ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2015

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวต่อขึ้นมาช้าๆ ว่า “ผู้รู้จักกาลเทศะเป็นยอดคน สำหรับผู้ที่รู้จักกาลเทศะข้าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดี นี่แหละคือรูปแบบการทำงานของข้า”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้เมี่ยวฉานต้องทอดถอนใจภายในใจเบาๆ ผู้คล้อยตามข้าเจริญรุ่งเรือง ฝ่าฝืนข้าดับ คำพูดที่อันธพาลเช่นนี้คงออกมาจากปากของหลี่ชิเย่ได้เท่านั้น

ต่อให้ใต้หล้ามีผู้คนจำนวนมากที่ทำเช่นนี้ แต่ก็จะไม่พูดออกมา และหรือแสร้งทำเป็นผู้มีคุณธรรมอย่างนั้น แต่ หลี่ชิเย่ไม่เพียงทำแล้ว ทั้งยังพูดออกมาด้วย เป็นความพาลที่ซึ่งๆ หน้า ไม่มองผู้ใดอยู่ในสายตาทั้งสิ้น ความพาลเช่นนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของพลังที่มีความแข็งแกร่งอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

“อีกอย่าง ที่ข้าชี้ทางสว่างให้กับเจ้า นั่นเป็นเพราะเจ้ามาจากเก้าแดน” เวลานี้หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่เมี่ยวฉาน แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ผู้กล้าจากเก้าแดนของพวกเราที่สามารถขึ้นมาแดนสิบ มีอยู่กี่คนที่ไม่ใช่ประเภทเกรียงไกรไปทั่วหล้า ทอดสายตามองไปยังประวัติศาสตร์ของสิบสามทวีป ราชันเซียนจากเก้าแดนที่ขึ้นมาแม้ว่าจะไม่ได้มากเท่ากับจอมราชันเซียนหวังซึ่งถือกำเนิดอยู่ในพื้นที่ แต่ว่า ราชันเซียนเก้าแดนของพวกเราด้อยกว่าใครเสียเมื่อไหร่!”

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ราชันเซียน แต่หากพูดถึงด้านพรสวรรค์และสติปัญญาแล้ว นับว่าเป็นผู้ที่สามารถให้การส่งเสริมได้” หลี่ชิเย่พูดท่าทีเฉยเมยว่า “ในเมื่อเจ้าขึ้นมาเหยียบบนผืนแผ่นดินแห่งนี้แล้ว ก็พยายามฝึกปรือให้ดี อย่าได้ทำให้ชื่อเสียงของผู้กล้าเก้าแดนต้องมัวหมอง และอย่าทำให้ชื่อเสียงที่ปรัชญาเมธีของเก้าแดนสร้างเอาไว้ต้องเสียไป!”

คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวในใจให้กับเมี่ยวฉาน ที่นางได้ขึ้นมายังแดนสิบ เรียกได้ว่าเป็นเพราะโอกาสและวาสนาต่างๆ นานา เป็นเพราะนางไม่ได้อาลับอาวรณ์ต่อเก้าแดนอีกแล้ว นางจึงยอมทุ่มเทเสี่ยงกับมันสักครั้ง เพื่อมาดูว่าโลกที่ใหม่ทั้งหมดนี้สักครั้ง ต่อให้ต้องตายบนเส้นทางสายนี้นางก็ไม่มีสิ่งใดต้องเสียใจ

ครั้นนางได้มาถึงแดนสิบแล้ว นางถูกดึงดูดใจโดยโลกใบนี้ ภายใต้การชี้แนะของราชันเซียนผู้เป็นบรรพบุรุษ นางจึงได้ฝึกบำเพ็ญเพียรต่อไปและไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ยิ่งไม่ได้นึกถึงระดับความสูงลักษณะเช่นนี้

เมื่อหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ในเวลานี้ ทันใดนั้น เหมือนได้เปิดประตูบานใหญ่ให้กับนางอย่างนั้น พริบตาเดียวนั้นเอง นางเสมือนหนึ่งได้ทำการสำรวจโลกใบนี้จากมุมมองที่ใหม่ทั้งหมด

เดิมทีเมี่ยวฉานก็เป็นสุดยอดคนฉลาดคนหนึ่งอยู่แล้ว พริบตาเดียวนั้นนางดูร่าเริงปลอดโปร่งขึ้นมาทันที พลันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทันใดนั้น นางได้กลับกลายเป็นคนที่ดูมีราศีและกระฉับกระเฉง ตัวของนางดูเจิดจ้าสว่างไสวและมีราศีเพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว

“ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ ทำให้น้องทะลุปรุโปร่งขึ้นมาโดยทันที คำพูดของคุณชายมีค่ามากกว่าการทำความบรรลุของน้องในสิบกว่าปีที่ผ่านมา” เมี่ยวฉานที่ทะลุปรุโปร่งขึ้นมาในทันทีทำให้นางแลดูกระฉับกระเฉงมีราศี ทันใดนั้นเอง ภาพรวมของนางดูเปล่งประกายที่สดชื่นออกมา

อาจกล่าวได้ว่า นับตั้งแต่นางรู้ประสาเป็นต้นมา นางได้เสียเวลาอยู่กับความรักระหว่างชายหญิงมากเกินไป ภายใต้ความทะเยอทะยานที่ต้องการครอบครองใต้หล้าของรัชทายาทจินอูในช่วงเวลานั้น นางต้องหมุนเต้นไปตามจังหวะของเขา ช่วยวางแผนคิดอุบายให้กับเขา ช่วยให้เขาได้ปกครองหุบเขากีบสวรรค์

ภายหลังรัชทายาทจินอูถูกสังหาร หุบเขากีบสวรรค์ถูกทำลาย ทำให้นางจิตตกไปช่วงเวลาที่ยาวมากช่วงหนึ่ง แม้ว่าภายหลังนางจะก้าวออกจากภาวะซบเซาขึ้นมายังแดนสิบได้ แต่ภายในใจของนางยังคงมีเมฆหมอกสีดำที่สลัดไม่ออกอยู่เช่นนั้น

เวลานี้ นาทีนี้คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันปัดเป่าเมฆหมอกสีดำที่อยู่ภายในใจของเมี่ยวฉานจนกระจัดกระจายไป ทำให้นางรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นในทันที ทันใดนั้น นางเสมือนหนึ่งได้มองเห็นโลกในโฉมใหม่ทั้งหมด

“พยายามเข้าไว้ อาศัยสติปัญญาของเจ้า อาศัยพรสวรรค์ของเจ้า ขอเพียงเจ้ายืนหยัดต่อไป ในอนาคตจะต้องมีที่ที่ให้เจ้ายืนในสิบสามทวีปเป็นแน่แท้ สิ่งนี้หาใช่เป็นความคุ้มครองภายใต้ร่มเงาของราชันเซียนที่เป็นบรรพบุรุษของเจ้า แต่เป็นเพราะเจ้าเองมีศักยภาพไปทำให้เป็นความจริง” หลี่ชิเย่พยักหน้า

เมี่ยวฉานถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าผู้ที่เคยเป็นศัตรูมาก่อน กลับช่วยนางให้ผลักประตูอีกบานในใจออกมา ทำให้นางได้เปิดหน้าต่างอีกบาน และกลับมาทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้ง

“เมื่อคุณชายพูดเช่นนี้แล้ว หากน้องยังไม่พยายาม เท่ากับละอายต่อทุกคนที่มีความคาดหวังสูงบนตัวข้า” เมี่ยวฉานโค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างสุดซึ้ง

หลี่ชิเย่พยักหน้า หันหลังออกเดินทันที

“คุณชาย เทพธิดาเหมยก็อยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า วันนี้สวนชาได้เปิดแล้ว เทพธิดาเหมยอยู่บรรลุสัจธรรมที่ใต้ต้นสนเซียน” ก่อนที่หลี่ชิเย่จะเดินจากไป เมี่ยวฉานรีบเอ่ยขึ้นมา

“นังหนูคนนี้” เมื่อหลี่ชิเย่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา และกล่าวว่า “นางเองก็ก้าวเดินออกมาจากสิ่งกีดขวางภายในใจของตน” กล่าวพลางเดินออกไปข้างนอก

ในขณะที่หลี่ชิเย่จากไปนั้น เมี่ยวฉานได้เดินมาส่งด้วยตัวเอง กระทั่งออกไปนอกบริเวณศาลเจ้าเก่าแก่

บริเวณด้านนอกศาลเจ้าเก่าแก่ พวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่และบรรดาอัจฉริยะบุคคลของศตาคารรออยู่ที่ตรงนั้น หลังจากหลี่ชิเย่ออกมาแล้วท่าทีของพวกเขาไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก โดยเฉพาะยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม ดวงตาทั้งสองปรากฏปณิธานการฆ่าออกมา

โดยเฉพาะยามที่เมี่ยวฉานเดินเคียงคู่ออกมา ท่าทีที่เผยให้เห็นถึงความสนิทสนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมี่ยวฉานดูจะคล้อยตามหลี่ชิเย่ ซึ่งส่งผลให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้น แววตาฉายให้เห็นถึงปณิธานการฆ่าสายหนึ่ง

ยุวกษัตริย์หกกระบี่นั้นมีใจต่อเมี่ยวฉาน ซึ่งหาได้เป็นความลับอะไรในศตาคาร ยุวกษัตริย์หกกระบี่เคยเปิดยุทธการตามจีบเมี่ยวฉาน แต่ทว่า เมี่ยวฉานยังคงวางเฉยเป็นปรกติไม่หวั่นไหว

ในขณะนี้ เหมยซู่เหยานั่งอยู่ภายใต้ต้นสนเซียนต้นนั้น นางเอื้อนเอ่ยขึ้นมาช้าๆ เสียงสัจธรรมล้วนแล้วแต่ออกมาจากปากของนาง ยามที่นางสนทนาธรรมอยู่นั้น มองเห็นต้นสนเซียนปรากฏกลิ่นอายเซียนที่ทิ้งตัวห้อยลงมา กลิ่นอายเซียนออกเป็นสีม่วง ทำการยกตัวของเหมยซู่เหยาขึ้นมาเบาๆ เดิมทีเหมยซู่เหยาก็มีรูปโฉมที่งามหยาดเยิ้มในหล้าอยู่แล้ว สวยไม่มีที่ติ เวลานี้เมื่อนางถูกยกให้ลอยขึ้นโดยกลิ่นอายเซียน ยิ่งดูเหมือนเป็นนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์ ทำให้จิตใจของผู้คนต้องสั่นไหว

ยิ่งไปกว่านั้น เหมยซู่เหยาที่ส่งเสียงบรรยายธรรมออกมา เสียงกังวานดั่งคำบัญชา และทำให้บรรดานักศึกษาที่นั่งฟังจนประหนึ่งมัวเมาปัญญาอ่อน

เดิมทีเหมยซู่เหยาเพียงต้องการอาศัยงานมหกรรมชิมชาครั้งนี้เพื่อบรรลุภายใต้ต้นสนเซียนแห่งนี้ เพื่อสำนึกในประสบการณ์ด้านสัจธรรมที่เพิ่งสำนึกได้เร็วๆ นี้ให้มากยิ่งขึ้น ไม่นึกเลยว่า นักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลของหอศักดิ์สิทธิ์ และจวนราชันจำนวนไม่น้อยก็ได้ทยอยกันมาบรรลุสัจธรรมที่นี่ด้วย

ในระหว่างที่มีการสนทนาธรรมกัน นักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันสนับสนุนให้เหมยซู่เหยาเป็นผู้บรรยายธรรม

ขณะที่อยู่เก้าแดน เหมยซู่เหยาเคยเป็นผู้สอนบรรยายธรรม ภายหลังนางไม่รู้สึกสนุกกับการบรรยายธรรมอีก หลังจากมาถึงแดนสิบแล้ว นางเพียงตั้งใจบำเพ็ญเท่านั้น ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวมากเกินไป

แต่ทว่าในขณะนี้ มีนักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลชายหญิงจำนวนนับร้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพร้อมใจกันสนับสนุนไห้นางบรรยายธรรม เหมยซู่เหยาขัดศรัทธาไม่ได้ จึงหยิบยกเอาสัจธรรมพื้นฐานที่เป็นตำนานมากที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าท่อนหนึ่งขึ้นมาบรรยายไปตามอารมณ์

ขณะที่นางกำลังบรรยายสัจธรรมพื้นฐานท่อนนี้อยู่นั้น นางบรรยายได้ยอดเยี่ยมสุดเปรียบเปรย ทำให้บรรดานักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลชายหญิงจำนวนกว่าร้อยคนสดับฟังจนเหมือนดั่งคนมัวเมา

โดยเฉพาะยามที่นางพูดถึงจุดที่มหัศจรรย์ยิ่งฟังแล้วรู้สึกลึกลับและมหัศจรรย์ยิ่ง ต้นสนเซียนถึงกับส่งกลิ่นอายเซียนลงมามากมายเพื่อทำการปกป้องคุ้มครองเหมยซู่เหยาเอาไว้

“บรรยายได้ยอดเยี่ยมมากเหลือเกิน” หลังจากที่เหมยซู่เหยาบรรยายจนจบ พลันปรากฏเสียงปรบมือดังกึกก้อง ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาชายหรือหญิงก็ตาม บรรดานักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลต่างปรบมือกันอย่างคึกคัก

เป็นความจริงที่ความรู้และพรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาทำให้นักศึกษาจำนวนมากสยบทั้งกายและใจ นางไม่เพียงมีรูปโฉมที่งดงาม ความรู้ความสามารถและศักยภาพของนางล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับสุดยอด เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถและรูปโฉม ถูกยกย่องให้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ซึ่งนับว่าคู่ควรแล้ว

“รุ่นน้องบรรยายได้ตื่นเต้นเหลือเกิน สามารถเทียบเคียงกับอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราแล้ว” แม้แต่นักศึกษาหญิงระดับอัจฉริยะบุคคลที่เข้าศึกษาก่อนและยาวนานกว่าเหมยซู่เหยาก็อดที่จะชมเปาะและสยบทั้งกายและใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล