สรุปเนื้อหา ตอนที่ 2037 โอรสราชันเซียนเฟย – ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล โดย Internet
บท ตอนที่ 2037 โอรสราชันเซียนเฟย ของ ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ราชันเซียนเฟยมีบุตรชายเช่นเจ้า นับว่าน่าภูมิใจแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “มีจำนวนเท่าไรที่บิดาเป็นพยัคฆ์ลูกเป็นสุนัข แต่เจ้าไม่เคยทำให้ชื่อเสียงของบิดาต้องเสื่อมเสีย”
“ท่านชมเกินไปแล้ว” ผู้เฒ่ายิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เทียบกับบิดาแล้ว ข้ายังห่างชั้นอีกมาก บิดาข้าปราดเปรื่องน่าทึ่งชั่วชีวิต ข้าเทียบได้แค่หนึ่งหรือสองในสิบเท่านั้น”
ที่แท้ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือบุตรชายที่กำเนิดจากราชันเซียนเฟยกับสาวงามอันดับหนึ่งของเผ่าเทพ และก็คือเทพผู้พิทักษ์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ไม่มีใครรู้จัก กระทั่งน้อยคนนักที่รู้ว่าเขายังคงมีชีวิคอยู่
กล่าวได้ว่าโอรสราชันเซียนเฟยมีชาติกำเนิดที่สูงส่งแต่กำเนิด บิดาของเขาคือราชันเซียนเฟย มารดาของเขาคือสาวงามอันดับหนึ่งของสิบสามทวีปในเวลานั้น ส่วนท่านตาของเขาไม่ต้องพูดถึง คือราชีนเทพจงหนานผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในตอนนั้น
กล่าวได้ว่าอาศัยชาติกำเนิดของเขาเรียกได้ว่าสูงส่งจนสุดจะเอ่ยถึง ยากจะหาผู้ที่มีชาติกำเนิดที่สูงส่งมากไปกว่าเขาอีกแล้ว การถือกำเนิดมาภายใต้ครอบครัวเช่นนี้ กล่าวได้ว่าโอรสราชันเซียนเฟยต้องการลมได้ลมต้องการฝนได้ฝน ได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามปรารถนา
ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ โอรสราชันจำนวนเท่าไรที่ต้องกลายเป็นผู้ที่โอหังอวดดีถืออำนาจบาตรใหญ่ หมางเมินทั่วหล้า ยโสโอหังอย่างยิ่ง
แต่ทว่า โอรสราชันเซียนเฟยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขามีความขยันหมั่นเพียรมาชั่วชีวิต พรสวรรค์ของเขาสูงยิ่ง อีกทั้งในฐานะที่เป็นสายเลือดเผ่าเทพมาครึ่งตัว ถึงกับมีสายเลือดที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามสายเลือดเซียนนั่นก็คือสายเลือดเสินหย่งนั่นเอง!
สุดยอดพรสวรรค์ในหล้า สุดยอดสายเลือดที่ปราศจากผู้เทียบเทียม บวกกับชาติกำเนิดที่สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียม โอรสราชันเซียนเฟยถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีความโดดเด่น ถูกลิขิตเอาไว้ว่าปราศจากผู้ต่อกร
แต่ว่า เขากลับมีบิดาที่ปราดเปรื่องคนหนึ่ง มีท่านตาที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรในหล้า จึงทำให้โอรสราชันเซียนเฟยดูสลดและอับแสงไปชั่วชีวิต
ใช่ว่าโอรสราชันเซียนเฟยไม่มีความพยายาม และไม่ได้หมายความว่าโอรสราชันเซียนเฟยเซียนเฟยไม่แข็งแกร่งพอ ความจริงแล้ว โอรสราชันเซียนเฟยมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาสามารถหมางเมินจอมราชันเซียนหวังมากมาย ปัญหาก็คือ ครอบครัวของเขามีความโดดเด่นมากเหลือเกิน
บิดาของเขาคือราชันเซียนจากเก้าแดนที่มีความปราดเปรื่องมากที่สุด ท่านตาของเขาคือผู้กุมบังเหียนของเผ่าเทพในเวลานั้น สุดยอดปราศจากผู้ต่อกร เมื่อจะต้องมีบิดาและท่านตาที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ตลอดกาล เรียกได้ว่าทำให้โอรสราชันเซียนเฟยมีความพยายามมาชั่วชีวิต และชยันหมั่นเพียรมาตลอดชีวิต
แต่ทว่า บิดาและท่านตาของเขาแข็งแกร่งมากเกินไปอย่างแท้จริง และมีความโดดเด่นมากเหลือเกิน เขาจึงต้องถูกครอบงำอยู่ภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตาของเขาตลอดชีวิต เนื่องจากเขาไม่สามารถแซงล้ำหน้าบิดาและท่านตาของเขาไปได้ จึงทำให้เขาต้องสลดและอับแสง
ความจริงแล้ว การที่มีบิดาและท่านตาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ต่อให้โอรสราชันเซียนเฟยได้ครอบครองชะตาฟ้าถึงสิบสองสาย ก็ยังไม่สามารถก้าวแซงล้ำหน้าบิดาและท่านตาของตนไปได้อยู่ดี! ภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตา เขายังคงดูไม่ละลานตาอะไรมากมายนักเหมือนเดิม
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ภายใต้รัศมีที่มีความละลานตามากที่สุดของบิดาและท่านตา โอรสราชันเซียนเฟยยังคงสามารถทำให้ตัวเองอยู่ในระดับที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้เองหลี่ชิเย่จึงได้ชื่นชมเขามากเช่นนี้
“นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว มีบิดาและท่านตาที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ต่อให้ไม่กลายเป็นลูกผู้ดีที่ไม่ยอมทำงานทำการใดๆ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ภายใต้การกดดันของภูเขาใหญ่สองลูกเช่นนี้ เกรงว่าคงทำให้เสียสติได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ไม่เป็นการโอ้อวด ทั้งบิดาและท่านตาต่างก็ปราศจากผู้ต่อกรถึงเพียงนี้ กระทั่งมารดาเองก็มีความโดดเด่นอะไรขนาดนั้น ในฐานะบุตรชายต่อให้เพียรพยายามเช่นใด ผู้อื่นก็จะรู้สึกว่ามันก็แค่นั้นอยู่เสมอๆ
“นี่แหละคือโชคชะตา” โอรสราชันเซียนเฟยยิ้มกล่าวว่า “ใครใช้ให้ข้าคือลูกของราชันเซียนเฟย หลานตาของราชันเทพจงหนานเล่า สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็คือได้แต่เพียรพยายามเข้าแล้ว”
ในสายตาของผู้อื่น ชาติกำเนิดของโอรสราชันเซียนเฟยไม่รู้ว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คนจำนวนเท่าไร ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องริษยา แต่ว่า กล่าวสำหรับผู้ที่มีใจใฝ่ความก้าวหน้า กล่าวสำหรับ ผู้ที่มีความมุ่งมั่นแล้ว มันคือเรื่องที่เจ็บปวดมากอย่างยิ่ง เนื่องจากเจ้าเพียรพยายามไปชั่วชีวิต ต่อสู้ตลอดชีวิต เจ้าก็จะไม่สามารถแซงล้ำหน้าผู้เป็นบิดาของตน แซงล้ำหน้าผู้ที่ท่านตาของตนเองไปได้ตลอดกาล
ต่อให้เจ้าทำได้โดดเด่นมากไปกว่านี้ ต่อให้เจ้าทำได้ดีเลิศมากไปกว่านี้ ผู้อื่นก็จะมองว่ามันก็แค่นี้เอง กระทั่งมีคนคิดว่าสิ่งนั่นเป็นเพราะได้รับอนิสงจากผู้เป็นบิดาและท่านตาเท่านั้น ไม่มีใครมองเห็นเบื้องหลังความพยายามของเจ้า ไม่มีใครมองเห็นความดีเลิศของเจ้า
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม โอรสราชันเซียนเฟยยังคงมีจิตใจที่เบิกบาน ต่อให้เขาไม่สามารถแซงล้ำหน้าผู้เป็นบิดาของตน แซงล้ำหน้าผู้ที่ท่านตาของตนเอง ต่อให้ตนเองต้องดูสลดและอับแสงภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตาของตนก็ตาม เขายังคงเฝ้าปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้อย่างเงียบๆ เนื่องจากสิ่งนี้คือแรงกายแรงใจของผู้เป็นบิดาของเขา!
