จะอย่างไรเสียเถาถิงก็มีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นรากหญ้า ต่อให้ภายในสถาบันแห่งนี้จะมีเพื่อนนักศึกษาที่เข้ากันได้ไม่เลวนัก แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญกับเพื่อนนักศึกษาเช่นเย่เฉี่ยวเซียงแล้ว จะมีเพื่อนนักศึกษาสักกี่คนที่กล้าแสดงตนออกมาพูดแทนเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับนางเล่า จะอย่างไรเสียเฉกเช่นผู้ยิ่งใหญ่อย่างพรรคทะยานฟ้า ไม่ว่าใครหากพานพบแล้วก็ต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ
เวลานี้หลี่ชิเย่ออกมาผดุงความยุติธรรมให้กับนาง พูดแทนเพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับนาง ทำให้เถาถิงรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดหลี่ชิเย่ได้ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่นที่นางไม่เคยมีมาก่อน เป็นความรู้สึกถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“บนเส้นทาง พบเจออุปสรรคให้ฟันฝ่าขึ้นไป” หลี่ชิเย่มองดูผู้ที่อ่อนโยนดั่งหยกแล้ว เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “บางครั้ง เรื่องบางเรื่องสมควรถ่อมตนและยินยอม บางเรื่องกลับไม่จำเป็นต้องยอมให้ทุกฝีก้าวร่ำไป คนทั่วไปยามโกรธ เลือดสาดกระเซ็นไกลถึงห้าก้าว ผู้บำเพ็ญตนล้วนแล้วแต่มีเลือดที่ร้อนแรงภายในจิตใจสายหนึ่ง ต่อให้เป็นสายสำนักราชันเซียนก็ไม่หวั่น”
เมื่อเถาถิงได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ครุ่นคิดอย่างละเอียด สุดท้ายเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่แนะนำ คำพูดของอาจารย์ข้าจะจดจำไว้มั่นอยู่ในใจ”
ตึง ตึง ตึงในขณะนี้ปรากฏเสียงระฆังดังขึ้นมาเป็นระลอก โดยที่เสียงระฆังที่ดังขึ้นเป็นระลอกดังกล่าวได้ดังไปทั่วทั้งเมืองตำรา เวลานี้ได้ดึงดูดสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้
เมื่อได้ยินเสียงระฆังเช่นนี้แล้ว เวลานี้สายตาแต่ละคู่ได้มองออกไปยังที่ที่ห่างไกล จากนั้นเมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว มีผู้ที่กล่าวขึ้นทันทีว่า “รีบไปกันเถอะ พวกเราไปแย่งตำแหน่งที่เหมาะสมกัน งานมหกรรมชิมชากำลังจะเริ่มต้นขึ้น สวนชากำลังจะเปิดแล้ว”
เวลานี้ นักศึกษาจำนวนมากภายในร้านสุราต่างทยอยกันจ่ายเงินแล้ววิ่งไปยังสถานที่ห่างไกลนั่น
“งานมหกรรมชิมชาจะเริ่มขึ้นแล้ว” ในขณะนี้เถาถิงก็ได้สติกลับมาเช่นกัน และกล่าวต่อหลี่ชิเย่
“ข้าก็จะไปเดินเที่ยวเช่นกันพอดีเลย” หลี่ชิเย่พูดขึ้นช้าๆ ว่า “เจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ บางทีอาจจะมีโอกาสและวาสนาที่ดี งานมหากรรมชิมชากล่าวสำหรับพวกเจ้าแล้ว นับว่าเป็นงานต้อนรับเปิดภาคเรียนที่ไม่เลวทีเดียว”
เถาถิงถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อถูกชวนโดยหลี่ชิเย่ นางนึกไม่ถึงเลยว่าหลี่ชิเย่จะให้การดูแลตนเองถึงเพียงนี้ เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบกล่าวตอบว่า “ตกลง ข้าก็อยากจะไปดูบ้างเหมือนกัน”
การที่หลี่ชิเย่ยินดีพาเถาถิงไปด้วยนั้น ก็เป็นเพราะเห็นแก่บรรพบุรุษของนาง จะอย่างไรเสียใช่ว่าเขาจะยินดีมอบวาสนาให้กับนายหมานายแมวอะไรก็ได้
หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากร้านสุราแล้วก็มุ่งหน้าตรงไปยังสวนชาทันที ที่ตรงนั้นกำลังจะจัดงานยิ่งใหญ่ขึ้นที่นั่น ซี่งกล่าวสำหรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วนี่เป็นงานยิ่งใหญ่ที่ไม่เลวเลย ทุกคนต่างไม่อยากจะพลาดโอกาส
แน่นอนที่สุด การแข่งขันในงานยิ่งใหญ่ภายในสวนชาก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นนักศึกษาที่คิดจะเข้าไปในสวนชา จะมากหรือน้อยก็ต้องมีการเตรียมการภายในใจ กระทั่งมีนักศึกษาบางสวนมีการรวบรวมสมัครพรรคพวก เพื่อให้ตนเองได้รับประโยชน์ท่ามกลางงานยิ่งใหญ่เช่นนี้
สวนชาตั้งอยู่ภายในเมืองตำรานั่นเอง มันถูกสร้างให้อยู่ท่ามกลางกลุ่มของขุนเขา โดยที่เมืองตำรามีพื้นที่ที่กว้างขวางยิ่งนัก ภายในเมืองมองเห็นกลุ่มภูเขาขึ้นลงสลับ และสวนชาก็ถูกสร้างเอาไว้ท่ามกลางภูเขาที่ขึ้นลงสลับนี้เอง
