ทั่วทั้งชิงโจวตกอยู่ในความเงียบสงัดหลังจากศึกสะเทือนฟ้าผ่านไป ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงชั่วข้ามคืน แคว้นเจ้าลัทธิในชิงโจวจำนวนมากทยอยกันประกาศปิดสำนัก จำนวนนั้นรวมทั้งสายสำนักราชันเซียนอยู่ด้วย
มีบรรพบุรุษที่เคยแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมเตือนศิษย์ภายในสำนักของตน ห้ามออกไปก่อเรื่องก่อราวนอกสำนัก ระหว่างห้วงเวลาที่ไม่ปรกติเช่นนี้ กระทั่งมีแคว้นเจ้าลัทธิถึงกับตัดขาดการติดต่อระหว่างกันกับบุคคลภายนอกทั้งสิ้น ยิ่งไม่อนุญาตให้ศิษย์ภายในสำนักก้าวออกจากสำนักแม้เพียงครึ่งก้าว เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปก่อเรื่องอะไรขึ้นมา
สภาพของชิงโจวดูวิเวกวังเวงหลังจากการศึกผ่านไป เดิมการได้เป็นราชันสวรรค์ของจินเก๋อนั้นเป็นเรื่องที่คึกครื้นยิ่ง แต่มาวันนี้ ไม่มีใครไปพูดถึงเรื่องที่จินเก๋อได้เป็นจอมราชันแต่อย่างใด
การศึกที่ไกลกันดารสร้างความสะเทือนหวั่นไหวไปทั่วชิงโจว แม้จะกล่าวว่านอกจากระดับจอมราชันเซียนหวังแล้ว ยอดฝีมือของชิงโจวล้วนแล้วแต่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ด้วยตาของตนเอง แต่พลังระดับทำลายล้างโลกที่สั่นสะเทือนเช่นนี้ บรรดายอดฝีมือยังสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ขณะที่ผู้มีทักษะอ่อนยิ่งไม่รู้เลยว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่กลับถูกสยบด้วยพลังเช่นนี้
หลังจากการต่อสู้แล้ว ยอดฝีมือต่างปิดปากตัวเองไม่กล้าไปวิจารณ์เรื่องนี้มากนัก ขณะที่ผู้อ่อนด้อยไม่สามารถรับรู้ถึงความเป็นไปของเรื่องราว ได้แต่ฟังจากผู้อื่นว่าอย่าได้เอ่ยถึงมากนัก
ดังนั้น หลังจากศึกครั้งนี้แล้ว ส่งผลให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของชิงโจวจำนวนนับไม่ถ้วนต้องนิ่งเงียบ ต่อให้มีผู้เยาว์ต้องการจะรู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวันนั้นกันแน่ แต่ผู้อาวุโสภายในสำนักต่างปิดปากเงียบ กระทั่งกล่าวเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า อย่าคิดไปวิพากวิจารณ์ หากพลาดพลั้งอะไรขึ้น จะนำมาซึ่งภัยสำนักถูกทำลายล้างได้
แม้ว่าหลังจากการศึกในครั้งนี้ส่งผลให้ชิงโจวเงียบสงัดขึ้น แต่ก็เป็นประโยชน์สำหรับบรรดาสำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากที่ปิดสำนัก เนื่องจากบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ล้วนแล้วแต่ถูกสั่งห้ามให้อยู่แต่ภายในสำนัก ทำให้พวกเขาขยันหมั่นฝึกปรือกัน หลังจากผ่านไปเพียงชั่วระยะสั้นๆ ไม่กีปี ทำให้มีผู้มีฝีมือเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
หลังการศึกในคราวนี้แล้ว หลี่ชิเย่ได้ไปจากชิงโจว ภายใต้การร่วมมือของพวกราชันสวรรค์จ้านหวังและเซียนหวังฉีหลิน ทำการเปิดประตูบานเล็กที่ผ่านไปยังทวีปเจียวเหิงโจว ทำให้หลี่ชิเย่ข้ามไปยังทวีปเจียวเหิงโจวได้อย่างสะดวกจากประตูบานเล็กดังกล่าว
หลี่ชิเย่ย่อมมีเหตุผลกับการเดินทางไปที่ทวีปเจียวเหิงโจว นอกจากต้องการสมทบกับพวกราชันทักษิณที่มาจากเก้าแดนแล้ว ขณะเดียวกันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องไปทำ
ทวีปเจียวเหิงโจวคือหนึ่งในสิบสามทวีป และเป็นที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์ ในบรรดาสิบสามทวีปต้องนับว่าทวีปเจียวเหิงโจวมีประชาชนของร้อยชาติพันธุ์อาศัยอยู่มากที่สุด ทั้งยังเป็นที่ที่ร้อยชาติพันธุ์ลงหลักปักฐานมายาวนานที่สุด
ร้อยชาติพันธุ์ในทวีปเจียวเหิงโจวมีความเข้มแข็งและเกรียงไกรยิ่ง ตรงกันข้าม เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าดูจะอ่อนด้อยกว่าไม่น้อยทีเดียว
การที่ร้อยชาติพันธุ์มีความเข้มแข็งและเกรียงไกรยิ่งใหญ่ได้เหมือนเช่นทุกวันนี้ นอกจากความพยายามของปรัชญาเมธีแต่ละรุ่นแล้ว ผลงานยอดเยี่ยมที่สุดเป็นของราชันเซียนเจียวเหิง
ครั้งนั้น ราชันเซียนเจียวเหิงกระทำการโดยพละการ อาศัยกำลังบังคับเปลี่ยนชื่อทวีปไป๋โจวเป็นทวีปเจียวเหิงโจว ขณะเดียวกันประกาศให้ร้อยชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในทวีปเจียวเหิงโจวทั้งหมดหลุดพ้นจากการปกครองของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า เป็นการวางรากฐานด้านฐานะให้กับร้อยชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในทวีปเจียวเหิงโจวนับจากนั้นเป็นต้นมา
ดังนั้น ประชาชนร้อยชาติพันธุ์ของทวีปเจียวเหิงโจวล้วนจารึกชื่อของราชันเซียนเจียวเหิงอยู่ในใจ ชื่อของราชันเซียนเจียวเหิงถูกยกย่องสรรเสริญทุกยุคทุกสมัยตลอดมา
หลังจากที่หลี่ชิเย่มาถึงทวีปเจียวเหิงโจวแล้ว ไม่ได้สมทบกับพวกของราชันทักษิณในทันที เขาได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ มีต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่สูงเสียดฟ้า สัตว์ป่าและเหล่าวิหคน้ำพุน้ำตกมีให้เห็นทั่วไป
แม้จะกล่าวว่าเทือกเขาบริเวณนี้มีหมู่บ้านตั้งอยู่กระจัดกระจาย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่คือมีผู้คนอาศัยอยู่น้อยมาก แม้ว่าท่ามกลางภูเขาที่สูงเสียดฟ้าจะมีหมู่บ้านตั้งอยู่ แต่ก็เป็นเพียงหมู่บ้านขนาดเล็กเท่านั้นเอง
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่หลังพิงผนังท่ามกลางภูเขาที่สูงเสียดฟ้านี้ มองไปยังภูเขาเขียวขจีที่ขึ้นลงสลับ และหมู่บ้านเล็กๆ ที่มองเห็นควันจากปล่องควันที่ลอยม้วนตัวขึ้นมาที่อยู่ห่างไกลออกไป
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่นั่งอยู่บนยอดเขาที่สูงทะลุเมฆาแห่งหนึ่ง ภูเขาลูกนี้มีลักษณะตั้งตรง รอบๆ ภูเขาล้วนแล้วแต่เป็นหน้าผาที่สูงชัน มนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถปีนขึ้นมาได้อยู่แล้ว
ด้วยยอดเขาที่มีหน้าผาสูงชันทุกด้านเช่นนี้ บนยอดเขากลับมีการปักป้ายหน้าหลุมศพแต่ละป้ายเอาไว้ ทุกๆ ป้ายก็จะมีตัวอักษรเป็นชื่อเขียนเอาไว้ไม่กี่ตัว นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย
บนยอดเขาแห่งนี้มีหลุมฝังศพอยู่เป็นร้อย ทุกๆ หลุมฝังศพล้วนแล้วแต่ธรรมดามากไม่มีการตกแต่งประดับประดาใดๆ กระทั่งเรียกได้ว่าง่ายๆ และทำการลวกๆ
หลุมฝังศพเหล่านี้จะหันหน้ามองไกลไปยังหมู่บ้านที่มีภูเขาเขียวขจีขึ้นลงสลับ และควันจากปล่องควันที่ลอยม้วนตัวขึ้นมา ด้านหลังอิงแอบกับผนังของภูเขาลูกนี้ สุสานหลุมฝังศพแต่ละหลุมเหล่านี้ไม่เคยมีใครมาไหว้ แต่กลับไม่ค่อยมีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมสักเท่าไร มีเพียงต้นหญ้าสีเขียวที่โผล่หัวออกมารับลมจากรอยแยกของหินเป็นกระหย่อมๆ เท่านั้น
หลี่ชิเย่นำสุราเลิศรสพรมไปกับพื้นดิน จากนั้นหันหลังให้กับผนังภูเขา มองไกลไปที่ที่ห่างไกลออกไป ดื่มสุราเลิศรสที่อยู่ในไหไปพลางหยุดดื่มพลาง
“ความจริงแล้ว การมองดูพระอาทิตย์ในยามเย็นค่อยๆ ลับตาไป ห้อมล้อมด้วยลูกหลานเต็มบ้านจนแก่ตายไปก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้าย เหมือนดั่งเช่นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาพูดเอาไว้อย่างนั้นว่าพรั่งพร้อมด้วยความสุขและอายุยืน ชีวิตนี้ก็นับว่าไม่เสียใจอีกแล้ว” หลี่ชิเย่จิบสุราเลิศรส มองดูควันจากปล่องควันที่ลอยขึ้นมา ถึงกับยิ้มกล่าวเฉยเมยขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...