“ก้าวเดินมาถึงวันนี้นับว่าไม่ง่ายเลย” หลี่ชิเย่พยักหน้า ในฐานะที่เป็นโอรสราชัน โอรสราชันเซียนเฟยมีความแข็งแกร่งกว่าร้อยเท่าเหนือกว่าโอรสราชันคนอื่นๆ ไม่รู้จำนวนเท่าไร หนึ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ ความแข็งแกร่งของบิดาและท่านตาของเขา ทำให้ผู้คนจำนวนมากในยุคสมัยนั้นไม่ได้รู้สึกว่าเขามีความพิเศษเพียงใด มีความยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรเช่นใด
“บิดาและมารดาล้วนแล้วแต่ไม่อยู่แล้ว นับเป็นเวลาที่ข้าจะได้ทำอะไรเพื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าบ้าง” โอรสราชันเซียนเฟยกล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่เพียงเป็นแรงกายแรงใจของบิดามารดา และท่านตาเท่านั้น ยังเป็นแรงกายแรงใจของปรัชญาเมธีร้อยชาติพันธุ์จำนวนมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ให้มันล้มลงไม่ได้ เพียงแต่เฒ่าหงำเหงือกอย่างข้าไม่รู้ว่าจะทนทุกข์ทรมานไปได้นานเท่าไร หวังว่าสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ก็จะมีอนาคตที่สว่างไสวยิ่งกว่าในอนาคต”
“นั่นสิ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้หลอมรวมแรงกายแรงใจของผู้คนจำนวนมากมายเหลือเกิน เคยมีราชันเซียนเก้าแดน เซียนหวังร้อยชาติพันธุ์จำนวนเท่าไรที่มาสอนอยู่ที่ตรงนี้กันเล่า และด้วยความที่ว่ามันได้หลอมรวมแรงกายแรงใจของผู้คนมากเกินไป ดังนั้นจึงได้กลายเป็นเนื้อชิ้นมันในสายตาของผู้คนจำนวนมาก ถ้าหากวันหนึ่งมันต้องล้มลงหละก็ จะมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เฮโลกันเข้ามา เกรงว่าผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่อยากจะกัดกินสักคำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป”
“เรื่องนี้คงพูดได้ยาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า การมีตำหนักสวรรค์จะส่งผลให้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด จะอย่างไรเสียหากเจ้าคิดจะแหงนหน้าขึ้นมอง ต้องการเข้าใจถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป ยังจะมีสิ่งใดล้ำลึกมหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าการบรรลุตำหนักสวรรค์ได้เล่า?”
“คำพูดของท่านก็มีเหตุผล” โอรสราชันเซียนเฟยเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ครั้งนั้นบิดาเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายก็จงใจทิ้งตำหนักสวรรค์เอาไว้ และท่านเองก็เคยพูดเอาไว้ว่า หากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ล้ม หากตำหนักสวรรค์ยังคงอยู่ เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด บางทีโลกของพวกเรายังคงมีความหวังอยู่”Aileen-novel
“ตำหนักสวรรค์ก็ให้มันคงอยู่ตรงนั้นก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอเพียงมันยังอยู่ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงเปี่ยมด้วยความหวัง แน่นอน หากว่าคราวนี้มีผู้ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดอยากได้มันมากหละก็มันคงเป็นเรื่องดี ในเมื่อมีผู้คอยคิดถึงตลอดเวลา ก็ให้คนเหล่านั้นเผยตัวออกมาก่อน”
“ถ้าหากว่าสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้ ก็จะแลกมาซึ่งความสงบสุขของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง” โอรสราชันเซียนเฟยก็พยักหน้าเบาๆ
“ต้องสนุกคึกครื้นแน่ ใครจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ใครที่คอยสอดแนมสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่ ถึงเวลานั้นก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา
สำหรับคำพูดนี้ โอรสราชันเซียนเฟยก็เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง
โอรสราชันเซียนเฟยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นจ้องมองดูหลี่ชิเย่ สุดท้าย เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่าน ข้ามีคำถามอยู่ข้อหนึ่งอยากถามท่านตลอดมา”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการถามอะไร” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าต้องการรู้เรื่องของการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายนั่น”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่ต้องการถามถึง เนื่องจากข้ายังเตรียมใจไม่พร้อม” โอรสราชันเซียนเฟยทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า อายุข้าก็มากแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้นานเท่าไร ข้าเชื่อว่าสิ่งที่ควรรู้ก็สมควรได้รู้แล้ว ท่านคือผู้ที่ข้ารู้มาว่าเป็นคนๆ เดียวที่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาจากที่ตรงนั้น ดังนั้น ข้าจึงตั้งใจถามท่านว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจริงๆ แล้วมีความหวังหรือไม่?”
ปัญหาข้อนี้ของโอรสราชันเซียนเฟยใช่ว่าเพิ่งจะนึกขึ้นมาโดยฉับพลันทันที ความจริงแล้วเขาอยากจะถามตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว แต่ว่าในใจของเขายังคงหวาดกลัวต่อคำตอบที่จะได้รับ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามตลอดมา มาคราวนี้เขาทนไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“บางที นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบกับท่าน เกรงว่าในอนาคตท่านก็จะก้าวขึ้นสู่เส้นทางสายนี้ หากเวลานี้ข้าไม่ถามท่าน เป็นไปได้อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เมื่อพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาแล้ว โอรสราชันเซียนเฟยได้ทอดถอนใจยาวๆ ออกมา เมื่อได้ปลดของหนักลงจากบ่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...