ณ ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นเทือกเขาแต่ละลูกที่ขึ้นลงสลับ งดงามไร้ขอบเขตจำกัด ท่ามกลางเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ ภายในป่าเขียวสามารถมองเห็นตำหนักโบราณ และศาลเจ้าเก่าแก่ โดยที่บรรดาตำหนักโบราณ และศาลเจ้าเก่าแก่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครอาศัยอยู่ทั้งสิ้น
เล่าลือกันว่า ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เคยเป็นสถานที่ที่บรรดาอัจฉริยะบุคคลรุ่นอาวุโสของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาฝึกฝนอยู่ที่ตรงนี้ ต่อมาที่ตรงนี้ได้กลายเป็นเสมือนโลกอีกโลกหนึ่งไป และด้วยสาเหตุนี้เอง จึงได้ก่อเกิดให้มีสวนชาดั่งเช่นทุกวันนี้
เพียงแต่ ภายหลังไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด ไม่มีใครมาอาศัยและฝึกปรืออยู่ที่นึ่อีกต่อไป ขณะที่สวนชาก็จะเปิดเพียงปีละครั้งเท่านั้น ต้อนรับนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน บรรลุสัจธรรม
ภาคการศึกษานี้เป็นช่วงเวลาที่สวนชาเปิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากภาคการศึกษาใหม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้น นักศึกษาจากทุกชั้นเรียนต่างแห่กันมาที่นี้ด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อต้องการอาศัยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้บรรลุสัจธรรม และหรือศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในเวลานี้ ปรกติท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้ที่เงียบสงัดกลายเป็นคึกคักยิ่งนัก ผู้คนเดินกันขวักไขว่เบียดเสียดแออัดยัดเยียด นักศึกษาจำนวนมากต่างทยอยกันรุดมาที่สวนชา รอคอยวันที่สวนชาจะเปิดให้เข้าไป
นักศึกษาบางคนอาศัยการเดิน และมีนักศึกษาบางคนขับขี่ของวิเศษเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักศึกษาที่ขี่กระเรียนบินมา และหรือนั่งสัตว์ขนาดยักษ์เข้ามา…ยามที่บรรดานักศึกษาที่ขี่กระเรียน หรือขี่สัตว์ยักษ์เข้ามาถึงนั้น ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นมาเป็นระลอกไม่ขาดสาย ดูคึกครื้นยิ่งนัก
“รุ่นพี่กระเรียนขาวมาแล้ว” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่มาแต่วันเพื่อยึดครองพื้นที่ต่างทยอยกันทักทายเมื่อพบเจอคนรู้จัก
มีนักศึกษาที่นั่งสัตว์ขนาดยักษ์มาถึง เหล่านักศึกษาอื่นๆ ต่างทยอยกันเข้าให้การต้อนรับ ยิ้มกล่าวว่า “ซวนหนีแรดโลหิตของรุ่นพี่ดูแข็งแรงขึ้นทุกวัน วันหน้าต้องได้เป็นจ้าวปีศาจแน่นอนเลย”
นักศึกษาจำนวนมากเมื่อเจอะเจอกับคนรู้จักต่างทักทายซึ่งกันและกัน ต่อให้ไม่รู้จักกันก็จะพูดคุยด้วยสองสามคำ นักศึกษาจำนวนไม่น้อยคิดจะหาโอกาสนี้เพื่อรู้จักผู้คนให้มากขึ้น เพื่อขยายมนุษย์สัมพันธ์ของตนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะนักศึกษาจากจวนราชัน และหอศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเป็นที่ต้อนรับของนักศึกษาจากศตาคาร
“ยุวกษัตริย์หกกระบี่และรุ่นน้องเมี่ยวฉานแห่งศตาคารก็มาแล้ว” ในขณะที่นักศึกษาจำนวนมากเพิ่งจะมาถึง ก็ได้ยินข่าวใหญ่จำนวนไม่น้อย
“ใช่จะมีเพียงยุวกษัตริย์หกกระบี่และรุ่นน้องเมี่ยวฉานที่มา เวลานี้แม้แต่เทพบุตรซือจงแห่งหอศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงแล้วเช่นกัน”
“งานมหากรรมชิมชาคราวนี้คึกคักมากเลยนะ บรรดาอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันที่ปรกติจะไม่ออกมาล้วนมาแล้วทั้งสิ้น ได้ยินว่าแม้แต่สาวงามอันดับหนึ่งของจวนราชันเทพธิดาเหมย เหมยซู่เหยาก็ได้มาบรรลุสัจธรรมเหมือนกัน เวลานี้สามเทพบุตรแห่งสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาแล้วสอง ไม่รู้ว่านายน้อยทะยานฟ้าผู้ที่เป็นผู้นำของสามเทพบุตรจะมาด้วยหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...