ใบอ่อนชาสัจธรรมสิบสองสายทุกใบล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์สัจธรรมล้อมรอบอยู่สิบสองสาย ยามที่ใบอ่อนถูกประคองเต็มสองฝ่ามือนั้น เสมือนหนึ่งบทสัจธรรมถูกประคองอยู่ในมืออย่างนั้น เหมือนว่านาทีนี้ฟ้าดินหมื่นสัจธรรมล้วนแล้วแต่ถูกประคองเอาไว้บนฝ่ามืออย่างนั้น มีความรู้สึกที่ลึกลับพิสดารอย่างหนึ่ง
ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างแรง เมื่อมองเห็นใบชาสัจธรรมสิบสองสายเต็มกำมือหลี่ชิเย่ ไม่ต้องพูดถึงประคองมาเต็มสองมือ ต่อให้ให้ใบอ่อนพวกเขาแค่ใบเดียวก็ได้รับประโยชน์ไม่สิ้นแล้ว
สมควรทราบว่า ใบชาสัจธรรมห้าสายเพียงใบเดียวก็สามารถช่วยคนจากความเป็นความตายได้แล้ว สามารถดึงเอาคนที่กำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตายจากธาตุไฟเข้าแทรกกลับมาได้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าใบชาสัจธรรมสิบสองสายจะมีความน่ากลัวเพียงใด
แม้ว่าจะไม่มีนักศึกษาคนใดที่ได้เคยกินใบชาสัจธรรมสิบสองสายมาก่อน แต่ว่าสามารถจินตนาการได้ว่า ใบชาสัจธรรมสิบสองสายหนึ่งใบเกรงว่าสามารถทำให้บุคคลผู้นั้นเข้าใจแจ่มแจ้งในสัจธรรม สามารถไล่ย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิด แม้ว่าใบชาสัจธรรมสิบสองสายนี้ไม่สามารถทำให้ทักษะก้าวหน้า แต่สามารถทำให้เหมือนมองเห็นแสงสว่าง ช่วยให้มองเห็นความลึกซึ้งพิสดารที่แท้จริงในขณะที่พินิจพิเคราะห์เรื่องราว ผลที่ได้จากสิ่งนี้ช่างเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างไร
เหมือนดั่งเช่นเคล็ดราชันแขนงหนึ่ง เจ้าเพียรพยายามด้วยความยากลำบากเช่นใดก็ไม่สามารถบรรลุได้ แต่ด้วยใบชาสัจธรรมสิบสองสายเพียงใบเดียว กลับสามารถทำให้จิตใจของเจ้าแจ่มแจ้งเข้าใจถึงสรรพวิชาได้ ทำให้เจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเคล็ดราชันนี้ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเดียว
ย่อมสามารถจินตนาการได้ ใบชาสัจธรรมสิบสองสายเช่นนี้มีความล้ำค่าเช่นใด และน่าทึ่งเพียงใด ขณะที่หลี่ชิเย่ในเวลานี้กลับประคองใบอ่อนชาสัจธรรมสิบสองสายมาเต็มสองฝ่ามือ ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนต้องน้ำลายสอเพียงใด
หลี่ชิเย่มองดูใบชาสัจธรรมในมือ หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ชาเยี่ยม แต่นั่นจำเป็นต้องมีกาที่ดี ยิ่งต้องมีน้ำที่ดี และฟืนที่ดี”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่แหงนหน้าขึ้นและยิ้มกล่าวว่า “นังหนู ข้าจำได้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีกาและน้ำอย่างดีอยู่กระมัง”
“คุณชายอภินิหารเหลือเกิน” เวลานี้ปรากฏเสียงที่ใสกังวานดังขึ้นมา ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก เหมือนหนึ่งเป็นเสียงจากเซียนนาทีนี้มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางเมฆา บุคลิกและความสามารถสุดยอดในหล้า รูปโฉมงดงามไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบเทียม ยามที่นางยืนอยู่ท่ามกลางเมฆา เสมือนดั่งเป็นเทพธิดาอย่างนั้น
“อาจารย์เชียนเสวียน” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ร้องออกมาด้วยความตระหนก เมื่อมองเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางเมฆานั่น ไม่รู้ว่ามีนักศึกษาจำนวนเท่าไรที่แหงนหน้าขึ้นมอง และใฝ่ฝันให้ได้มาเช่นนี้ แม้แต่นายน้อยทะยานฟ้าที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลก็ยังต้องเหม่อลอยเมื่อได้เห็นท่วงท่าที่สุดยอดในหล้าเช่นนี้
