เมื่อบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ฟังคำพูดเช่นนี้แล้วไม่ได้รู้สึกตกใจ และกล่าวว่า “ดังนั้น เจ้าจึงมาหาข้า นับว่าเป็นการเลือกที่ดีมาก อย่างน้องที่สุดคนอย่างข้าหนีไปไหนไม่พ้น ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ยังอยู่ในไกลกันดาร เป้าหมายชัดเจน เชือดไก่ให้ลิงดู ฆ่าข้าแล้วเพียงพอที่จะสยบทั้งยุคสมัยได้ หากเป็นข้า ข้าก็จะเลือกเช่นนี้เหมือนกัน”
“บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเคยเป็นจุดเริ่มต้นของความมืดในยุคสมัยหนึ่ง ข้าเชื่อว่าไม่มีพลังสยบจากการสังหารผู้ยิ่งใหญ่อื่นๆ เทียบได้กับการสังหารเจ้า ที่เหลืออยู่ไม่แน่เสมอว่าจะแข็งแกร่งมากไปกว่าเจ้า หรือต่อให้มีผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเจ้าอยู่จริง ก็ไม่เห็นจะมีบารมีเทียบเท่ากับเจ้าได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย
“พูดไปแล้วก็เป็นเกียรติของข้า” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเป็นผู้มีรสนิยมสูงมาก ยิ้มกล่าวว่า “กวาดล้างความมืดให้ราบคาบด้วยการเริ่มต้นที่ตัวข้า นับว่าเป็นการเปิดเกมที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวมาก และเป็นการเปิดเกมที่เฉลียวฉลาดมาก”
มองดูท่าทีบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่มีความรู้ลุ่มลึก และบุคลิกลักษณะสง่างามเช่นนั้น ฟังการพูดการจาของเขาแล้ว ยากจะจินตนาการได้ว่าเขาคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด ผู้ที่กลืนกินสิ่งมีชีวิตเป็นหมื่นล้านล้านล้านล้านชีวิต ยากมากที่ผู้ใดจะนำเอาผู้เฒ่าที่ดูมีความรู้ลุ่มลึก และบุคลิกลักษณะสง่างามมาเชื่อมโยงกับผู้ที่เก็บเกี่ยวชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในแต่ละยุคสมัยเข้าด้วยกันได้ ไม่สามารถจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิงว่า ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ที่มือทั้งสองข้างเปื้อนเลือดมามากมายเหลือเกิน ชีวิตที่ถูกเขากลืนกินเข้าไป ผู้ที่ถูกเขาฆ่าตาย เรียกได้ว่านับกันไม่หวั่นไม่ไหว กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่า เขาคือหนึ่งในผู้ที่สังหารคนมามากที่สุดคนหนึ่งท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา
“โลกนี้มีคนชั่วมากมายเหลือเกิน เพียงแต่บางคนซ่อนตัวได้มิดชิดมากเท่านั้นเอง บนโลกใบนี้มีบันทึกเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว และยากที่จะสืบค้นร่องรอยของเขาได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “เมื่อมีการสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว ข้าเชื่อว่าจะมีผู้คนจำนวนมากต้องประเมินตนเองแล้วหละ”
การกระทำเช่นนี้ของหลี่ชิเย่คือการสยบ โดยอาศัยบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเป็นตัวเปิดเกม จะอย่างไรเสียมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคงอยู่บนโลกนี้ได้ตลอดไป ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาเลือกที่จะสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมาเป็นตัวเปิดเกม เพื่อสยบยุคสมัยนี้เอาไว้
“ข้าเห็นความมืดมามากกว่าเจ้า” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและส่ายหน้า กล่าวว่า “เจ้าไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ความมืดช่างทำให้ผู้คนยอมทนทุกข์ทรมาน และเจ็บปวดเช่นใด บนโลกนี้มีด้านสว่างก็ต้องมีด้านมืด ถ้าหากไม่มีด้านมืดแล้วจะมีสว่างได้อย่างไรกัน ไม่มีคนชั่ว แล้วรู้ได้อย่างไรว่าอะไรที่เรียกว่าเป็นคนดี ต่อให้เจ้าฆ่าข้าเสียก็ไม่สามารถทำให้ความมืดหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันคงอยู่เช่นนี้ตลอดนับเป็นอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับมันหรือไม่ก็ตาม”
“ข้อนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ในโลกนี้ จะมีใครบ้างที่สามารถขจัดความมืดให้หายไปอย่างไร้ร่องรอยได้เล่า ข้าเพียงแค่ช่วยจุดประกายแห่งความหวังขึ้นมาเท่านั้น ความมืดไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่จินตนาการ ใช่ว่าผู้ใดบนโลกก็ตามล้วนต้องตกลงสู่ความมืด ยังคงมีผู้ที่มั่นคงเฝ้ารักษาความสว่างเอาไว้ ต่อให้ต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปนับไม่ถ้วน เพื่อจุดติดความมืดของเจ้า สาดส่องแสงสว่างให้กับยุคสมัยนี้ก็ตาม!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดถึงกับรู้สึกเย็นวาบ คำพูดนี้หลี่ชิเย่พูดกับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย แต่ว่า ไหนเลยจะไม่เป็นการพูดให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังได้ฟังเล่า
นาทีนี้ พวกของราชันสวรรค์จ้านหวังจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การที่หลี่ชิเย่ต้องการสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหาใช่เพื่อสนองกิเลสของตนเอง ไม่เพียงเพราะต้องการขุมทรัพย์เท่านั้น แต่เขากำลังเตือนไปยังบรรดาจอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปอยู่
ลองนึกภาพดู ยามที่ความมืดมาถึงนั้น หากผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยลงมือ เหล่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหลายต้องเผชิญหน้ากับการเลือกเช่นใดหละ? ต่อต้านจนถึงที่สุด หรือยอมสยบต่อความมืด?
จอมราชันเซียนหวังระดับสูงไม่มีคนใดที่ไม่เป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดล้ำเลิศสักคน เวลานี้ หลี่ชิเย่พูดคำพูดเช่นนี้ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน มันได้ไปแจ้งเตือนขึ้นภายในจิตใจของพวกราชันสวรรค์จ้านหวัง
“ให้ความเคารพต่อความสว่าง” ท่าทีของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยดูหนักแน่นจริงจังในเวลานี้ ไม่ได้มีความคิดที่จะล้อเลียนแม้แต่น้อย กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ปราศจากความสว่าง ก็ไม่มีความมืด ไม่มีแสงสว่างที่สาดส่องกระจายไปทั่วทั้งโลก แล้วจะให้ชีวิตเติบโตมีความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร แล้วจะนำพาการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างไรกัน ให้ความเคารพต่อความสว่าง ต่อให้ต้องโอนเอนไปมาท่ามกลางความมืด มันยังคงไม่ดับสูญตลอดกาล”
คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยฟังดูแล้วดูจะโหดร้ายทารุณยิ่งนัก แฝงไว้ซึ่งกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น แต่ว่า คำพูดของเขากลับเปี่ยมด้วยเหตุผล ไม่มีความสว่าง ไหนเลยจะทำให้โลกนี้เจริญรุ่งเรืองและเติบใหญ่ได้
“ให้ความเคารพต่อความมืด มีความมืดวนเวียนอยู่ท่ามกลางจิตใจของพวกเรา จึงสามารถเป็นสิ่งเตือนใจให้พวกเรามั่นคงในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ทำให้พวกเราสู้รบจนถึงที่สุด ผู้ใดไม่ลืมความตั้งใจแรกเริ่ม ผู้นั้นจึงไม่เนรคุณต่อผู้ที่รักเจ้า และผู้ที่เจ้ารัก” หลี่ชิเย่ก็ได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจังเช่นกัน
คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความหวั่นไหวให้จอมราชันเซียนหวังเฉกเช่นพวกราชันสวรรค์จ้านหวัง หากว่าความมืดมาเยือน บรรดาจอมราชันเซียนหวังบนโลกสามารถรักษาความตั้งใจแรกเริ่มได้หรือไม่? นึกถึงคนที่ตนรัก นึกถึงคนที่รักตน ตนเองได้มีการทรยศต่อจิตตั้งใจแรกเริ่มดวงนั้นในครั้งนั้นหรือไม่
หลี่ชิเย่ต้องการสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย พวกเขาทั้งสองคือศัตรูคู่อาฆาต แต่ทว่าในเวลานี้ พวกเขาสนทนากันดั่งเป็นสหายเก่าแก่ที่จับเข่าคุยกันเป็นเวลานาน ท่าทีเหมือนบางคนที่อยู่ด้วยกันมานานกลับรู้สึกแปลกหน้า บางคนแค่พานพบเหมือนรู้จักกันมานาน กล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งสองต่างเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด มีความรู้สึกต่างฝ่ายต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
“สมควรแก่เวลาที่ข้าจะส่งเจ้าออกเดินทางได้แล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ไม่ เจ้าเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นผู้ควบคุมเกมในวันนี้เพื่อสังหารเจ้าให้จงได้ แต่ว่า ข้าไม่ใช่ตัวหลักที่จะสังหารเจ้า!”
“ดี ข้าจะสังหารเจ้าก่อน แล้วค่อยมาดูว่ายังจะมีใครสามารถขวางข้าได้อีก” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะ มือขนาดใหญ่ครอบคลุมเข้ามาหา
มือขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมเข้ามานั้น ไม่ได้มีพลังที่ดั่งคลื่นยักษ์ ไม่ได้มีอานุภาพที่สะเทือนฟ้า แต่ทำให้แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อมือขนาดใหญ่ครอบคลุมเข้ามา เนื่องจากภายใต้มือขนาดใหญ่นี้ไม่มีอะไรเลย นั่นย่อมเป็นการบ่งบอกว่า หากถูกมือขนาดใหญ่นี้ตบเข้าให้ก็จะไม่เหลืออะไรอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา หรือช่องว่าง และหรือฟ้าดิน และหรือจอมราชันเซียนหวัง ถ้าถูกตบเข้าให้ก็จะมลายหายไปสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...