เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พลันดึงดูดผู้เฒ่าทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ และดึงดูดนักศึกษาทุกคนเอาไว้ รวมทั้งนักศึกษาที่อยู่ด้านนอกลานธรรมก็ไม่เว้น
“เคยมีผู้คนจำนวนมากถามข้าว่า อาจารย์ โลกนี้มีเซียนหรือไม่?” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวถึงตรงนี้ท่าทีของเขาดูหนักแน่นยิ่งนัก เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ส่วนใหญ่แล้วสำหรับปัญหาข้อนี้ข้าก็จะไม่ให้คำตอบ เนื่องจากปัญหาข้อนี้ไม่สามารถพูดให้ละเอียดมาก พูดละเอียดเกินไปก็จะทำให้เกิดเป็นมารผจญขึ้นภายในใจของเจ้า!”
“…วันนี้ สิ่งที่ข้าอยากจะพูดถึงก็คือ บนโลกของพวกเรา ในเก้าแดน ในสิบสามทวีปไม่มีเซียน แต่ สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้ไม่มีเซียน!” หลี่ชิเย่กล่าวช้าๆ ว่า “อย่างไรก็ตาม เซียนไม่ได้เหมือนอย่างที่จิตใจของพวกเจ้าจินตนาการเอาไว้อย่างนั้น เหนือศีรษะของพวกเรา เมื่อแหงานหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้า เจ้าสามารถไปสำแดงจินตนาการของตนออกมาเต็มที่ ไปเพ้อฝัน ไปจินตนาการให้ไกล…”
“…พวกเจ้าอาจสามารถจินตนาการได้ว่า ที่ยึดครองพื้นที่เหนือศีรษะของพวกเจ้าก็คือเซียนที่เป็นอมตะตลอดกาล แต่ว่า พวกเจ้ากลับไม่ได้นึกถึงว่า บางทีสิ่งที่ยึดครองพื้นที่เหนือศีรษะพวกเข้าคือมารร้าย เป็นเงามืดที่พวกเจ้าไม่สามารถจินตนาการได้ตลอดกาล” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ท่าทีของหลี่ชิเย่ดูหนักแน่นจริงจัง กล่าวต่อไปว่า “บางทีอาจะเป็นเซียน บางทีอาจเป็นมาร จะเป็นเซียนหรือมารเจ้าไม่รู้ คนอื่นก็ไม่รู้ แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว อะไรกันแน่ที่กลายเป็นเซียน และอะไรกันแน่ที่กลายเป็นมาร! เป็นเพราะชาติกำเนิดรึ? เป็นเพราะเผ่าพันธุ์รึ? และหรือประสบการณ์ชีวิตรึ?”
“…ทั้งหมดล้วนไม่ใช่ เป็นเพราะหัวใจดวงหนึ่ง จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่ง! จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งของเจ้าตัดสินเส้นทางในอนาคตของเจ้า ตัดสินว่าเจ้าเป็นเซียน หรือเป็นมาร!” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “ความจริงแล้ว ยามที่เจ้าแหงนหน้ามองท้องฟ้า สิ่งที่สามารถเป็นตัวตัดสินเจ้าอยู่เสมอๆ ไม่ใช่ทักษะของเจ้า ไม่ใช่ตระกูลของเจ้า และไม่ใช่ประสบการณ์ชีวิตของเจ้า แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งของเจ้า!”
“…หนทางยาวไกล หนทางของพวกเรายาวมาก เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งของเจ้า บางทีอาจเป็นตัวตัดสินว่าเจ้าสามารถก้าวเดินไปได้ไกลแค่ไหน แต่ว่า การตัดสินที่พักพิงสุดท้ายของเจ้ากลับเป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า! เมื่อเจ้ามีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเช่นใดอยู่ในครอบครองเช่นใด ก็ได้ตัดสินตำแหน่งของเจ้าแล้ว จิตใจกว้างขวางแค่ไหน ฟ้าก็จะกว้างเท่านั้น พื้นดินจึงจะกว้างเท่านั้น…” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ทุกคำพูดที่เข้าหูเสมือนหนึ่งเป็นเสียงสวรรค์อย่างนั้น
ทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่ ล้วนแล้วแต่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ไม่ได้เกี่ยวพันถึงเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งและยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกร เพียงแค่พูดถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งเท่านั้น!
แค่พูดถึงเรื่องจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งนี่แหละ กลับทำให้ทุกคนรับฟังอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน อย่าว่าแต่นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์เลย แม้แต่เซียนหวัง และเหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็รับฟังอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินเช่นกัน พวกเขาล้วนแล้วแต่ฟังจนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง มีเพียงคำพูดแต่ละคำของหลี่ชิเย่เท่านั้น
แม้แต่กู่ฉวี่หังที่ท้าสู้กับหลี่ชิเย่ก็ฟังอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน เรียกได้ว่าเนื้อหาที่หลี่ชิเย่บรรยายในคาบนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเอื้อมถึงมาก่อนในอดีต กรทั่งกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่เขาละเลยไปโดยสิ้นเชิง
“กล่าวได้ว่า แม้แต่กู่ฉวี่หังก่อนหน้านั้นก็ให้ความใส่ใจในเรื่องของจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรน้อยมาก กล่าวสำหรับเขาแล้วยังจะมีสิ่งใดสำคัญเหนือกว่าสุดยอดพรสวรรค์ของเขาได้เล่า?”
หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือว่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และหรือเซียนหวัง กระทั่งม่อเชียนจวินก็นั่งฟังอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
กล่าวได้ว่า การบรรยายคาบนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้มีการรับรู้ของแต่ละคนแตกต่างกันไป ผู้ที่มีสติปัญญาด้อยฟังว่าต้องมั่นคงในสัจธรรม นักศึกษาประเภทอัจฉริยะฟังว่าจะต้องยืนหยัดในความตั้งใจแรกเริ่ม ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งมากไปกว่านี้ เป็นต้นว่าเซียนหวังกลับจะตื่นตัวอย่างระมัดระวังกับอนาคตของตนเอง
เนื้อหาที่หลี่ชิเย่บรรยายนั้นช่างดึงดูดใจผู้คนเหลือเกิน แม้แต่เซียนหวังยังถูกดึงดูดอย่างยิ่งเช่นกัน ทำให้บังเกิดความจินตนาการไปไกลอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้น บนโลกนี้มีเซียนหรือไม่? ถ้าหากมีเซียนอยู่จริง และจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด ขณะที่ผู้เป็นเซียนหวัง คิดจะมุ่งไปบนเส้นทางของเซียนแท้จริง แล้วจะต้องยืนหยัดอย่างไร…
ขณะที่หลี่ชิเย่บรรยายออกมาช้าๆ ทุกคนที่อยู่ในบริเวณลานธรรมไม่มีใครที่บังเกิดสัจธรรมที่สอดประสานเกิดขึ้น ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ปรากฏ กระทั่งแม้แต่ผนังสัจธรรมก็ดูจะเงียบสงบเป็นพิเศษ
ดูเหมือนว่านาทีนี้ไม่เพียงนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ ผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และเซียนหวังเท่านั้นที่กำลังตั้งใจฟังการบรรยายของหลี่ชิเย่ กระทั่งแม้แต่กฎเกณฑ์สัจธรรม กระทั่งเป็นสุดยอดสัจธรรมสูงสุดในเวลานี้ก็กำลังตั้งใจฟังการบรรยายของหลี่ชิเย่อย่างเงียบๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่มาบรรยายในลานธรรม ผู้คนจำนวนมากจะอาศัยการสอดประสานของสัจธรรมที่รุนแรงหรืออ่อนมาเป็นตัวตัดสินว่าเนื้อหาการบรรยายของอาจารย์ผู้นี้ดีถึงระดับเช่นใด
แต่ทว่า ในขณะนี้ทุกคนต่างก็ถูกเนื้อหาที่หลี่ชิเย่บันยายนั้นดึงดูดอย่างเต็มที่ ทุกคนลืมสิ้นทุกอย่างที่อยู่นอกกาย ไม่มีใครไปใส่ใจเรื่องสัจธรรมสอดประสาน ไม่มีใครสนใจว่าตนเองนั้นได้รับอะไรมากน้อยเท่าไร ทุกคนต่างลืมเรื่องนี้ไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาจำได้มีเพียงทุกๆ คำพูดของหลี่ชิเย่เท่านั้น
“หนทางยาวไกล อนาคตอันยาวไกลไร้ขอบเขต เส้นทางสายนี้จะเชื่อมไปที่ใด สุดท้ายแล้วยังต้องอาศัยตัวเจ้าเอง อาศัยจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้านำทางเจ้าก้าวไปข้างหน้า มันส่องสว่างบนเส้นทางของเจ้า…” ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ได้บรรยายคาบนี้จบสิ้นลง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “การบรรยายในวันนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้”
พลันที่คำพูดของหลี่ชิเย่พูดขาดคำ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นนัดศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า หรือผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และหรือเหล่าเซียนหวัง พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถเรียกสติคืนกลับมาจากคาบการบรรยายที่น่าตื่นเต้นในเวลานี้
ครั้นหลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินลงมาจากแท่นบรรยาย พวกของผู้เฒ่าม่อจึงได้สติกลับมาจากการบรรยายที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นนั้น เวลานี้ ปรากฏเสียงปรบมือดั่งขึ้นก้องไปทั้งหุบเขาดั่งเสียงฟ้าร้อง
เปาะแปะ เปาะแปะ เปาะแปะเสียงปรบมือดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นพวกของผู้เฒ่าม่อที่เป็นผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้า หรือว่าเซียนหวังอย่างเช่นพวกราชันทักษิณต่างทยอยกันลุกขึ้นยืน มองตามการเดินจากไปของหลี่ชิเย่พร้อมด้วยเสียงปรบมือที่ให้ความเคารพ และอบอุ่นสูงสุด เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อหลี่ชิเย่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...