ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2004

ภูเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูง ทะเลไม่ได้ขึ้นอยู่กับความลึก มีสัจธรรม ย่อมมีความชัดเจนในทุกสิ่ง

ภายในเรือนตำรามียอดเขาอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นยังมีแม้น้ำสายใหญ่แต่ละสายที่คดเคี้ยวไปมา พื้นที่ที่เป็นเรือนตำราเรียกได้ว่างดงามยิ่งนัก และเป็นที่ประทับใจของผู้คน

ในสายตาของผู้คนจำนวนมากมองว่า แม้ว่าเรือนตำราจะเก็บรวบรวมตำราเอาไว้เป็นล้านล้านเล่ม แต่ว่าล้วนแล้วแต่เป็นตำราอ่านเล่นทั้งสิ้นปราศจากประโยชน์อันใด แน่นอนที่สุด ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกมนุษย์ปุถุชนธรรมดา

ผู้ที่รู้แจ้งถึงความลึกซึ้งพิสดารของเรือนตำราไม่ได้คิดเช่นนี้ เนื่องจากภายในเรือนตำรายังคงเก็บซ่อนเคล็ดวิชาลับที่สะเทือนฟ้าเอาไว้ ที่ตรงนี้ได้เก็บซ่อนสิ่งที่บุคคลภายนอกไม่สามารถจินตนาการได้ อาณาจักรเช่นนี้มีเพียงจอมราชันเซียนหวังระดับสูงเท่านั้นที่เข้าใจ

ภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่งที่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น อีกทั้งภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้มีแต่หินล้วนๆ ต้นไม้ใบหญ้ามีอยู่ไม่มาก ขึ้นมาเพียงหรอมแหรมเท่านั้น อีกด้านหนึ่งของภูเขาลูกนี้เป็นหน้าผา

หากจะพูดให้ถูกต้องกว่านี้ ต้องบอกว่าเป็นหินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นที่นั่น ลักษณะของหินเป็นสีเทาลายจุด พื้นผิวของหินหยาบมาก เมื่อสัมผัสด้วยมือยังสามารถลวกมือได้ เหมือนถูกเม็ดฝนที่สาดซัดลงไปแล้วทำให้เกิดเป็นหลุมเป็นบ่อเล็ก ๆ ขึ้นมาอย่างนั้น

หลี่ชิเย่นั่งอยู่บนก้อนหินที่อยู่ไม่ห่างไกลจากภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้นั่นเอง จ้องมองดูภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงง ทำการศึกษาพินิจพิเคราะห์หินขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่กับภูเขาเตี้ยๆ ลูกนั้น

หลี่ชิเย่นั่งอยู่ที่ตรงนั้นตั้งแต่เช้า จ้องมองไปยังภูเขาเตี้ยๆ ลูกนั้นอยู่ตลอดเวลาจนเหม่อ ทั้งยังควักเอาหนังคนผืนนั้นจากอกมาพิจารณาดูอย่างละเอียดบ่อยๆ ใช้ฝ่ามือไปลูปคลำอย่างละเอียด ทำการศึกษาหนังคนผืนนี้อย่างจริงจัง

หนังคนผืนนี้ได้มาจากมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเคยอาศัยหนังคนผืนนี้เพื่อรักษาชีวิต ซึ่งในขณะนั้นแม้แต่จอมราชันเซียนหวังยี่สิบคนร่วมมือกันยังทะลุผ่านหนังคนผืนนี้ไปไม่ได้ เรียกได้ว่าหนังคนผืนนี้ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง และมีความน่ากลัวยิ่งนัก

หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับหนังคนผืนนี้และทำการศึกษาอย่างละเอียดแล้ว จึงทำให้เขาตัดสินใจมาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า

หนังคนผืนนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก โดยที่หนังคนผืนนี้ดูไปแล้วอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ดูจากหนังคนผืนนี้แล้วเหมือนว่าเป็นการลอกมาจากตัวคนๆ ใดคนหนึ่ง และหรือคนผู้หนึ่งมีการลอกคราบของตนเองออกมา

สรุปก็คือ ดูจากหนังคนผืนนี้แล้ว คนผู้นี้น่าจะมีรูปร่างที่ไม่กำยำสูงใหญ่อะไรนัก อีกทั้งเมื่อมีการพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่สามารถบ่งบอกว่าหนังคนผืนนี้มีสิ่งใดที่แตกต่างเป็นพิเศษ หรือว่ามีอะไรที่ดูล้ำค่าตรงไหน

ถ้าหากว่าหนังคนผืนนี้ไม่ใช่ได้มาจากมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหละก็ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากไม่เชื่อว่าหนังคนผืนนี้สามารถต้านรับการโจมตีร่วมกันจากจอมราชันเซียนหวังถึงยี่สิบองค์ได้กระมัง

ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ไม่สามารถรู้ถึงประวัติความเป็นมาของหนังคนผืนนี้ ความจริงแล้ว ในโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ถึงประวัติความเป็นมาของหนังคนที่แท้จริงผืนนี้ ต่อให้พวกหลี่ชิเย่ และบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพวกเขาก็รู้แค่เคร่าๆ เท่านั้นเอง ไม่สามารถยืนยันได้ทั้งหมด เนื่องจากข้างในนั้นเกี่ยวพันถึงความลับที่สะเทือนฟ้ามากมายเหลือเกิน

หลี่ชิเย่ล่วงรู้ตำนานบางอย่างเกี่ยวกับหนังคนผืนนี้ ซึ่งตำนานเหล่านี้ไม่สามารถค้นได้จากบันทึก เรียกได้ว่ามีเพียงผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นหลี่ชิเย่ และบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยซึ่งเคยสืบค้นและหาอ่านจากบันทึกของยุคสมัยไม่สมประกอบที่ยังหลงเหลืออยู่มาไม่น้อย จึงรับรู้ถึงความลับที่สะเทือนฟ้าภายในบางส่วน

ต่อให้เคยมีบันทึกอยู่ในยุคสมัยไม่สมประกอบที่ยังหลงเหลืออยู่ มันก็แค่กล่าวถึงเพียงไม่กี่คำเท่านั้นเอง ไม่ได้กล่าวถึงอย่างลึกซึ้ง บางทีนับแต่อดีตเป็นต้นมาก็ไม่มีใครรับรู้ถึงรายละเอียดความลึกซึ้งพิสดารที่แท้จริงด้านใน

“โลกนี้ไม่มีเซียน บางทีอาจเคยมีผู้ที่ใกล้เคียงกับเซียนกระมัง” หลี่ชิเย่ลูบไล้หนังคนผืนนี้ที่อยู่บนตักแล้วถึงกับพึมพำออกมา

ปัญหาข้อนี้มีคนถามกันมากมายเหลือเกิน โลกนี้มีเซียนหรือไม่? เป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ แม้แต่จอมราชันเซียนหวังก็ให้คำตอบไม่ได้ ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกนี้คงไม่มีใครเกินจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายแล้ว ดั่งเช่นพวกของราชันซื่อตี้

แต่ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งปานใดก็ตาม พวกเขายังคงไม่ใช่เซียน ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงมีผู้คนจำนวนมากเห็นว่าในโลกนี้ไม่มีเซียน หากจะมี มันก็แค่เซียนจอมปลอมเท่านั้นเอง

แต่ทว่า จากการปรากฏขึ้นของหนังคนผืนนี้ กลับทำลายอะไรบางอย่าง แม้ว่าในอดีตหลี่ชิเย่จะเคยรู้ถึงตำนานเรื่องนี้ แต่กลับไม่เคยเห็นกับตาของตน เวลานี้หนังคนผืนนี้ได้อยู่ในมือของเขาแล้ว เป็นอีกครั้งที่ทำให้หลี่ชิเย่ตกอยู่กับการครุ่นคิด ซึ่งทำให้เขานึกถึงตำนานที่เก่าแก่ยิ่งกว่านั้นอีก

“บางที ข้างในอาจยังมีทางอยู่” หลังจากหลี่ชิเย่เก็บหนังคนที่อยู่ในมือเรียบร้อยแล้ว ถึงกับจ้องมองดูภูเขาเตี้ยๆ ลูกที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง พึมพำออกมาว่า “โลกที่ไม่น่าจะคงอยู่ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ทว่า แล้วจะมีใครรู้ว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ กันเล่า โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่มองดูภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้ที่อยู่ตรงหน้าจนเหม่อลอย ภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้ได้ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างแรง เหมือนว่าบนโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดน่าหลงใหลมากกว่ามันอีกแล้ว ไม่มีสิ่งใดสามารถดึงดูดผู้คนได้มากไปกว่ามันอีกแล้ว

สถาบันศึกษาเทพเจ้าสร้างขึ้นโดยราชันเซียนเฟย อีกทั้งในขณะก่อสร้างมีราชันเทพจงหนานเป็นผู้ให้การสนับสนุน ลองนึกภาพดู เฉกเช่นสำนักอย่างสถาบันศึกษาเทพเจ้าขณะที่มีการก่อสร้างนั้น ต้องผ่านการคัดเลือกมากน้อยเท่าไร

กล่าวได้ว่า ในขณะที่ราชันเซียนเฟยทำการก่อสร้างสถาบันศึกษาเทพเจ้านั้น ไม่เพียงแต่ราชันเทพจงหนานที่มีฐานะสูงสุดในสิบสามทวีปเท่านั้น แม้แต่ราชันเซียนเฟยเองก็มีฐานะที่สูงมากท่ามกลางเหล่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหลาย

ถึงแม้ว่าเย่ซินเสวี่ยไม่สามารถมองรู้ถึงความลึกลับจากภูเขาเตี้ยๆ ลูกนี้ก็ตาม แต่ว่านางยังคงมีความอดทนในการรอคอย นางรอคอยอยู่ข้างๆ รอคอยการได้สติกลับมาของหลี่ชิเย่

ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ตก วันเวลาผ่านไปวันๆ ในที่สุดหลี่ชิเย่ร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ยามที่เข้าฟื้นตื่นขึ้นมาในทันทีนั้น ตัวเขาที่เสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นหินไปแล้วนั้นถึงกับได้ยินเสียงดังซ่าาา ซ่าาาสลัดเอาฝุ่นผงออกจากตัวไปไม่น้อย

“นี่มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้นะเนี่ย” หลี่ชิเย่ถึงกับพึมพำออกมาหลังจากได้สติกลับมาแล้ว ในขณะนี้ดวงตาคู่นั้นของเขากลับกลายเป็นลึกล้ำมา พึมพำออกมาว่า “ตาเฒ่าในครั้งนั้นก็บรรลุเหมือนกันนะเนี่ย มิน่าเล่า เขาจึงได้พูดว่าได้บอกข้าไปแล้ว”

หลังจากที่หลี่ชิเย่สำนึกแล้วถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ทำให้เขานึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง

ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่กลับกลายเป็นลึกล้ำ พึมพำว่า “บางทีอาจได้เวลาที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว คนที่มีสมบัติสวรรค์ในครอบครองนับว่ายอดเยี่ยมโดยแท้ แต่ว่า โลกนี้ก็ใช่ว่าจะมีสมบัติสวรรค์เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เรื่องราวบนโลกมักยากที่จะคาดการณ์ได้เสมอๆ!”

หลี่ชิเย่รู้สึกสบายอกสบายใจ การเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคราวนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เรียกว่าได้รับดอกผลมากเหลือเกิน สิ่งนี้ทำให้เขาได้เปิดประตูออกมาได้บานหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ในอดีตก็เคยมีคนอื่นพยายามมาแล้ว

สุดท้าย หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเสียงดัง ตบมือและลุกขึ้นยืน เวลานี้นาทีนี้หลี่ชิเย่มีจิตที่เบิกบานยิ่งนัก

อาจารย์…เย่ซินเสวี่ยที่เฝ้าปรนนิบัติอยู่ข้างกายโดยตลอดได้เข้าไปหา หลังจากที่ได้เห็นหลี่ชิเย่ได้สติกลับมาในที่สุด และโค้งคารวะให้กับหลี่ชิเย่อย่างงาม

ในระหว่างที่หลี่ชิเย่กำลังเหม่อลอย นางไม่กล้ารบกวนหลี่ชิเย่ เกรงจะเป็นการรบกวนการครุ่นคิดของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับมาจากภูเขาเตี้ยๆ ลูกนั้น สายตาของเขาตกไปอยู่ที่ตัวของเย่ซินเสวี่ย มองดูเย่ซินเสวี่ยแล้วยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เจ้าคิดดีแล้ว”

เย่ซินเสวี่ยมีการเตรียมตัวมา เวลานี้นางจึงไม่ลังเลอีกต่อไป แม้ว่ายังคงมีท่าทีที่งดงามและขลาดกลัวอยู่สามส่วน แต่ท่าทีมีความมั่นคงขึ้นไม่น้อย

“ที่อาจารย์พูดมานั้นไม่ผิด” เย่ซินเสวี่ยพยักหน้าอย่างมั่นคง และกล่าวว่า “ข้าสมควรก้าวเดินออกมาได้แล้วจริงๆ เป็นความจริงที่ข้าไม่ควรหดหัวอยู่แต่ภายในป้อมปราการของตน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล