ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า นอกเหนือจากชั้นเรียนมหาบุรุษที่ดำรงอยู่ในชั้นสูงสุดแล้ว ทั้งจวนราชันและหอศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่เรียกว่าแดนแห่งมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบ ที่ตรงนี้มีอัจฉริยะบุคคลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งที่ตรงนี้เคยให้กำเนิดจอมเทพแต่ละองค์ ทั้งยังเคยให้กำเนิดเซียนหวัง
เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นระดับอัจฉริยะบุคคลของแคว้นเจ้าลัทธิ กระทั่งสายสำนักราชันเซียนเมื่อมาอยู่ในหอศักดิ์สิทธิ์หรือจวนราชันแล้วก็ไม่เห็นว่าจะเป็นประเภทที่มีความโดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจวนราชันนั้นเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมระดับอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของร้อยชาติพันธุ์ ดั่งเช่นเหรินเซิ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคปัจจุบันก็กำเนิดมาจากจวนราชัน!
เวลานี้บนยอดเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งรวมนักศึกษาชายหญิงที่มีพรสวรรค์ และมีความยอดเยี่ยมที่สุดจากจวนราชันและหอศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า กล่าวได้ว่า นักศึกษาเหล่านี้จะไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ ต่างคิดว่าตนเองนั้นคือสุดยอดอัจฉริยะบุคคลอันดังหนึ่งในหล้า
แต่ทว่า สำหรับสัจธรรมพื้นฐานท่อนที่เหมยซู่เหยาบรรยายมานั้น กลับสามารถทำให้นักศึกษาชายหญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดสยบทั้งกายและใจ ต้องอุทานด้วยความตื่นตะลึง และหลงใหล เรียกได้ว่าสัจธรรมพื้นฐานท่อนที่เหมยซู่เหยาบรรยายมานั้น สามารถเทียบเคียงได้กับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า สมควรทราบว่า อาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ดำรงอยู่ในระดับจอมเทพ กระทั่งเป็นระดับเซียนหวัง ซึ่งสามารถประเมินได้ว่าเหมยซู่เหยาได้บรรลุสัจธรรมพื้นฐานนี้ถึงระดับไหนกันแล้ว
“สัจธรรมพื้นฐานท่อนที่เทพธิดาเหมยบรรยายมานั้น ในบรรดานักศึกษาพวกเราไม่มีใครสามารถแซงล้ำหน้าได้อีกแล้ว ยี่ฝานเองรู้สึกระอายไม่อาจเทียบได้ ต่อให้เป็นพี่เสวียนจี๋เป็นผู้บรรยายเกรงว่าก็ไม่เห็นจะล้ำหน้าเทพธิดาเหมยไปได้” ในขณะนี้ ท่ามกลางนักศึกษาชายหญิงได้มีนักศึกษาชายผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน และกล่าวชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงขึ้นมา
นักศึกษาชายผู้นี้เปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาทั่วร่าง ด้านหลังศีรษะปรากฎเป็นวงแหวนศักดิ์สิทธิ์วงหนึ่ง ภาพรวมแลดูมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทำให้ผู้พบเห็นต้องเคารพยำเกรง
นักศึกษาชายผู้นี้คือผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขาคือนายน้อยของพรรคซือเสินที่เป็นหนึ่งสำนักสี่เซียนหวัง มีชื่อว่าเฉินยี่ฝาน ฉายาเทพบุตรซือจง
เขากับนายน้อยทะยานฟ้าหวังเสวียนจี๋แห่งจวนราชัน ยุวกษัตริย์หกกระบี่ข่งเย่หลินแห่งศตาคารถูกยกย่องให้เป็นสามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้า นายน้อยทะยานฟ้าหวังเสวียนจี๋รั้งอยู่อันดับหนึ่ง เทพบุตรซือจงเฉินยี่ฝานอยู่อันดับสอง และยุวกษัตริย์หกกระบี่ข่งเย่หลินอยู่อันดับสาม พวกเขาทั้งสามคนมีความสัมพันธ์ต่อกันดีมาก
ยุวกษัตริย์หกกระบี่คือผู้นำของศตาคาร ขณะที่เทพบุตรซือจงไหนเลยจะไม่ใช่ผู้นำของหอศักดิ์สิทธิ์เล่า อาศัยพรสวรรค์ของเทพบุตรซือจงต้องเข้าเรียนชั้นจวนราชันได้อย่างแน่นอน แต่เขากลับจะมาอยู่ที่หอศักดิ์สิทธิ์
เทพบุตรซือจงเคยตามจีบเหมยซู่เหยามาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันของผู้คนจำนวนมาก เสียดาย เหมยซู่เหยาไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของเขาแม้แต่น้อย แต่ว่า เทพบุตรซือจงกลับมีความพยายามไม่ย่อท้อ เขามีความมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยม
ในขณะนี้ การที่เทพบุตรซือจงก้าวออกมาพูดเช่นนี้ นอกจากเป็นความจริงที่เหมยซู่เหยาบรรยายได้ดีเหลือเกินแล้ว ยังมีความคิดต้องการเอาใจเหมยซู่เหยาอีกด้วย
“รุ่นพี่เฉินชมเกินไปแล้ว แค่เล็กน้อยเท่านั้น ฝีมือต่ำต้อย” ปฏิกิริยาของเหมยซู่เหยาเรียบเฉยมาก เหมือนดั่งสายน้ำไหล เพียงแต่พูดออกมาเนิบๆ
“เทพธิดาเหมยยอดเยี่ยมมาก ร้ายกาจขนาดนี้ยังถ่อมตนถึงเพียงนี้ ถ้าหากข้าเป็นผู้ชาย ข้าก็คงหลงรักนางตายเลยหละ” นักศึกษาหญิงที่เป็นอัจฉริยะบุคคลถึงกับอิจฉายิ่งนัก
“เทพธิดาเหมยถ่อมตนไปแล้ว เว้นแต่อาจารย์ของสถาบันแล้ว ข้าไม่เคยได้ฟังการบรรยายสัจธรรมพื้นฐานท่อนนี้ได้ดีถึงเพียงนี้” เทพบุตรซือจงยิ้มกล่าวว่า “เมื่อเทียบกับเทพธิดาเหมยแล้วข้ารู้สึกระอายยิ่งนัก”
“นั่นสิ เทพธิดาเหมยแค่เข้าสู่ยุทธภพช้าไปนิดเท่านั้น ไม่แน่นักสามารถชิงความเป็นหนึ่งกับเหรินเซิ่น และเส้าเหนียนหวังผู้อาวุโสทั้งสองนะเนี่ย” นักศึกษาชายระดับอัจฉริยะบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับกล่าวทอดถอนใจออกมา
นักศึกษาชายระดับอัจฉริยะบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยที่มีใจรักใครชื่นชมในตัวของเหมยซู่เหยา พวกเขาเองก็มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง เพียงแต่เมื่อเทียบกับเทพบุตรซือจงแล้วด้อยไปนิดหนึ่งเท่านั้น
“เทพธิดาเหมยมิสู้บรรยาย ‘เคล็ดสู้รบ’ ให้ฟังสักท่อนดีไหม? นี่คือสัจธรรมขั้นพื้นฐานที่เป็นระดับตำนานที่สุดท่อนหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทุกคนต่างมีอรรถาธิบายต่อมันที่แตกต่างกันออกไป ได้ยินว่าอาจารย์ทุกท่านล้วนแล้วแต่เคยบรรยาย ‘เคล็ดสู้รบ’ มาก่อน อาจารย์ทุกท่านต่างบรรยายแตกต่างกันไป น่าแปลกมาก” นักศึกษาอัจฉริยะชายผู้หนึ่งดูอยากจะลองดูอย่างยิ่งและเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิ บรรยาย ‘เคล็ดสู้รบ’ สักท่อนเป็นไร?” ในเวลานี้มีนักศึกษาชายหญิงจำนวนไม่น้อยทยอยกันพูดสนับสนุน
เหมยซู่เหยามองดูบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ อมยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ กล่าวว่า “ซู่เหยาความรู้ตื้นเขิน ไม่กล้าเปรียบกับบรรพชน”
ขณะที่เหมยซู่เหยาอยู่เก้าแดน นางชื่นชอบในการสอนและบรรยายธรรม ภายหลังสภาพจิตของนางแปรเปลี่ยนไป หลังจากรู้จักกับหลี่ชิเย่แล้ว นางจึงเข้าใจว่าฟ้าสูงเท่าไร แผ่นดินกว้างเท่าใด ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ นางที่มีกระดูกเซียนบนหน้าผาก คิดว่าสามารถเข้าใจความลึกซึ้งพิสดารของสัจธรรมทั่วหล้าได้ทั้งหมด
แต่ว่าหลังจากรู้จักและอยู่กับกับหลี่ชิเย่แล้ว นางจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับความรู้ที่กว้างใหญ่ไพศาลแล้ว สัจธรรมที่ลึกซึ้งพิสดารที่นางได้บรรลุนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยนิดในมหาสมุทรเท่านั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
ดังนั้น ภายหลังเหมยซู่เหยาจึงไม่ค่อยได้สอนและบรรยายธรรม ภายในใจของนางรู้สึกว่า การบรรยายธรรมของตนเองก็แค่เป็นการแสดงฝีมือที่ต่ำต้อยออกมาเท่านั้น ไม่สามารถเทียบได้กับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
“เทพธิดาเหมยถ่อมตนมากไปแล้ว ลองบรรยายสักท่อนหนึ่งจะเป็นไรไป ครั้งนั้นอาจารย์ฉวี่หังเคยบรรยาย ‘เคล็ดสู้รบ’ ทำให้ทุกคนนั่งฟังจนเคลิบคลิ้ม ด้วยพรสวรรค์ของเทพธิดาเหมยไม่ด้อยไปกว่าอาจารย์ฉวี่หังในครั้งนั้น ไม่แน่นักเทพธิดาเหมยบรรยายเรื่องนี้อาจจะได้ดีกว่าเสียอีก” ในขณะนี้เทพบุตรซือจงรีบยิ้มกล่าวขึ้นมา
“นั่นสิ ก็บรรยายสักท่อนหนึ่ง หากว่าเทพธิดาเหมยสามารถล้ำหน้าอาจารย์ฉวี่หังได้ พวกเราก็พลอยได้หน้าไปด้วย” นักศึกษาคนอื่นๆ ต่างทยอยกันคล้อยตาม
“อาจารย์ฉวี่หัง” ที่นักศึกษาเอ่ยถึงก็คือกู่ฉวี่หัง ฉายาเส้าเหนียนหวัง เป็นสุดยอดบุรุษผู้สูงศักดิ์ในหล้า เวลานี้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า แม้แต่อัจฉริยะบุคคลเช่นเทพบุตรซือจงยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ให้ความเลื่อมใสทั้งกายและใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...