ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1970

“สหายเก่า ลองดูกระบวนท่าเนตรสังสารวัฏสักหน่อย น่าจะคุ้นเคยกับรสชาตินี้กระมัง” ในเวลานี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยร้องคำรามเสียงยาวออกมา ลืมตาทั้งสองแล้วเปิดดวงตาที่สามบริเวณหน้าผากขึ้นมา

เสียงตูม…ดังสนั่น ยามที่ดวงตาที่สามของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยถูกเปิดออก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่หายไปสิ้น ลืมตาฟ้าดินดำมืด ยามที่ดวงตาดวงนี้ลืมตาขึ้นมา ทำให้ยุคสมัยของไกลกันดารทั้งยุคตกอยู่ท่ามกลางความมืดในทันที

ภายใต้การปกครองของดวงตาดวงนี้ ตลอดทั้งยุคสมัยตกอยู่ในความมืดมิดเป็นนิรันดร์ ยื่นมือออกไปไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือได้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถสาดส่องเข้ามาได้ตลอดกาล ฟ้าดินหมื่นสัจธรรมล้วนแล้วแต่จมดิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของดวงตาดวงนี้ ดวงตาดวงนี้มีการวัฏสงสารได้ เพียงแต่เป็นการวัฏสงสารของความมืดมิดที่เป็นนิรันดร์ นอกจากความมืดแล้วก็ยังคงเป็นความมืด ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นดำรงอยู่ในฐานะเช่นใดก็ตาม ไม่สามารถกระโดดออกจากวัฏสงสารของความมืดมิดที่น่าสยดสยองนี้ไปตลอดกาล

ตูม ตูม ตูม ภายใต้การปกครองของความมืดมิด ฟ้าดินและสรรพสิ่งจมดิ่งอยู่ในความทุกข์ทรมาน สายน้ำแห่งกาลเวลาทั้งยุคสมัยล้วนจมดิ่งลงไปในความมืดมิด แม้แต่เวลาที่รินไหลล้วนแล้วแต่วนเวียนอยู่ที่ตรงนี้ เหมือนว่านับแต่อดีตเป็นต้นมา นอกจากความมืดแล้วก็ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดอีกเลย

แม้แต่ในใจของจอมราชันเซียนหวังยังรู้สึกจิตตก เมื่อมองเห็นวัฏสงสารความมืดเช่นนี้ เนื่องจากวัฏสงสารเช่นนี้แม้แต่จอมราชันเซียนหวังก็ออกมาไม่ได้ เมื่อใดที่จมดิ่งลงไปท่ามกลางวัฏสงสารเช่นนี้แล้วก็คือความมืดมิดตลอดกาล นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่ได้พบเห็นความสว่างอีกเลย

ลองคิดดู ท่ามกลางความมืดที่ไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่สามารถรองรับกับมันได้ แล้วจะมีสักกี่คนที่ยังสามารถมั่นคงในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความแข็งแกร่งปานใด เมื่อมาอยู่ท่ามกลางวัฏสงสารความมืดเช่นนี้แล้ว ถ้าไม่เสียสติไป เกรงว่าคงต้องสยบต่อความมืด กลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืด ถูกความมืดกลืนกินนับแต่นี้เป็นต้นไป

ในเวลานี้ จอมราชันเซียนหวังก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นภายในใจของตน สมมุติเป็นตัวเองหากจะต้องไปอยู่ในความมืดมิดเช่นนั้น จะสามารถรักษาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนได้อย่างมั่นคงเหมือนเช่นที่ผ่านมาหรือไม่? เกรงว่าคำตอบที่ได้คงจะคือคำว่าไม่แน่ใจ

เสียงตึงดังขึ้นทีหนึ่ง เมื่อนักปราชญ์มองเห็นสังสารวัฏความมืดจึงได้ชูกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูง ตูม ตูม ตูม เสียงดังตูมตามดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ในขณะนี้นักปราชญ์ได้เปลี่ยนจากรุกมาเป็นรับ ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในสายน้ำแห่งกาลเวลาตลอดทั้งยุคสมัยได้ไหลเชี่ยวกรากไม่ขาดสายมารวมอยู่บนตัวของนักปราชญ์ นาทีนี้เวลานี้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มารวมอยู่ที่ตัวของนักปราชญ์คนเดียว ในเวลานี้ ร่างกายของนักปราชญ์คล้ายดั่งถูกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ลุกไหม้ท่วมตัวอย่างนั้น

ได้ยินเสียงดังตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนหนึ่งได้กลายเป็นคบเพลิง พลันเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่เจิดจ้าปราศจากสิ่งใดเทียบเทียม นาทีนี้ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ปะทุขึ้นมาเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งนับแสนล้านเท่า เหมือนว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของยุคสมัยนั้นล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมมาจนกลายเป็นคบเพลิง และลุกไหม้อย่างรุนแรงบนส่วนปลายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ประกายศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเช่นนี้ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน

ภายใต้ประกายศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ไม่ว่าความมืดจะมีการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้นอย่างไร ไม่ว่ากระแสความมืดที่รุนแรงจะโจมตีเช่นใดก็ตาม แต่ทว่า เมื่ออยู่ภายใต้แสงสว่างจากการสาดส่องของคบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นสงบอะไรขนาดนั้น ขณะที่ตัวของนักปราชญ์ก็กลับกลายเป็นสงบไม่สะทกสะท้าน

