารอของผู้คนแล้ว วันนี้ก็ให้ข้าได้เฝ้าคอยสักครั้ง หวังว่าสหายเก่าและสหายของเจ้าอย่าทำให้ข้าต้องผิดหวัง”
กล่าวพลางสายตาของเขาได้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่เช่นกัน การที่หลี่ชิเย่มาอยู่ที่นี่ด้วยในวันนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เพียงแค่เป็นผู้ชมและคุมเชิงเท่านั้นเอง
“ดี พวกเรามาสู้กันจนถึงที่สุดก็แล้วกัน” นักปราชญ์ท่าทีหนักแน่นจริงจัง “พรึบ” ปีกทรุดโทรมที่อยู่บนหลังคู่นั้นค่อยๆ กางออก ขณะที่ปีกคู่นี้หุบเก็บเอาไว้จะรู้สึกว่ามันไม่ได้ใหญ่โตสักเท่าไร แต่เมื่อมันกางออกกลับรู้สึกได้ว่ามันสามารถปิดบังแผ่นฟ้าได้อย่างนั้น
เสียงตูม…ดังสนั่น ทันใดนั้นเอง ตัวของนักปราชญ์ปะทุเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทั้งตัว นาทีนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์บนตัวของนักปราชญ์ถูกปล่อยออกมา มันกระจายออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทุกๆ สายล้วนแล้วแต่เหมือนจริงมาก อีกทั้งประกายศักดิ์สิทธิ์ทุกสายเปี่ยมด้วยความสว่าง ท่ามกลางความสว่างนี้ได้แบกรับความหวังของสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตมายุคแล้วยุคเล่า
จังหวะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นท้องฟ้านั้น ปีกคู่ที่อยู่บนหลังของนักปราชญ์ปรากฏเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ได้ยินเสียงดังช่าาาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุดพลันบดบังวันเวลานับแต่อดีตเป็นต้นมา ก้าวข้ามช่องว่างของอาณาจักร
นาทีนี้ ปีกคู่ของนักปราชญ์ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันไม่เพียงแลดูศักดิ์สิทธิ์สูงส่งบริสุทธิ์เท่านั้น อีกทั้งขนทุกๆ ก้านของมันล้วนแล้วแต่มีความแหลมคมมาก เสมือนดั่งเป็นของมีคมศักดิ์สิทธิ์สวรรค์อย่างนั้น ขนทุกๆ ก้านล้วนแล้วแต่เหมือนเป็นเครื่องมือลงโทษของสวรรค์ มันสามารถลงโทษความมืดทุกๆ อย่าง สามารถลงโทษความชั่วร้ายใดๆ พลังของมันสร้างความรู้สึกสั่นเทาให้กับสิ่งชั่วร้ายใดๆ ได้โดยสัญชาตญาณ
แม้ว่าในขณะนี้ ปีกทั้งสองของนักปราชญ์ไม่ได้กลับกลายเป็นมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่เมื่อยามที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุดปะทุพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น ปีกคู่นี้ได้บดบังทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว ฟ้าดินกว้างใหญ่เพียงใดก็ไม่เท่าปีกคู่นี้ของนักปราชญ์ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ปีกคู่นี้
นาทีนี้ ตัวของนักปราชญ์กลับกลายเป็นผู้มีอานุภาพที่ทรงพลังยิ่งอย่างน่าอัศจรรย์ แค่ขยับตัวก็สามารถควบคุมวันเวลาได้เป็นล้านล้านปี เขาสามารถบงการสถานการณ์ของยุคสมัยหนึ่ง ภายใต้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่บรรดาเทพและเหล่าราชันก็ต้องเทศนาธรรมให้กับเขา เหล่าเซียนในอดีตถึงปัจจุบันยังต้องอำนวยพรให้กับเขา
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ ในขณะนี้ ปรากฎประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าทั่วไกลกันดาร ทุกๆ ประกายศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ทุกตารางนิ้วของช่องว่างในไกลกันดาร พลังของประกายศักดิ์สิทธิ์ตลบอบอวลไปทั่วไกลกันดาร
ยามที่ประกายศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ส่องสว่างไสวไปทั่วไกลกันดารนั้น ความมืดทั่วไกลกันดารพลันถูกกวาดล้างจนสิ้นในพริบตาเดียว กระทั่งบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่นอนหลับใหลอยู่ใต้พื้นดินยังต้องสั่นเทา พวกเขาต่างเกรงกลัวประกายศักดิ์สิทธิ์นี้สาดส่องเข้าไปภายในใจของพวกเขา และไปสั่นคลอนจิตใจที่มืดดำดวงนั้นของพวกเขา
กล่าวสำหรับบรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้แล้ว สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวมากที่สุดหาใช่การพ่ายแพ้ต่อนักปราชญ์ สิ่งที่พวกเขากลัวมากที่สุดก็คือถูกนักปราชญ์ทำให้บริสุทธิ์ ซึ่งเสมือนดั่งผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรคนหนึ่งแหงนมองความมืดท่ามกลางความสว่างอย่างนั้น ยามที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ไปสั่นคลอนจิตใจที่มืดดำของพวกเขา พวกเขาก็ยากจะหลีกหนีชะตาที่ต้องแหงนมองความสว่างท่ามกลางความมืด ถ้าหากถึงขั้นนั้นจริงๆ พวกเขาก็จะมีสภาพเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ต้องมลายกลายเป็นเถ้าธุลีอย่างแน่นอน
ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม จะต้องบังเกิดความหวังอย่างหนึ่งในใจขึ้นมาเอง ให้ความรู้สึกน้ำตาแห่งความปลื้มปิติที่ไหลนองเต็มใบหน้า นาทีนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าความสว่างช่างมีความสนิทสนมและอบอุ่นอย่างนั้น ช่างทำให้ผู้คนกระหายอยากและคาดหวัง ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนต้องซาบซึ้ง นี่คือความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยความหวัง สามารถทำให้หัวใจที่ด้านชาและเยือกเย็นดวงหนึ่งกลับมาเต้นอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่!
ดังนั้น ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังเมื่อรับรู้ถึงประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์แล้ว ก็ต้องรู้สึกหวั่นไหวภายในใจ ถ้าหากพวกเขาถือกำเนิดขึ้นในยุคของนักปราชญ์ เกรงว่าต่อให้พวกเขาที่อยู่ในฐานะของจอมราชันเซียนหวังก็ต้องยอมศิโรราบต่อนักปราชญ์ กลายเป็นสาวกของนักปราชญ์ก็เป็นได้
แม้ว่าบุคคลภายนอกจะไม่รู้ว่าภายในไกลกันดารได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่อให้มีผู้ที่จ้องมองไกลกันดารอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ เมื่อไกลกันดารถูกปิดกั้นด้วยม่านแสงเอาไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในไกลกันดารได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...