ปีการศึกษาใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว นักศึกษาจำนวนไม่น้อยทยอยกันกลับมายังสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้สถานศึกษาที่เงียบเหงามาได้พักใหญ่กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน จากการมาถึงของบรรดาผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนบางส่วน ก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นได้ไม่น้อย จะอย่างไรเสีย ผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน หรือแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ จำนวนมากหลังจากกลับมาแล้ว พวกเขาต่างมือเติบมอบสิ่งของดีๆ จำนวนไม่น้อยให้กับเพื่อนร่วมชั้นเรียน
สิ่งนี้ก็คือหนึ่งในวัตถุประสงค์ของผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน หรือแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ ที่ต้องการมาศึกษาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าแห่งนี้ คบหามิตรสหายทั่วหล้า เพื่อวางรากฐานให้กับเส้นทางก้าวเดินของตนในอนาคต
เสียงแว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่นักศึกษาจำนวนมากกำลังพากันกลับมา ทันใดนั้น บนท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันปรากฎเส้นทางสายหนึ่งพาดผ่านมา ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามา
ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้ก้าวเท้าเข้ามา เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ ทุกย่างก้าวเป็นไปตามปรารถนา แม้ว่าเขาจะทำไปตามอารมณ์ยิ่งนัก แต่ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่แก่ผู้คน เหมือนว่าเขาคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งที่กั้นขวางระหว่างฟ้าดิน ทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้
“กู่กัวกลับมาแล้ว…” ไม่รู้ว่าเสียงของใครที่ร้องออกมา น้ำเสียงรู้สึกเหมือนถูกทำให้หวั่นไหว เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว
“การกลับมาของราชันทักษิณ นับว่าหยิ่งทระนงตนมาก ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ได้ข่าวมาว่าเขาได้ไปผจญภัยยังแดนอาถรรพ์มาแล้ว” นักศึกษาที่มีทักษะแข็งแกร่งต่างก็ได้แต่ยอมสยบเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว
“เกรงว่าเขาคงใกล้จะสำเร็จการศึกษาแล้วหละ เคยมีอาจารย์เล่าว่า เขาอาศัยเรียนเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถสำเร็จการศึกษาแล้ว พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมในหล้า ไม่สามารถหาผู้ใดทัดเทียมได้ในหล้าแล้วกระมัง” มีนักศึกษาหญิงที่นัยน์ตาทั้งสองมองเห็นดอกเหมยผุดขึ้นมา ถึงกับประทับใจยิ่งนัก
อาจกล่าวได้ว่าราชันทักษิณกู่กัวคือผู้ที่มีอิทธิพลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ความโดดเด่นของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้ อีกทั้งยังแซงล้ำหน้าเหรินเซิ่นที่เป็นรุ่นพี่รุ่นก่อนหน้าของเขา!
น้อยคนนักที่จะรู้ถึงประวัติความเป็นมาของราชันทักษิณกู่กัว มีคนบอกว่าเขามาจากเขาไผ่ประหลาดที่เป็นหนึ่งสำนักหกราชัน และก็มีคนบอกว่าเขามีประวัติความเป็นมาเป็นอื่น
สรุปก็คือ ในเทอมที่แล้วขณะที่กู่กัวเพิ่งจะเข้าเรียนในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขาก็ได้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษ ทั้งยังเป็นนักศึกษาเพียงคนเดียวในเวลานี้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
สถาบันศึกษาเทพเจ้าประกอบด้วยระดับชั้นเรียนห้าระดับ คือ มหาบุรุษ จวนราชัน หอศักดิ์สิทธิ์ ศตาคาร และเรือนตำรา
ขณะที่ชั้นมหาบุรุษคือชั้นเรียนสูงสุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ละยุคสมัยที่ผ่านมายากจะมีผู้ใดสามารถเข้าเรียนได้ ในหนึ่งยุคชั้นมหาบุรุษหากจะมีนักศึกษาสักคนก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
ยกตัวอย่างเหรินเซิ่นในรุ่นก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งแล้วสิ มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม มีสายเลือดที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่า เขายังคงไม่สามารถเข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษได้
เล่าลือกันว่า ชั้นเรียนมหาบุรุษจะบ่มฟักเฉพาะเซียนหวังระดับสูงสุดและเทพโบราณเท่านั้น ดังนั้นชั้นเรียนมหาบุรุษจึงมีมาตรฐานที่โหดร้ายอย่างยิ่ง ผู้ที่สามารถเข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษได้ ความสำเร็จในชีวิตของเขารับรองว่าจะต้องสะเทือนหวั่นไหวในหล้าอย่างแน่นอน
เป็นต้นว่าลิ่วเต้าเหรินหวังก็เคยร่ำเรียนอยู่ที่ชั้นเรียนมหาบุรุษมาก่อน ดังนั้น เข้าจึงได้สร้างผลงานที่สูงสุดเอาไว้!
แม้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่เคยให้การยอมรับว่าชั้นเรียนมหาบุรุษเป็นชั้นเรียนที่มีไว้เพื่อบ่มเพาะเซียนหวังระดับสูงสุดและเทพโบราณเท่านั้น แต่ภายในใจของทุกคนต่างยอมรับโดยปริยาย หากสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษ ต่อให้ไม่ได้เป็นเทพโบราณ ไม่ได้เป็นเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด ความสำเร็จชั่วชีวิตของบุคคลผู้นั้นก็เป็นที่หวั่นไหวยิ่งนัก นักศึกษาที่สำเร็จออกมาจากชั้นเรียนมหาบุรุษอาจกล่าวได้ว่า เซียนหวังและจอมเทพเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นเอง
เมื่อกู่กัวสมัครเข้าศึกษาในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็ถูกจัดให้เข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษทันที สร้างคือฮือฮาขึ้นมาได้มากทีเดียว ที่ฮือฮามากไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่ผู้อำนวยการคนก่อนที่เก็บตัวไปนานแล้วยังเข้ามาที่ชั้นเรียนมหาบุรุษเป็นอาจารย์ของกู่กัว เพื่อถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรและวิชาความรู้ด้วยตนเอง
เรียกได้ว่ากู่กัวได้รับการปฏิบัติดูแลที่สร้างความฮือฮาอย่างยิ่ง แน่นอนก็มีผู้ที่รู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ไม่น้อย สมควรทราบว่า เหรินเซิ่นในรุ่นก่อนหน้าก็ไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้ เหรินเซิ่นในครั้งนั้นได้เข้าเรียนในชั้นจวนราชันเท่านั้นเอง
ดังนั้น เมื่อกู่กัวได้เข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษ ผู้คนจำนวนมากจึงคาดคเนว่ากู่กัวจะต้องได้เป็นเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด ความสำเร็จของเขากระทั่งสูงกว่าเหรินเซิ่นด้วยซ้ำ
ดังนั้น เมื่อกู่กัวเรียกตัวเองว่า “ราชันทักษิณ” นั้น ผู้คนจำนวนมากต่างยอมรับฉายาเช่นนี้ของเขาโดยดุษฎี
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างมองว่านี่เป็นวิธีการที่อันธพาลยิ่ง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่ทันได้สำเร็จเป็นจอมราชันหรือเซียนหวังก็ทำการตั้งฉายาราชันให้กับตนเองก่อน ขณะที่กู่กัวเรียกตัวเองว่าราชันทักษิณ ช่างเป็นความมั่นใจอะไรขนาดนั้น!
แน่นอน นักศึกษาบางคนที่ศรัทธาในตัวของเหรินเซิ่นมาตั้งแต่อดีตแล้ว ภายในใจของพวกเขาย่อมอิจฉาริษยาและต่อต้านกู่กัวอยู่แล้ว ในใจของพวกเขามีเพียงเหรินเซิ่นเท่านั้นที่เป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้น พวกเขาย่อมอดที่จะเยาะเย้ยในใจ พวกเขารอที่จะหัวเราะเยาะกู่กัวอยู่
ถ้าหากสักวันกู่กัวไม่สามารถกลายเป็นเซียนหวังได้ และหรือเป็นเซียนหวังแล้วแต่ผลงานความสำเร็จเทียบไม่ได้กับเหรินเซิ่นหละก็ นั่นแหละจะกลายเป็นเรื่องที่น่าขันมากที่สุด!
แน่นอน ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ากู่กัวยังคงได้รับความนิยมและชื่อเสียงที่สูงมาก จะอย่างไรเสียศักยภาพของเขาเห็นๆ กันอยู่ ทั่วทั้งสถานศึกษาคงไม่มีนักศึกษาคนใดสามารถต่อกรกับเขาได้ เขามีความแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ในสถานศึกษาแห่งนี้ผู้ที่สามารถมีสิทธิ์ศึกษาและวัดฝีมือกับเขาได้ก็คงมีเพียงผู้เป็นอาจารย์ของสถานศึกษาเท่านั้น ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆ ไม่มีคุณสมบัติเพียงพออยู่แล้ว!
หลังจากที่กู่กัวมาถึงแล้วก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่ปากทางเข้าสำนัก ก้าวเท้าเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าทันที และหายไปท่ามกลางขุนเขาในชั่วพริบตา
“รุ่นพี่กู่กัวต้องได้เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอย่างแน่นอน” มีนักศึกษาสาวสวยน่าประทับใจมองดูร่างเงาของกู่กัวที่หายไป กล่าวด้วยความรู้สึกประหนึ่งมัวเมาและปัญญาอ่อน
“ก็ไม่แน่เสมอไปนะ กู่กัวเกิดไม่ถูกเวลานะเนี่ย เวลานี้ยุคสมัยพวกเราได้ให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังถึงสามองค์แล้ว เขาคิดจะกลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย ดูจะมีแรงกดดันมากเหลือเกิน” มีนักศึกษาชายอดที่จะกล่าวด้วยความอิจฉาริษยาออกมาไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...