ต่อให้ความมืดน่าสยองขวัญยิ่งไปกว่านี้ แต่เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์คงอยู่ คบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนดั่งส่องสว่างภายในจิตใจของทุกคนอย่างนั้น ชี้นำทิศทางท่ามกลางความมืดมิดให้กับผู้คน ทำให้ผู้ที่กำลังลนลานอยู่มีเป้าหมาย พวกเขาสามารถมุ่งตรงไปประกายศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างหน้า ภายใต้การชี้นำของประกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะไม่หลงทางท่ามกลางความมืด

ต่อให้ความมืดของยุคสมัยนี้เวียนว่ายตายเกิดไม่สิ้นสุด เมื่อคบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่ดับ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความหวัง ทุกคน ล้วนแล้วแต่ก้าวไปข้างหน้าได้

แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่เฝ้าชมการต่อสู้อยู่ถึงกับรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เมื่อได้มองเห็นคบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากพวกเขาเข้าใจได้ว่ามันบ่งบอกถึงสิ่งใด คบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์คงอยู่ ความสว่างจะยังคงอยู่ โลกมนุษย์ยังคงเปี่ยมด้วยความหวัง

เวลานี้ นักปราชญ์เสมือนหนึ่งได้กลายเป็นนิรันดร์ภายใต้คบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ต่อให้คลื่นความมืดเข้าโจมตีอย่างรุนแรง เขายังคงไม่หวั่นไหว ยังคงชูคบเพลิงประกายศักดิ์สิทธิ์สูงขึ้นไป ส่องสว่างเข้าไปในจิตใจของสรรพชีวิตบนโลกมนุษย์ ภายใต้การส่องสว่างของคบเพลิงลักษณะเช่นนี้ แม้ว่านักปราชญ์จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่เขาได้หลุดพ้นจากความมืดไปแล้ว ความมืดไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเขา

“สหายเก่า ต่อให้เจ้าสามารถส่องสว่างโลกมนุษย์ได้ แต่ก็ไม่สามารถส่องสว่างเข้าไปยังจิตใจของทุกคนได้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยมองดูประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีวันดับเป็นนิรันดร์ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากทุกๆ คนบนโลกมนุษย์ต่างมีความคิดในประกายศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง เช่นนั้นแล้วไกลกันดารก็จะไม่ล่มสลาย ใช่ว่าข้าเป็นคนทำให้ไกลกันดารล่มสลาย เป็นความมืดที่อยู่ภายในใจของทุกคนเป็นผู้ทำลายไกลกันดาร ข้าก็แค่ช่วยผสมโรงเท่านั้นเอง บนโลกไม่ได้มีมารร้าย มารร้ายก็แค่แปรเปลี่ยนมาจากสรรพสิ่งมีชีวิตเท่านั้นเอง”

“ข้าอยู่ ประกายศักดิ์สิทธิ์ก็คงอยู่ ไม่มีวันดับเป็นนิรันดร์” ท่ามกลางกระแสความมืดที่รุนแรง นักปราชญ์ยังคงสงบ เย็นชา และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ต่อให้ใจของผู้คนมีความมืด หากประกายศักดิ์สิทธิ์คงอยู่ ยังคงจุดประกายสว่างขึ้นภายในจิตใจของพวกเขา ให้พวกเขาไม่สั่นเทาท่ามกลางความมืด หัวใจน้อยๆ ของพวกเขาไม่สิ้นหวัง…”

“…ต่อให้พวกเขาจมดิ่งอยู่ในความมืด เขาเพียงมีประกายศักดิ์สิทธิ์สักนิดหนึ่ง ชีวิตของพวกเขายังคงมีแสงสว่าง ยังคงมีสีสัน! นี่แหละคือความหมายที่ข้าคงอยู่ นี่แหละคือความหมายที่ข้าต่อต้านถึงที่สุด ต่อให้ข้าไม่สามารถทำให้ความมืดสิ้นสุดลง แต่ ข้าได้นำพาสีสันให้กับสรรพสิ่งมีชีวิตบนโลกแห่งความมืดได้บ้าง นำพาความหวังมาให้นิดหนึ่ง! ทำได้แค่นี่ข้าก็ไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น!”

คำพูดนี้ของนักปราชญ์พูดได้เรียบเฉยมาก แต่กลับสะเทือนหวั่นไหวจนหูแทบหนวก บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่สามารถมองเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ได้ก็รู้สึกหวั่นไหวในใจ

ในยามที่ความมืดมาถึงนั้น บรรดาจอมราชันเซียนหวังจะเลือกอย่างไรกันหละ? ยามที่ความมืดแข็งแกร่งมากเกินไป การต่อต้านของจอมราชันเซียนหวังมีความหมายหรือไม่ รู้ทั้งรู้ว่าการต่อต้านแค่เหนื่อยเปล่าเท่านั้นเอง เช่นนั้นแล้วควรจะละทิ้งการต่อต้านใช่หรือไม่?

ย่อมไม่ต้องสงสัย คำพูดของนักปราชญ์ได้ให้คำตอบแล้ว ขอเพียงสามารถนำพาซึ่งสีสันเล็กน้อยให้กับจิตใจที่สิ้นหวังท่ามกลางความมืด เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่เสียดายทั้งสิ้น!

“นี่แหละคือจุดที่ยอดเยี่ยมของสหายเก่า รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้ก็ยังทำ ข้อนี้ข้าสู้สหายเก่าไม่ได้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพยักหน้า จากนั้นวางท่าทีเข้มและกล่าวว่า “แต่ว่า สหายเก่า เกรงว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสิ้นสุดในวันนี้แล้ว แม้ว่าเจ้าสามารถจุดประกายสว่างให้กับหัวใจของสรรพสิ่งมีชีวิตได้ แต่ไม่เห็นว่าเจ้าสามารถจุดติดความสว่างให้ตัวเองได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล