ใบชาสิบสองสายแค่ใบเดียวก็ว่ายากแล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่กลับเอามาชงชา ฟุ่มเฟือยขนาดนี้ทำให้ผู้คนต้องอิจฉาอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าได้ทำให้นักศึกษาจำนวนเท่าไรต้องคลั่งกับสิ่งนี้
หลังจากที่เหมยซู่เหยา อวี่เชียนเสวียนพวกนางได้ดื่มชาสัจธรรมไปได้ไม่นาน ปรากฏเสียงดังแว้งค์ขึ้นมาพร้อมกับเปล่งประกายออกมาทั่วร่าง สัจธรรมประสานเสียง เสมือนหนึ่งร่างกายได้กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของสัจธรรมอย่างนั้น อักขระยันต์ไม่มีสิ้นสุดปรากฏลอยอยู่รอบๆ ตัวของพวกนาง ทำให้ร่างกายของพวกนางกลายเป็นไม่เหมือนเดิม เวลานี้นาทีนี้เหมือนว่าพวกนางได้กลับกลายเป็นเข้าใจอย่างถ่องแท้ยิ่งนัก สัจธรรมที่ปราศจากผู้เทียบเทียม มองแวบเดียวแปรเปลี่ยนความยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย สัจธรรมทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นง่ายดายในสายตาของพวกนาง กลายเป็นไม่มีความสลับซับซ้อน
โดยเฉพาะพวกนางซึ่งมีพรสวรรค์ที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง ความลึกซึ้งพิสดารของสัจธรรมเช่นนี้ยิ่งปรากฎออกมาอย่างเต็มที่บนตัวของพวกนาง
เวลานี้ เหมยซู่เหยา และอวี่เชียนเสวียนทยอยนั่งลงเข้าฌานเพื่อบรรลุ กล่าวสำหรับพวกนางแล้วเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งครั้งหนึ่ง ใบชาสัจธรรมชนิดกฎเกณฑ์สิบสองสายหาใช่ใครก็สามารถได้ดื่มกินกันง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น สามารถบรรลุสัจธรรมใต้ต้นชาสัจธรรมแล้วยิ่งยากขึ้นไปอีก
เรียกได้ว่า ภายใต้การบรรลุสัจธรรมในลักษณะเช่นนี้ ทุกอย่างก็จะสำนึกตื่นตัว ความฉงนที่ปรกติแล้ววนเวียนอยู่ภายในจิตใจ ในเวลานี้ปัญหาต่างๆ ล้วนแล้วแต่แก้ตกได้ในทันที
ไม่เพียงแต่เหมยซู่เหยากและอวี่เชียนเสวียน ในเวลานี้ทั่วทั้งตัวของหลิวจินเซิ่นก็เปล่งประกายจางๆ ออกมา เมื่อเปรียบเทียบกับเหมยซู่เหยากับอวี่เชียนเสวียนแล้ว ประกายบนตัวของหลิวจินเซิ่นดูจืดจางกว่ากันมากทีเดียว และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายกับเหมยซู่เหยา และอวี่เชียนเสวียน แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หลิวจินเซิ่นยังคงทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเข้าฌานครุ่นคิด
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดก็คือหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่เป็นผู้ที่ได้ดื่มชาสัจธรรมมากที่สุด แต่กลับมีปฏิกิริยาที่เรียบเฉยที่สุด มีเพียงประกายจืดจางที่ลอยขึ้นมาแล้วก็หายไปเท่านั้นเอง
ในสายตาของบุคคลอื่น ภาพที่เห็นทำให้เข้าใจได้ว่าชาสัจธรรมที่พวกเขาดื่มเข้าไปให้ผลที่แตกต่างกัน ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่ และหลิวจินเซิ่นไม่เท่ากับเหมยซู่เหยา และอวี่เชียนเสวียน ยิ่งไปกว่านั้นเหมยซู่เหยา และอวี่เชียนเสวียนทั้งสองคนต่างมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศในหล้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของทุกคน
ดังนั้น เมื่อผู้คนจำนวมากที่ได้เห็นภาพนี้แล้วก็ต้องเข้าใจว่า หลังจากที่หลี่ชิเย่และหลิวจินเซิ่นดื่มชาสัจธรรมเข้าไปแล้วผลที่ได้ไม่ดี ขณะที่เหมยซู่เหยา กับอวี่เชียนเสวียนสองคนที่สามารถสำแดงพลังของชาสัจธรรมได้อย่างแท้จริง สามารถสำแดงพลังของชาสัจธรรมได้อย่างเต็มที่ ทำให้สามารถอาศัยอำนาจของชาสัจธรรมทำการตระหนักรู้ในสัจธรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากกลับไม่รู้ว่า นั่นเป็นเพราะการตระหนักรู้ในสัจธรรมของหลี่ชิเย่อยู่เหนือกว่าเหมยซู่เหยา อวี่เชียนเสวียน และหลิวจินเซิ่นไปมากทีเดียว
การที่หลิวจินเซิ่นมีปฏิกิริยาไม่ชัดเจนเท่ากับอวี่เชียนเสวียน และเหมยซู่เหยานั้น เป็นเพราะเขามีความแข็งแกร่งยิ่งทีเดียว เมื่อมาอยู่ในระดับเช่นนี้แล้ว อย่าว่าแต่เหมยซู่เหยาเลย ต่อให้เป็นอวี่เชียนเสวียน เมื่อเทียบกับเขาก็มีช่วงความห่างอย่างชัดเจน
เหมยซู่เหยา และอวี่เชียนเสวียนนั้นมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศในหล้า อีกทั้งด้านการบำเพ็ญเพียรก็ห่างชั้นและฝึกมาไม่นานเท่ากับหลี่ชิเย่ และหลิวจินเซิ่น ดังนั้น หลังจากดื่มชาสัจธรรมแล้วเรียกได้ว่า พวกนางได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้พวกนางตระหนักสรรพวิชา สามารถสื่อสารทางจิตกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้
“วานรได้แก้ว” เทพบุตรซือจงเห็นว่าหลังจากหลี่ชิเย่ดื่มชาสัจธรรมไปแล้วไม่มีผลอะไร จึงส่งเสียงฮึเบาๆ พูดเสียงแผ่วเบาว่า “เสียดายน้ำชาดีๆ ไป”
แน่นอน คำพูดของเทพบุตรซือจงก็เป็นคำพูดที่ปวดใจ จะอย่างไรเสียเขาก็ไม่มีโอกาสได้ดื่มชาดีๆ เช่นนี้ได้
“นั้นสิ” มีนักศึกษาของหอศักดิ์สิทธิ์ก็พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ดื่มน้ำชาดีๆ เข้าไปมากมายแล้วยังไม่มีผลอะไร นับว่าสิ้นเปลืองมากจริงๆ”
แน่นอนที่สุด บรรดานักศึกษาที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ทำได้แค่รู้สึกเสียใจเท่านั้นเอง ภายในใจของพวกเขารู้สึกอิจฉาอย่างยิ่ง
ขณะนี้นายน้อยทะยานฟ้าได้ส่งเสียงฮึออกมาคำหนึ่ง หันหลังจะเดินจากไปทันที
“ใครนะที่พูดว่าจะแสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง?” จังหวะที่นายน้อยทะยานฟ้ากำลังจะจากไป หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ศักดิ์สิทธิ์ลืมตาทั้งสองขึ้น กล่าวท่าทีเหนื่อยหน่ายขึ้นมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา นายน้อยทะยานฟ้าพลันมีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขีดสุด ก่อนหน้านั้นเขาเคยไว้เช่นนี้จริงๆ ว่า ถ้าหากหลี่ชิเย่สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายได้ เขาก็จะแสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
แรกทีเดียว สิ่งที่ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ การเก็บใบชาสัจธรรมสิบสองสายเป็นเรื่องของคนเพ้อฝัน เวลานี้หลี่ชิเย่กลับสามารถทำได้แล้ว
ดังนั้น กล่าวได้ว่า หน้าตาของนายน้อยทะยานฟ้าดูไม่ได้เลย ท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมากเขาไม่อาจไม่รักษาคำพูด จะอย่างไรเสียเขามีชื่อเสียงที่โด่งดัง หากไม่รักษาคำพูดก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องเสียหายไป
“ยังไม่รีบแสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้งอีก” หลี่ชิเย่สั่งการออกมาเรียบเฉย “ลูกผู้ชายอกสามศอก ต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
“ตกลง เกมนี้ข้าแพ้แล้ว” นายน้อยทะยานฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง หมอบกราบลงกับพื้น สามารถแสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้งได้จริงๆ กราบคารวะต่อหลี่ชิเย่
แม้ว่าภายในใจของนายน้อยทะยานฟ้าจะไม่ยินยอมอย่างยิ่ง กระทั่งออกจะโกรธเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่า จะอย่างไรเสียเขาก็มีชาติกำเนิดเป็นถึงผู้สืบทอดที่มาจากหนึ่งสำนักห้าเซียนหวัง ข้อนี้เขายังคงสามารถทำได้ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ กล้าได้กล้าเสีย ไม่เหมือนเช่นบุคคลบางส่วนที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะบุคคล แต่ไม่สามารถทำได้แบบกล้าได้กล้าเสีย
ดังนั้น เมื่อนายน้อยทะยานฟ้าแสดงท่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้งนั้น กลับทำให้นักศึกษาจากจวนราชันส่วนหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างลับๆ และรู้สึกว่านายน้อยทะยานฟ้าเป็นคนที่พูดได้ทำได้ มีความเป็นชายชาตรี มีความรับผิดชอบ
“อย่างนี้ถือว่าไม่ทำให้พรรคทะยานฟ้าต้องเสียหน้า” หลี่ชิเย่พยักหน้าเมื่อมองเห็นท่าทีที่แสดงความเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง โบกมือและกล่าวว่า “ไปเถอะ หากเจ้าไม่พอใจ สามารถท้าสู้กับข้าได้ทุกเวลา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...