ผู้หญิงที่ยืนอยู่บนเมฆาก็คืออวี่เชียนเสวียนแห่งสถาบันศึกษาเทพเจ้านั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ที่รูปโฉมงดงามมากที่สุด นางที่มีชาติกำเนิดมาจากจวนกู่มีความสูงส่งยิ่งนัก แม้แต่ระดับอย่างนายน้อยทะยานฟ้าก็เทียบกันไม่ติด ยิ่งกว่านั้นนางยังลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ไม่มีใครรู้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทักษะยุทธของนาง นางที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถและรูปโฉมในตัว ไม่รู้ว่าเป็นที่แหงนหน้ามองของผู้คนจำนวนเท่าไร
“ชงสักกาเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มและสั่งการออกไป
“เชียนเสวียนจะไปขอจากทางสถาบันเดี๋ยวนี้” อวี่เชียนเสวียนยิ้มละมุนละไม บุคลิกและความสามารถสุดยอดในหล้าหายตัวไปในพริบตาเดียว
อวี่เชียนเสวียนไปเร็วมาเร็ว เพียงครู่เดียวกับกลับมาแล้ว
“ทั้งหมดเข้ามากันเลย” สัจธรรมในมือ ของหลี่ชิเย่คลี่ออก พลันพาดผ่านจากกึ่งกลางเขาออกมาเสมือนเป็นสะพานที่ทอดยาวตรงไปถึงด้านหน้าของพวกเหมยซู่เหยา
ในเวลานี้ เหมยซู่เหยา อวี่เชียนเสวียน หลิวจินเซิ่นต่างทยอยกันก้าวขึ้นไปบนสะพานยาว ก้าวเดินไปถึงใต้ต้นชาสัจธรรม
ในเวลานี้ อวี่เชียนเสวียนได้นำเอาสิ่งต่างๆ แต่ละชิ้นมาจัดวางให้เรียบร้อย โต๊ะหยกวางขวางด้านหน้า จัดวางเก้าอี้ศักดิ์สิทธิ์ให้เรียบร้อย จุดไฟในเตา…ง่วนอยู่กับงาน
หลิวจินเซิ่นและเหมยซู่เหยาก็ลงมือช่วย เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดวางทุกอย่างจนเสร็จสิ้น หลี่ชิเย่ก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย นั่งลงตรงเก้าอี้ศักดิ์สิทธิ์ที่จัดวางไว้ตรงกลาง
“บรรดาตาเฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าชอบที่จะจิบน้ำชาดีๆ นี่แหละ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะมองดูเครื่องครัวเหล่านี้แล้ว และกล่าวว่า “ไม้โบราณดาวรุ่งสางคือฟืนต้มชาชั้นเลิศ บวกกับเตาทองแดงเซียนดึกดำบรรพ์หนึ่งเตา เครื่องครัวลักษณะเช่นนี้จะต้องเป็นชาชั้นเลิศจึงจะคู่ควร”
“ยังมีชุดกาน้ำชาและถ้วยเหยากวงจื่อเซียน” อวี่เชียนเสวียนยิ้มละมุนละไมและกล่าวว่า “ผู้เฒ่าม่อได้ยินว่าคุณชายต้องการต้มชา ดังนั้น จึงได้มอบชุดถ้วยและกาน้ำชาชั้นดีให้เป็นพิเศษ โดยปรกติแล้วผู้เฒ่าม่อยังเสียดายไม่อยากนำออกมาใช้ นานๆ ครั้งจึงจะนำออกมาชงชาสัจธรรมเสียที”
คำพูดของอวี่เชียนเสวียนได้ทำให้ภายในใจของนักศึกษาจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบ ผู้เฒ่าม่อหมายถึงอาจารย์ผู้มีอาวุโสสูงสุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขาเคยสอนนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมมาจำนวนมาก เคยสอนกระทั่งจอมเทพ และเซียนหวัง ปรกติแล้วน้อยคนนักที่จะได้พบเห็นอาจารย์ผู้นี้
“ตาเฒ่าอย่างข้ามาเป็นผู้ทำงานหนักก็แล้วกัน แม่นางทั้งสองคอยต้มชาก็พอแล้ว” ในเวลานี้หลิวจินเซิ่นเลิกแขนเสื้อจับเอาขวานขึ้นมา ถึงกับนั่งผ่าไม้โบราณดาวรุ่งสาง
เพียงครู่เดียวอวี่เชียนเสวียน และเหมยซู่เหยาก็ได้ตั้งเตาทองแดงเซียนดึกดำบรรพ์เรียบร้อย เริ่มทำการติดไฟเพื่อเตรียมการต้มชา
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่นั่งเอ้อระเหยอยู่ตรงนั้น หลับตาพักผ่อนกายา หลังพิงเก้าอี้ศักดิ์สิทธิ์ เสมือนดั่งได้นอนหลับไปแล้ว
ขวานในมือของหลิวจินเซิ่นที่ผ่าลงไปยังไม้โบราณดาวรุ่งสางแต่ละที ได้ผ่าให้ไม้โบราณดาวรุ่งสางแต่ละชิ้นกลายเป็นเส้นเล็กๆ เมื่อมองดูให้ละเอียดก็จะพบว่า ทุกๆ เส้นล้วนแล้วแต่ ผ่าไปตามแนวลายของดาว ดูเรียบร้อยยิ่งนัก เป็นฝีมือที่ประณีตละเอียดอ่อนมาก
ขณะที่อวี่เชียนเสวียน ทำหน้าที่คอยควบคุมการต้มชา เหมยซู่เหยาทำหน้าที่พัดและคอยควบคุมด้านไฟ ท่าทีของพวกนางดูเป็นธรรมชาติ อิสระและสบายๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นงานหนักแต่อย่างใด
ผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วมักจะละเลยตัวของหลิวจินเซิ่นอยู่เสมอๆ จะให้ความสนใจแต่อวี่เชียนเสวียน และเหมยซู่เหยา มองเห็นผู้หญิงที่สุดยอดเช่นอวี่เชียนเสวียนกับเหมยซู่เหยา พวกนางก็เป็นได้แค่คนที่คอยควบคุมด้านไฟและต้มชาเท่านั้น
ภาพเช่นนี้ทำให้ทุกคนต้องจ้องตาเป็นมัน ยังไม่ต้องพูดถึงใบชาสัจธรรมสิบสองสาย ลำพังแค่ชุดชงชาก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งของชั้นเลิศ ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย เมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดตรงหน้าก็รู้ว่าชุดชงชาชุดนี้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
หลังผ่านไปชั่วครู่ กลิ่นหอมของชาล่องลอย ยามที่หอมกลิ่นชาล่องลอยเข้ามาแล้วสูดดมเพียงเบาๆ พลันทำให้รู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนไปอยู่ในแดนสวรรค์อย่างนั้น มีกลิ่นหอมสายหนึ่งที่บอกไม่ถูกวนเวียนอยู่ตรงปลายจมูก คล้ายความฝันดั่งจินตนาการ ทำให้ตัวเบาหวิวลอยล่องดั่งเซียน และมีความรู้สึกถึงการชำระล้างจิตใจให้สะอาดหมดจดอย่างนั้น ในขณะนี้เหมือนว่าได้ทำให้บรรลุสัจธรรมขั้นสมบูรณ์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซียน
บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างน้ำลายไหลยืดจนนองเต็มพื้น เมื่อได้หอมกลิ่นชาลักษณะเช่นนี้ นักศึกษาจำนวนมากได้ลืมภาพลักษณ์ของตนไปจนหมดสิ้น อ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น นำลายได้ไหลยืดลงมาจากมุมปาก
ในเวลานี้สามารถได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของนักศึกษาจำนวนมาก น้ำชาเลิศรสเช่นนี้ใครๆ ก็อยากจะดื่มสักคำหนึ่ง
เวลานี้ อวี่เชียนเสวียนได้ประคองถ้วยน้ำชาเสิร์ฟให้กับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง กล่าวด้วยใบหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายเคยดื่มชาเซียนมานับไม่ถ้วน เชียนเสวียนฝีมือต่ำต้อย คุณชายอย่าได้หัวเราะเยาะ”
อวี่เชียนเสวียนเสิร์ฟน้ำชาด้วยตนเองนะเนี่ย เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้วทุกคนต่างอิจฉาเสียเหลือเกิน สามารถให้อาจารย์ที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งมาปรนนิบัติ ช่างเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันถึงของผู้คนจำนวนเท่าไร
หลี่ชิเย่ยกขึ้นจิบดื่มไปคำหนึ่ง ยิ้มกล่าวว่า “ไม่เลว รอก้าวหน้ากว่านี้”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้บรรดานักศึกษาทั้งหมดต่างอึ้งเมื่อได้ยิน และตะลึงไปทันที สามารถได้รับการปรนนิบัติจากอวี่เชียนเสวียนก็นับว่าเป็นบุญวาสนาที่สั่งสมกันมาสามชาติแล้ว แต่ว่า หลี่ชิเย่แค่พูดออกมาคำหนึ่งว่า “ไม่เลว รอก้าวหน้ากว่านี้” ก็เป็นอันสิ้นเรื่อง ออกจะกำแหงมากเกินไปเสียแล้ว
หลี่ชิเย่ดื่มต่อเนื่องไปหลายถ้วย และกล่าวว่า “ชาเยี่ยม แต่ยังไม่นับว่าเป็นชั้นเลิศในหล้า” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาหัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวต่อพวกอวี่เชียนเสวียนว่า “พวกเจ้าก็ลิ้มลองกันบ้างเถอะ”
พวกอวี่เชียนเสวียนต่างแบ่งกันไปคนละถ้วย อวี่เชียนเสวียนที่ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “วันนี้อาศัยใบบุญของคุณชายได้ดื่มชาสัจธรรมสิบสองสายถ้วยหนึ่ง ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง”
หลิวจินเซิ่นหลังจากรับถ้วยน้ำชามาแล้วดูท่าทางเคารพยิ่งนัก โค้งคำนับให้กับหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายที่ประทานน้ำชา”
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหมยซู่เหยากลับดูอิสระเสรีมากกว่ามากทีเดียว จะอย่างไรเสียนางได้ติดตามหลี่ชิเย่มานานมากแล้ว
………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...