“กระเรียนขาวโบยบิน” อสุราพึมพำเบาๆ ขึ้นมาว่า “เกียรติยศนี้สมควรเป็นของอาจารย์ ที่อาจารย์มุมานะบากบั่นไม่ท้อถอยไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อโลกใบนี้ มีใครเล่าที่รับรู้ถึงการเสียสละของอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังกันเล่า ไปกลับท่ามกลางเก้าแดนและแดนที่สิบ อาศัยความเป็นความตายเข้าแลกครั้งแล้วครั้งเล่า ทรมานและขัดเกลาตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย อาจารย์จึงได้สร้างพวกเราขึ้นมา”
“เรื่องนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “ข้าแค่อยากจะทำอะไรบ้างเท่านั้นเอง จะอย่างไรเสียข้าเกิดในยุคสมัยนี้ เพียงแต่ ได้เวลาที่ให้พวกเจ้าได้ปฏิบัติงานให้ถูกต้องสมกับฐานะและชื่อเสียงของตนได้แล้ว พวกเจ้าทำตัวเงียบสงัดมายุคแล้วยุคเล่า กบดานมายุคแล้วยุคเล่า ความเสียสละของพวกเจ้าก็สมควรได้รับการตอบแทน พวกเจ้าคือผู้กล้าของเก้าแดนและแดนที่สิบ”
“ถ้าหากว่าบนโลกใบนี้พวกเราจะต้องขอบคุณใครสักคน คนๆ นั้นก็คืออาจารย์” อสุราได้เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “พวกเราไม่ได้ติดค้างโลกใบนี้ พวกเราติดค้างอาจารย์”
“ไม่ต้องแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “ครั้งนั้นพวกเจ้าไม่ด่าว่าข้าเป็นพวกชอบความรุนแรงก็นับว่าไม่เลวแล้วหละ จะอย่างไรเสียเส้นทางสายนี้ไม่ง่ายเลย ต้องผ่านการทรมานมากมายเหลือเกิน”
อสุราก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “ไม่พบกับลมฝน ไหนเลยจะได้เห็นสายรุ้ง”
“นั่นสิ นี่จะต้องเป็นพายุฝนฟ้าคะนองครั้งใหญ่ หวังว่าไม่เพียงจะอดทนผ่านพ้นมันไปได้ หลังจากลมฝนแล้วก็จะได้เห็นรุ้งกินน้ำ พายุฝนห่าใหญ่จะชะล้างสิ่งสกปรกของโลกใบนี้ ชำระล้างความมืดของโลกใบนี้ เส้นทางสายนี้มีการเสียสละของปรัชญาเมธีมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเจียวเหิง หรือว่าหมิงเหริน และหรือชิงมู่ พวกเขาก้าวเดินไปข้างหน้าไปตลอดเส้นทาง พวกเราสมควรเป็นแนวระวังหลังให้กับพวกเข้า ชนรุ่นหลังก็สมควรยืนหยัดเฝ้าปกป้องโลกใบนี้ ไม่ควรพูดว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ความมืดน่ากลัวเกินไป พวกเราก็มีข้ออ้างที่จะละทิ้งโลกใบนี้!” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“อาจารย์ยืนหยัดเฝ้าปกป้องโลกใบนี้ตลอดมาไม่เคยละทิ้งสักครั้ง ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ไม่ว่าชาวโลกจะปฏิบัติต่ออาจารย์เช่นใด อาจารย์ยังคงยืนหยัดเฝ้าปกป้องเอาไว้” อสุราเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
หลี่ชิเย่ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ไม่ เป็นพวกเจ้า ท้ายที่สุดแล้วมีสักวันที่ข้าจะต้องจากไป โลกใบนี้ยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าไปยืนหยัดปกป้อง ถ้าหากจะกล่าวว่าอนาคตใครจะมาปกป้องโลกใบนี้ เช่นนั้นแล้วก็ต้องอาศัยคนอย่างพวกเจ้า จำเป็นต้องอาศัยจอมราชันเซียนหวังอย่างพวกเจ้า จำเป็นต้องอาศัยผู้นำอย่างราชันซื่อตี้”
“เสียดาย ราชันซื่อตี้หาใช่เผ่าเดียวกับพวกเรา” อสุราถึงกับทอดถอนใจออกมา
“ราชันซื่อตี้อย่างไรก็คือราชันซื่อตี้” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และกล่าวว่า “แม้ว่าข้าเป็นศัตรูกับเขาทุกยุคทุกสมัย และเขาก็เป็นผู้ที่อยากได้หัวของข้ากว่าใครๆ แต่ว่า เมื่อต้องอยู่เบื้องหน้าความถูกต้องและไม่ถูกต้อง ราชันซื่อตี้ตื่นรู้มากกว่าใคร มีความเฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกลมากกว่าใคร บางที อาจมีสักวันที่ราชันซื่อตี้ไม่เป็นตัวของตัวเอง จะอย่างไรเสียเบื้องหลังของเขาคือตัวแทนของกลุ่มก้อนอำนาจขนาดใหญ่ที่น่ากลัวมาก แต่ทว่า หากถึงจุดวิกฤตในวันนั้นจริงๆ ขอให้เชื่อเถอะ ราชันซื่อตี้จะก้าวยืนออกมา เขาหาใช่คนที่ใจแคบคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูของข้า เขาก็ยังคงเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบ เป็นผู้นำโดยกำเนิด!”
