ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1969

ประกายศักดิ์สิทธิ์ต่อต้านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ทำให้ไม่สามารถฟันเข้าให้ที่ต้นกำเนิดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย

“แสงสว่างเป็นนิรันดร์ ไม่เคยทำตัวตกต่ำ!” นักปราชญ์คำรามเสียงยาว สัจธรรมไม่เคยเปลี่ยน ยังคงเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุด ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ดั่งคลื่นยักษ์

แต่ทว่านาทีนี้กลับเปลี่ยนไป ได้ยินเสียงปุดังขึ้น มองเห็นประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายเหมือนถูกแยกออกจากกันอย่างนั้น นาทีนี้แม้แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนดั่งเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มันคล้ายดั่งแยกตัวออกจากร่างของตน เผยตัวตนดั้งเดิมออกมา

ทุกๆ ประกายศักดิ์สิทธิ์เหมือนกลับกลายเป็นของเหลวอย่างนั้น ทุกๆ ประกายศักดิ์สิทธิ์เหมือนกำลังไหลรินอยู่ นาทีนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่เป็นเพียงแค่แสงสว่างอย่างเดียว มันไม่ได้คงอยู่ในระดับแนวคิดที่เยือกเย็น มันดำรงอยู่อย่างแท้จริง เป็นการดำรงอยู่ที่เป็นตัวเป็นๆ

เพียงพริบตาเดียวนั่นเอง ประกายศักดิ์สิทธิ์ทุกสาเหมือนมีชีวิตขึ้นมาอย่างนั้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ทุกสายล้วนแล้วแต่สืบทอดความศรัทธาของสรรพชีวิตนับล้านล้านชีวิต มันคือสิ่งพึ่งพิงของสรรพสิ่งมีชีวิตในยุคสมัยหนึ่ง

เสียงตูม…ดังสนั่น จากการที่ประกายศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า นาทีนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้รวมตัวกัน จากเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นเป็นระลอก แหล่งต้นกำเนิดแสงสว่างปรากฏขึ้นที่ด้านหลังศีรษะของนักปราชญ์ มอบพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุดแก่นักปราชญ์

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น นาทีนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์บนตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ต่อต้านกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกพลังของแหล่งต้นกำเนิดแสงสว่างของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หลอมละลาย พลังประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดกลายเป็นของนักปราชญ์ ในเวลานี้ นักปราชญ์เป็นผู้ควบคุมแสงสว่าง เขาเป็นผู้บงการความสว่าง

เสียงปัง…ดังขึ้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้ฟันใส่ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ขอเพียงถูกหนึ่งกระบี่ที่วาววับดั่งหิมะฟันเข้า ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวัง หรือว่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถต้านกระบี่ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เอาไว้ได้ นี่เป็นการตัดสินระดับสูงสุด หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงปังดังขึ้น บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ถูกครอบคลุมโดยประกายศักดิ์สิทธิ์หลังจากถูกฟันด้วยกระบี้นี้แล้ว ร่างกายของเขาล้มตัวลงแข็งทื่อ เขาถูกสังหารอยู่ ณ ที่ตรงนั้น

ฉับพลันนั้น ฟ้าดินเงียบสงัด บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่มีศักยภาพสามารถมองเห็นภาพนี้ได้ถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ ถึงกับเต้นกระตุกในใจขึ้นทีหนึ่ง

หรือว่าทำได้สำเร็จแล้ว? ในเวลานี้จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ มองดูสายน้ำแห่งกาลเวลาอย่างใจจดใจจ่อ จ้องเขม็งไปที่ภาพตรงหน้า เพื่อดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นหรือไม่

เสียงแว้งค์…แว้งค์…แว้งค์…ดังขึ้น ศพของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ล้มอยู่ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาถึงกับกระจายกลายเป็นประกายแต่ละสาย และประกายแต่ละสายเหล่านี้ได้รวมตัวกัน แล้วหลอมรวมเข้าไปในแหล่งต้นกำเนิดของความสว่าง

เสียงจี๊ด…ดังขึ้น เมื่อศพของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยปลิวกระจายไปแล้ว ท่ามกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาของยุคสมัยนี้มีจุดเชื่อมต่อของเวลาแห่งหนึ่งพลันก่อกำเนิดความมืดขึ้นมา ขณะที่ประกายความมืดนี้เกิดขึ้น พลันได้เปลี่ยนยุคสมัยนี้กลายเป็นความมืดในพริบตาเดียว ยุคสมัยทั้งยุคมืดดำดั่งหมึก มองไม่เห็นนิ้วมือที่ยื่นออกไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในยุคสมัยนี้ล้วนแล้วแต่ถูกกลืนกินโดยความมืดที่น่าสยดสยองยิ่งนี้ ต่อให้เป็นชีวิตหนึ่งร้อยล้านล้านล้านชีวิต มันก็แค่อาหารของความมืดมิดนั่นเท่านั้นเอง

“ที่สมควรต้องตาย อย่างไรเสียก็ต้องตาย” เวลานี้มองเห็นบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยปรากฏอยู่ในความืด โดยมีความมืดเคียงข้างเขาตลอดไป นาทีนี้ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมมาก

ก่อนหน้านั้น บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ให้ความรู้สึกของการกลับคืนสู่ตัวตนดั้งเดิม กระทั่งเรียกได้ว่า เมื่อเขายืนอยู่ต่อหน้าของเจ้า จะไม่รับรู้ถึงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดโดยสิ้นเชิง กลับรู้สึกว่าเขาเหมือนผู้เฒ่าที่สูงส่งและมีความสง่ามากกว่า

แต่ทว่า นาทีนี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกลับมีนิสัยเฉพาะตัวที่แตกต่างไป เขากำเนิดจากความมืด และจะต้องกลับคืนสู่ความมืด ต่อให้ไม่มีพลังที่สะเทือนฟ้าดิน แต่ว่า ทุกๆ การแสดงออกและคำพูดปรากฎความพาลที่สามารถกลืนกินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินแล้ว เป็นสัตว์ดุร้ายที่มีความคิดต้องการบงการอดีตถึงปัจจุบัน

นาทีนี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ได้มีท่าทีที่สุภาพมีมารยาทอีกต่อไป เขาให้ความรู้สึกถึงความเป็นสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ เขาก็คือสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา เขาไม่ใช่คนที่มีเมตตาอย่างแน่นอน แค่อ้าปากก็สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกได้

ขณะที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก้าวเดินออกมาจากความมืดนั้น นักปราชญ์ไม่ได้ยกเว้นให้กับเขา ยังคงจ้องเขม็งตัวเขา ถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ยังคงไม่ได้ใส่ใจต่อเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ปราศจากผู้ต่อกรทุกยุคทุกสมัย

“สหายเก่า เจ้าทำสำเร็จแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็ได้สังหารร่างแห่งความสว่างของข้าไปได้ ช่างมันเถอะเรื่องนี้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มๆ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “สุขทุกข์เป็นของคู่กัน ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ แสงสว่างจากไปไม่ย้อนกลับ ข้ากำเนิดเกิดในความมืด นี่แหละคือตัวตนของข้า”

คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทำให้จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้ การที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยถูกสังหารร่างที่เป็นความสว่าง จะเป็นทุกข์หรือสุขนับว่าพูดยากจริงๆ

เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น ไม่มีใครเกิดมาก็ชั่วร้ายเลย บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยใช่ว่าเกิดมาก็ดำมืดเลย และไม่ได้เกิดมาก็คือต้นกำเนิดของความมืด

ขณะที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอยู่ในวัยหนุ่ม ก็เหมือนเช่นผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรจำนวนมาก เคยต่อสู้ เคยพยายาม เคยมีเลือดในกายที่เดือดพล่าน เขาเคยต่อสู้เพื่อตนเอง เพื่อคนที่อยู่ข้างกาย ขณะที่เขาประสบความสำเร็จเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกร ก็เคยได้ส่องแสงสว่างให้กับยุคสมัยหนึ่งอย่างเสมอภาค

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล