ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1972

เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ภายใต้การช่วยเหลือของประกายพิสุทธิ์ ประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์กลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เดิมประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ติดๆ ดับๆ เริ่มโหมลุกไหม้ขึ้นมา คล้ายดั่งไฟที่ไหม้ฟืนอย่างนั้นยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้น จากการที่ประกายศักดิ์สิทธิ์มีความแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำการเผาผลาญความมืด หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ช้าหรือเร็วประกายศักดิ์สิทธิ์ของนักปราชญ์ก็ต้องไหม้ไปถึงต้นกำเนิดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย

“หนทางไม่มีที่สิ้นสุด” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่จ้องมองดูหลี่ชิเย่ สายตาดูลึกล้ำ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สหาย ที่ข้าเกลี้ยกล่อมเจ้าใช่ว่าเจ้ากับข้าเป็นศัตรูกัน ไม่ว่าข้าก็ดี เจ้าก็ดี หรือแม้แต่นักปราชญ์สหายเก่าก็เป็นเช่นนี้ หนทางข้างหน้าอันตรายกั้นขวาง หากเพียงต้องการทำลายพันธนาการฟ้าดินนี้เท่านั้นหละก็ เจ้าควรจะมองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองที่ดำหรือขาว”

“ข้ากับสหายเก่าก็จะไม่พูดกันถึงเรื่องถูกหรือผิด เพียงแต่น่าเสียดายที่ครั้งนั้นสหายเก่ายึดแต่เรื่องของสรรพสิ่งมีชีวิต หาไม่แล้ว หากข้ากับเขาได้ร่วมมือกันหละก็ ไม่แน่นักได้เปิดสถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนขึ้นแล้วก็เป็นได้ ไม่แน่นักอาจจะปลดปล่อยพันธนาการของฟ้าดินแห่งนี้ไปแล้ว ไม่แน่นักยุคสมัยไกลกันดารได้สืบต่อกันไปอีกไปนานแล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อชี้ขาดเช่นนี้ แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้อต่อตน แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงพูดจาฉะฉานไม่สะทกสะท้าน

“เมื่ออุดมการณ์ต่างกันก็อย่าคบกันเลย!” นักปราชญ์พูดเสียงน่าเกรงขามออกมาว่า “ความสุขของสรรพสัตว์ไหนเลยเอามาแลกเปลี่ยนกันได้! หากไม่ทำลายความมืดให้ราบคาบ จะไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด”

“สหายเก่า ข้าน่ะเลื่อมใสในจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มเฉยเมย และกล่าวว่า “หากจะพูดถึงการโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน ข้าสู้เจ้าไม่ได้ ถูกต้อง ข้าเก็บเกี่ยวยุคสมัยนอกจากต้องการสั่งสมเพื่อการทำลายพันธนาการฟ้าดินแห่งนี้แล้ว ยังทำเพื่อให้ตัวข้าเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าไม่ปฏิเสธ ข้าเกรงว่าตนเองจะต้องตายอยู่บนเส้นทางที่ยังไม่บรรลุ ซึ่งหาใช่เรื่องที่จะต้องอับอายกัน…”

“…แต่ทว่า สหายเก่าได้เคยนึกถึงหรือไม่ว่า หากเจ้ากับข้าร่วมมือกัน ความสว่างความมืดคงอยู่ด้วยกัน กวาดล้างฟ้าดินสู้รบจนถึงที่สุด หากพวกเราทำสำเร็จจะสามารถทำลายพันธนาการฟ้าดินนี้ได้ บางทียุคสมัยของไกลกันดารพวกเราสามารถสืบเนื่องต่อไปได้ เวลานี้ยุคสมัยพวกเราไม่มีเสียแล้ว จะเป็นความสว่าง ความมืดมิดอะไร ที่สุดแล้วก็แค่ความว่างเปล่าเท่านั้น” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

“หากจะแลกมาซึ่งการวัฏสงสารของความมืดยุคแล้วยุคเล่า แลกมาซึ่งการเก็บเกี่ยวด้วยกลิ่นคาวเลือดยุคแล้วยุคเล่า ยุคสมัยเช่นนี้ไม่ต้องมีก็ได้” ท่าที่ของนักปราชญ์มั่นคงมาก ทุกคำพูดที่พูดออกมามีน้ำหนัก กล่าวน่าเกรงขามว่า “เจ้าไม่มีความกล้าหาญที่จะรบจนถึงที่สุด ได้แต่อาศัยการเก็บเกี่ยวยุคสมัยแล้วมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ต่อให้ที่สุดแล้วเจ้าสามารถเป็นฝ่ายชนะได้ แล้วมันจะอย่างไรกันเล่า? เจ้ายังคงไม่มีความหาญกล้าที่จะไปเปลี่ยนแปลงตนเอง ไปเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของพวกเรา จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้าจมดิ่งลงไปแล้ว ไม่มีวันขึ้นมาได้อีกต่อไป!”

“หากสหายเก่าเข้าใจเช่นนี้ ข้าก็จนด้วยเกล้า พวกเราถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องตายไปข้างหนึ่ง” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เพียงยิ้มๆ เขาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สหายกับสหายเก่าของข้ามีใจร่วมกัน ข้อนี้ข้าสามารถเข้าใจได้ แสงสว่างสาดส่องทั่วหล้าอย่างเสมอภาค เป็นยุคสมัยที่ทำให้ผู้คนใฝ่หา…”

“…แต่ สหายเคยนึกถึงหรือไม่ว่า ลำพังอาศัยกำลังของตนคนเดียวสามารถล้มล้างสวรรค์ได้หรือ? เจ้าสามารถสู้รบจนถึงที่สุดรึ? สามารถเป็นฝ่ายชนะได้ในที่สุดรึ? หากว่าทำไม่ได้ ไฉนสหายไม่เปลี่ยนมุมมองความคิดดู ใช่ว่าข้าต้องการเสี้ยมให้แตกกัน เพียงแต่การได้มายืนอยู่ระดับพวกเราแล้ว ข้าก็หวังเช่นกันว่าสหายสามารถสู้รบจนถึงที่สุด ล้มล้างสวรรค์นี้เสีย”

คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพูดได้จริงใจมาก และพูดได้ตรงไปตรงมายิ่ง

จอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยต้องกลั้นหายใจกับคำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่จ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

การร่วมมือกับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย นับเป็นมุมมองอีกแง่มุมที่เหมือนเป็นการเปิดประตูบานใหม่ขึ้นอีกบานหนึ่ง

“เจ้าพูดผิดแล้ว” หลี่ชิเย่อมยิ้ม และกล่าวว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสว่างกับความมืด แค่จะพูดว่า ในเมื่อข้าต้องการสู้รบจนถึงที่สุด แสดงว่าข้าสามารถพลิกสวรรค์ขึ้นมาได้ ง่ายๆ แค่นี้แหละ วันนี้ที่ข้าช่วยเหลือนักปราชญ์สังหารเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความสว่างหรือความมืด แค่ต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้นเอง ให้ผู้คนทั่วหล้าได้รับรู้ ให้ผู้ที่ดำรงอยู่ในยุคสมัยนี้ได้รู้ว่า นี่คือยุคสมัยของข้า ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของความมืด หรือว่าเป็นสุดยอดปฐมบรรพบุรุษสูงสุด ขอเพียงข้ายังอยู่ที่โลกมนุษย์นี่ เป็นมังกรก็จงขดตัวเอาไว้ เป็นเสือก็ให้หมอบไว้ อย่าได้แอบส่องอยู่ด้านหลัง หรือกำลังคิดจะเคลื่อนไหวก่อการ หาไม่แล้ว ฆ่าไม่มีละเว้น!”

คำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ก็พูดได้เรียบเฉยมาก แต่มีความพาลยากจะหาผู้ใดเทียม คำพูดเช่นนี้เมื่อพูดออกมาเท่ากับเป็นการประกาศศึกกับผู้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเขาทั้งหมดในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืด หรือว่าเป็นปฐมบรรพบุรุษสูงสุด ไม่ก็อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวแต่โดยดี ไม่ก็ถูกสังหารโดยหลี่ชิเย่

การประกาศศึกด้วยท่าทีที่อันธพาลยากจะหาผู้ใดเทียมของหลี่ชิเย่ ทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังระดับสูงที่มีสิทธิ์ได้เห็นต่างรู้สึกเย็นวาบในใจ เข้าใจแล้วว่ายุคนี้หลี่ชิเย่ต้องทำการใหญ่แน่นอน ใครผู้ใดกล้าขวางทางของเขา คือฆ่าไม่มีละเว้น!

“กลับเข้ามาที่เนื้อแท้ของการศึกในครั้งนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบๆ และกล่าวว่า “ในจุดนี้ข้าเห็นด้วยกับมุมมองของนักปราชญ์ ต่อให้เจ้าปราศจากผู้ต่อกรมากกว่านี้แล้วอย่างไร จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเจ้าจมดิ่ง ต่อให้เจ้าพลิกสวรรค์นี้ได้ สำหรับโลกนี้แล้วมันก็ไม่ได้หมายความว่าคือผลดี ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า อุดมการณ์ต่างกัน ไม่ต้องการคบกัน วันนี้มีผลเพียงอย่างเดียว นั่นคือเจ้าต้องตาย!”

เมื่อต้องเผชิญกับผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดอย่างบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย หลี่ชิเย่ไม่เพียงพูดจาฉะฉานไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังประกาศโดยตรงว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยต้องตาย ความพาลเช่นนี้เกรงว่าคงยากที่จะหาผู้ใดเทียมในหล้าอีกแล้ว

“ในเมื่อสหายมีความมั่นใจถึงเพียงนี้ ถ้าหากข้าไม่สำแดงวิชาออกมาทั้งหมดคงทำให้ทุกคนต้องผิดหวังเสียแล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มกล่าวโดยไม่แสดงอาการโกรธว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ก็ต้องดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่”

เสียงตูม…ดังสนั่น นาทีนี้เอง แท่นบูชาที่อยู่ลึกเข้าไปในไกลกันดารพลันพวยพุ่งเป็นความมืดที่ไม่มีสิ้นสุดออกมาอย่างกะทันหัน นาทีนี้ปรากฏคนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากความมืด ขณะที่เขาก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ทำให้ทุกยุคสมัยต้องสั่นเทา

“อดีตไม่สามารถติดตามกลับมา แต่สามารถคงเอาไว้ได้” คนผู้นี้ที่ก้าวเดินออกมาจากความมืดได้พูดขึ้นมาช้าๆ คำพูดของเขาดูสุภาพเรียบร้อยและสูงส่ง

“บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย!” ไม่รู้ว่ามีจอมราชันเซียนหวังจำนวนเท่าไรที่รู้สึกกระตุกในใจนิดหนึ่ง เมื่อมองเห็นผู้ที่ก้าวเดินออกมาจากความมืดคนนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล