ผู้หญิงมองดูแววตาที่กระหายอยากคู่นั้นของเด็กคนนั้น นางก้มโค้งลงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มว่า “รอให้พวกเจ้าเรียนรู้เคล็ดวิชาเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยไปฝึกวิชาเหาะขึ้นฟ้านะ มันก็เหมือนการหัดเดินอย่างนั้น ต้องเดินให้ได้ก่อนแล้วจึงหัดวิ่งน่า”
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” เด็กน้อยพยักหน้าทำท่าเหมือนจะเข้าใจ สุดท้ายก็ร้องออกไปด้วยความดีใจและวิ่งกลับไปที่บ้าน
ครั้นเด็กๆ ทุกคนต่างแยกย้ายกันวิ่งกลับไปบ้านของตนแล้ว เวลานี้ผู้หญิงคนนั้นได้ลุกขึ้นยืน สายตาของนางจับจ้องลงบนตัวของหลี่ชิเย่ที่อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน นางจ้องมองหลี่ชิเย่อย่างใจจดใจจ่อ ท่าทางดูระมัดระวังตัวยิ่ง จากนั้น เดินเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างช้าๆ
ความจริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้สังเกตเห็นคนแปลกหน้าเช่นหลี่ชิเย่ตั้งแต่เขาปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแล้ว
หลี่ชิเย่เองก็มีท่าทียิ้มๆ ยืนตัวตรงแล้วเดินข้ามลำธารขนาดเล็ก ตรงเข้าไปยังผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติไม่สะทกสะท้าน
“ไม่ทราบว่าพี่ท่านมาจากที่ใด และจะไปยังที่ใด” หลังจากผู้หญิงเดินเข้ามาใกล้แล้ว แสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ ท่าทางสง่างามเปิดเผยตรงไปตรงมา แสดงท่าทีเกรงใจ และไม่เป็นการเสียมารยาท
ผู้หญิงคนนี้มีชาติกำเนิดอยู่ในหมู่บ้านเถาแห่งนี้ รอบๆ หมู่บ้านแห่งนี้ในรัศมีร้อยลี้ไม่ได้มีหมู่บ้านอื่นใดอีกเลย อีกทั้งหมู่บ้านเถาของพวกเขาตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา มีบุคคลภายนอกมาเยือนน้อยมาก
ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน พลันที่เห็นหลี่ชิเย่ก็รู้ว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง ดังนั้นจึงได้เอ่ยถามออกมาเช่นนี้
แน่นอนที่สุด ภายในใจของผู้หญิงก็มีความระแวดระวัง หมู่บ้านเถาของพวกเขาเป็นเพียงหมู่บ้านชนบทเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น หมู่บ้านลักษณะเช่นนี้ถือว่าไม่คู่ควรจะกกล่าวถึงในโลกมนุษย์ การปรากฏตัวของหลี่ชิเย่ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่ง เป็นความจริงที่ทำให้นางต้องระมัดระวังตัวขึ้นมา
“ผู้เดินทางผ่านเท่านั้นเอง แค่เดินทางผ่านมาทางนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบๆ ท่าทางตามอารมณ์ยิ่งนัก
“น้องมีชื่อว่าเถาถิง ไม่ทราบว่าพี่ท่านมีนามว่ากระไร?” ผู้หญิงคนนี้เอ่ยถามขึ้นมาช้าๆ โดยไม่ได้ประมาท
“หลี่ชิเย่“ หลี่ชิเย่ยิ้มออกมาตามอารมณ์ ก้าวเดินเข้าไปหมู่บ้านช้าๆ โดยมีเถาถิงรีบเดินตามเป็นเพื่อนหลี่ชิเย่ไปตลอดทาง
แทนที่บอกว่าเดินเป็นเพื่อน มิสู้บอกว่าเป็นการประกบจะถูกต้องมากกว่า เนื่องจากการมาของหลี่ชิเย่นั้นกะทันหันมาก อีกทั้งยังเดินเข้าไปภายในหมู่บ้านของพวกเขา ทำให้นางไม่อาจไม่ระมัดระวังตัวขึ้นมา ถ้าหากหลี่ชิเย่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งยังพอว่า แต่ หลี่ชิเย่กลับเป็นผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งเสียนี่
แต่ว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้เถาถิงรู้สึกวางใจก็คือ หมู่บ้านเถาของพวกเขาเป็นเพียงหมู่บ้านชนบทเล็กๆ เท่านั้นเอง ไม่มีสิ่งใดคู่ควรให้บุคคลภายนอกต้องมาสอดแนม
“ใครเป็นคนสอน ’เคล็ดวิชาเหล่าราชัน’ ให้กับเจ้า?” ขณะที่หลี่ชิเย่เก้าเดินอยู่ในถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านชนบท ได้เอ่ยถามตามอารมณ์กับเถาถิงที่เดินอยู่ข้างกายขึ้นมา
“อาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นผู้สอน” เถาถิงตอบด้วยท่าทีที่ระมัดระวังอย่างยิ่ง และสงวนท่าทียิ่งนัก แน่นอน นางไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรที่หลี่ชิเย่รู้จัก ’เคล็ดวิชาเหล่าราชัน’ เนื่องจากผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าเป็นจำนวนมากต่างก็รู้จัก ’เคล็ดวิชาเหล่าราชัน’ กันทั้งนั้น
เนื่องจาก ’เคล็ดวิชาเหล่าราชัน’ คือหนึ่งในสามเคล็ดวิชาสำคัญ เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชากำลังภายในที่แพร่หลายมากที่สุดในหล้า กระทั่งมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนมากก็เป็น
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนคนใดในทวีปเจียวเหิงโจวก็ตาม พลันที่ได้ยินชื่อของ “สถาบันศึกษาเทพเจ้า” ก็ต้องรู้สึกเย็นวาบในใจ กระทั่งลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพเลื่อมใสศรัทธา เนื่องจากสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปเจียวเหิงโจวอย่างยิ่ง กระทั่งในสิบสามทวีป ชื่อของ “สถาบันศึกษาเทพเจ้า” ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเช่นกัน
เถาถิงนั้นให้ความสนใจในท่าทีของหลี่ชิเย่อย่างยิ่ง มันทำให้ภายในใจของเถาถิง รู้สึกเย็นวาบ เมื่อท่าทีของหลี่ชิเย่ที่มีต่อ “สถาบันศึกษาเทพเจ้า” นั้นสงบนิ่งมาก เนื่องจากในทวีปเจียวเหิงโจวขอเพียงคนผู้นั้นเป็นผู้บำเพ็ญตน ต่อให้เป็นเจ้าทึ่มคนหนึ่งก็ต้องเคยได้ยินชื่อของ “สถาบันศึกษาเทพเจ้า” แต่ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่กลับเรียบเฉยมาก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเหลือเกิน
“สอนได้ธรรมดามาก ไม่ได้เข้าถึงแก่นของ ’เคล็ดวิชาเหล่าราชัน’” หลี่ชิเย่ออกปากวิจารณ์ไปตามอารมณ์
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาเถาถิงรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวกขึ้นมา นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ถ้าหากมีผู้อื่นอยู่ในเหตุการณ์ด้วยและได้ยินคำพูดเช่นนี้ ต้องเข้าใจว่าหลี่ชิเย่นั้นไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแน่นอน
สถาบันศึกษาเทพเจ้าดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด เป็นสถานบันการศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในหล้า กล่าวได้ว่า ยากจะหาสิ่งใดเฉกเช่นสถาบันศึกษาเทพเจ้านี้ในโลกมนุษย์ได้อีกแล้ว
หลังจากที่ราชันเซียนเฟยได้ก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมาแล้ว ก็ได้วางรากฐานของมันเอาไว้อย่างมั่นคง เป็นการมอบความไม่ธรรมดาให้กับมัน ขณะราชันเซียนเฟยได้ก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมานั้น ราชันสวรรค์จงหนันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในขณะนั้นก็ได้มาอวยพรด้วยตนเอง
เรียกได้ว่า การก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมาของราชันเซียนเฟยในครั้งนั้น ไม่มีใครผู้ใดกล้าไปก่อกวน ซึ่งทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้รับการวางรากฐานให้มีฐานะที่ไม่อาจสั่นคลอนได้เอาไว้ ในยุคหลัง สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้เคยมีราชันเซียนจากเก้าแดนแต่ละองค์เดินทางมาเป็นแขก และสถาบันศึกษาเทพเจ้าเองก็เคยให้กำเนิดระดับจอมเทพจำนวนนับไม่ถ้วน และยังเคยให้กำเนิดระดับเซียนหวังแต่ละองค์อีกด้วย
กล่าวสำหรับ ผู้บำเพ็ญตนของทวีปเจียวเหิงโจวแล้ว โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนผู้มีชาติกำเนิดเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาด้วยแล้ว หากสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้านับเป็นเกียรติยศสูงสุดอย่างหนึ่ง สำหรับบรรดาผู้ที่เป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีผู้อ่อนด้อยแม้แต่คนเดียว ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะสามารถสยบพื้นที่แถบหนึ่งได้ทั้งสิ้น
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับหาญกล้าวิพากวิจารณ์ผู้เป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ถ้าหากบุคคลภายนอกได้ยินหละก็ ต้องเข้าใจว่าหลี่ชิเย่นั้นเสียสติไปแล้ว นี่เป็นการลบหลู่ต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างยิ่ง ในทวีปเจียวเหิงโจวใครบังอาจไม่ให้ความเคารพต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นการอวดดีมากเหลือเกิน
เถาถิงไม่ได้แสดงความโกรธขึ้นมาขณะหลี่ชิเย่พูดคำพูดออกมาเช่นนี้ เพียงแค่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ความคิดร้อยพันผุดขึ้นกลางใจของนาง
ขณะที่หลี่ชิเย่ และเถาถิงก้าวเดินบนถนนเล็กๆ ภายในหมู่บ้านชนบท ได้กลายเป็นจุดสนใจที่บรรดาชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชนบทต่างทยอยหันมาจ้องมองพวกเขา เนื่องจากหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ของพวกเขามีบุคคลภายนอกมาเยือนน้อยมาก เวลานี้จู่ๆ มีหลี่ชิเย่ที่เป็นคนแปลกหน้าโผล่ขึ้นมากะทันหัน จะไม่ให้ชาวบ้านให้ความสนใจได้อย่างไรกัน แต่ว่า เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่เดินมาด้วยกันกับเถาถิงแล้ว ทำให้ชาวบ้านรู้สึกวางใจได้อีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...