หากว่าบุคคลภายนอกมาได้ยินคำพูดเช่นนี้เข้า จะต้องรู้สึกได้ว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ อีกาทมิฬเป็นศัตรูกับราชันซื่อตี้มาทุกชาติภพ อีกาทมิฬทำการกวาดล้างเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร เผ่าเทพสามเผ่ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ราชันซื่อตี้ก็เคยตามล่าอีกาทมิฬมาครั้งแล้วครั้งเล่า เรียกได้ว่าพวกเขาคือศัตรูคู่อาฆาต ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ระหว่างพวกเขาสองคน หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับประเมินค่าราชันซื่อตี้เสียสูงลิ่ว
“จะอย่างไรเสียราชันซื่อตี้ย่อมเป็นราชันซื่อตี้” อสุราถึงกับพึมพำขึ้นมา
หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ถ้าหากจะกล่าวว่า โลกนี้ยังมีผู้ใดที่สามารถให้ข้าไว้ใจได้หละก็ เช่นนั้นแล้วตาเฒ่าเฉี่ยนคือหนึ่งในนั้น ในอนาคตหากว่าวันหนึ่งข้าต้องจากโลกนี้ไปไกล วันที่มังกรไร้หัว หากจำเป็นหละก็สามารถร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับราชันซื่อตี้ได้!”
“ข้าเข้าใจความหมายของอาจารย์” อสุราพยักหน้าและกล่าวว่า “เขาเอาก็นับว่าเป็นบุคคลผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด แม้ว่าราชันซื่อตี้จะเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ทุกชาติภพ แต่ว่าราชันซื่อตี้คือสุภาพบุรุษคนหนึ่ง สุภาพบุรุษที่เหมาะแก่การเชื่อถือ เหมาะแก่การไปฝากฝัง โดยเฉพาะยามมหันตภัย”
หลี่ชิเย่อยู่พูดคุยสนทนากับอสุราภายในวิมานแห่งนี้นานมาก สนทนาอะไรไปมากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่จะมาถึง พวกเขายิ่งต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม นี่จะเป็นต่อสู่อย่างดุเดือดครั้งหนึ่ง ไม่เพียงเกี่ยวพันถึงสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเขาเท่านั้น กระทั่งเกี่ยวพันถึงอนาคตของร้อยชาติพันธุ์
กล่าวสำหรับร้อยชาติพันธุ์แล้ว ไม่มีสายสำนักราชันเซียนได้ ไม่มีสำนักเฉกเช่นจวนกู่หรือเขาไผ่ประหลาดเหล่านี้ได้ แต่ว่า ปราศจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้
หากสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้มลง ย่อมเป็นบ่งบอกว่าเส้นทางผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์สายนี้จากเปิดกว้างก้าวสู่การปิดกั้น ครั้งหนึ่งไม่นานนี้เอง สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทำการบ่มฟักบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถมาเท่าไร บุคคลผู้ทรงอำนาจอิทธิพลจำนวนเท่าไรที่ก้าวออกมาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า
แม้จะกล่าวว่าความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์ในวันนี้ ขาดไม่ได้เลยกับการเสียสละของราชันเซียนเจียวเหิง ราชันเซียนเฟย ราชันเซียนกู่ฉุน ราชันเซียนว่านกุ เซียนหวังอิเย่…..ที่เป็นเซียนหวังร้อยชาติพันธุ์และราชันเซียนเก้าแดนเหล่านนี้เป็นต้น แต่ทว่า หากไม่มีสถาบันศึกษาเทพเจ้า ร้อยชาติพันธุ์ก็ไม่มีวันนี้เช่นกัน เนื่องจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทำการบ่มเพาะผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนให้กับร้อยชาติพันธุ์ ทำการหว่านเมล็ดพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วนให้กับผืนแผ่นดินผืนนี้ ซึ่งทำให้ร้อยชาติพันธุ์ทั้งหมดกลายเป็นมีความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด จะอย่างไรเสียไม้ซีกย่อมยากจะค้ำยันตึกใหญ่เอาไว้ได้!
ดังนั้น กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว เพื่อรักษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ หากจำเป็นเขาจะไม่ลังเลในการจัดให้มีการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ขึ้น ทำการเข่นฆ่าจอมราชันเซียนหวังทีละคน ทำลายล้างแต่ละสายสำนักราชันเซียนทิ้งไป!
หลังจากที่หลี่ชิเย่สนทนากับอสุราอยู่เป็นเวลานานมาก สุดท้ายจึงได้ไปจากวิมานอสุรากลับไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า
เสียงแว้งค์ดังขึ้น หลี่ชิเย่ได้กลับไปถึงเรือนหลังเล็กๆ นั้นอีกครั้ง ในเวลานี้คนรับใช้เฒ่ายังคงยืนอยู่ตรงนั้น เขาก้มหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
หลี่ชิเย่พยักหน้าให้กับเขา จากนั้นก้าวเดินออกจากเรือนหลังนั้น
จี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะนี้คนรับใช้เฒ่าได้ปิดประตูไม้ลงเงียบๆ เรือนหลังเล็กดังกล่าวยังคงไร้ซุ่มเสียง เรือนหลังเล็กเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้คน
หลี่ชิเย่หันหลังกลับไปมองดูเรือนหลังเล็กอีกครั้ง หัวเราะแล้วก็ล่องลอยจากไป
การได้เดินอยู่ท่ามกลางเมืองตำรา มองเห็นคลื่นมนุษย์ที่เดินกันขวักไขว่ไปมาบนท้องถนน หลี่ชิเย่เองถึงกับทอดถอนใจออกมาบ้าง เมื่อมองเห็นเหล่านักศึกษาที่เต็มชีวิตไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวาและพลัง เคยมีนักศึกษาที่เต็มชีวิตไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวาและพลังจำนวนเท่าไรที่ก้าวออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า เพื่อเผชิญกับโลกที่เปี่ยมด้วยลมฝนใบนี้กันเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...