ในวันนี้ชื่อเสียงของหลี่ชิเย่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าโด่งดังมาก ทอดสายตามองออกไปทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้า ใครบ้างที่ไม่รู้จักหลี่ชิเย่ ใครบ้างที่ไม่หวั่นเกรงต่อหลี่ชิเย่?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนที่เคยเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่ ก่อนหน้านั้นพวกของนายน้อยทะยานฟ้ายังมองข้ามหลี่ชิเย่ ไม่เห็นหลี่ชิเย่อยู่ในสายตา
แต่เวลานี้แตกต่างกันแล้ว แม้แต่ระดับเซียนหวังยังต้องให้เกียรติหลี่ชิเย่อยู่สามส่วน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่เป็นเพียงนักศึกษาสามคนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าต้องระมัดระวังไม่เพียงเพราะพวกเขาหวาดกลัวหลี่ชิเย่ในใจเท่านั้น ยังเป็นเพราะพวกเขากินปูนร้อนท้อง
“อาจารย์ พวก พวกเรากำลังตามฆ่ามดประหลาดฝูงหนึ่งจนมาถึงที่นี่” ภายในใจของเทพบุตรซือจงเต้นกระตุกทีหนึ่งเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ แม้แต่คำพูดก็ดูจะไม่ลื่นไหลเป็นพิเศษ
แน่นอนที่สุด ที่พวกเขาบอกว่าตามล่ามดประหลาดฝูงหนึ่งนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเอง เทพบุตรซือจงรู้จักเคล็ดวิชาควบคุมสัตว์ พวกเขาเจอะเจอเข้ากับมดประหลาดฝูงหนึ่งเข้าพอดี หากเป็นนักศึกษาคนอื่นๆ เมื่อเจอะเจอปลาที่รอดตาข่ายมาจะต้องทำการสังหารเสียแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
แต่ว่า พวกของเทพบุตรซือจงกลับไม่ทำเช่นนั้น เดิมทีพวกเขาก็ต้องการหาเหตุเพื่อเข้าไปฉกฉวยโอกาสในเรือนตำราอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อเจอะเจอกับมดประหลาดฝูงใหญ่ที่มุดดินได้ มิเท่ากับสวรรค์ส่งเสริมพวกเขารึ?
ดังนั้น เทพบุตรซือจงจึงอาศัยเคล็ดวิชาควบคุมสัตว์ ทำการต้อนมดประหลาดฝูงนี้ไปยังเรือนตำรา แล้วให้มดประหลาดฝูงใหญ่นี้มุดลงใต้ดินไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็มีข้ออ้างในการขุดค้นพื้นที่ของเรือนตำราได้อย่างเปิดเผย
เนื่องจากตามการคาดการณ์ของกู่ฉวี่หัง ของวิเศษยอดเยี่ยมที่ซ่อนอยู่ในเรือนตำราอาจจะฝังอยู่ใต้ดินภายในเรือนตำรา ส่วนรายละเอียดที่ว่าอยู่ตำแหน่งไหนนั้น กู่ฉวี่หังเองก็บอกไม่ถูก ได้แต่กำหนดตำแหน่งเคร่าๆ ให้กับพวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนเท่านั้น
ความจริงแล้ว เรื่องที่ว่าของวิเศษยอดเยี่ยมที่ซ่อนอยู่ภายในเรือนตำราคืออะไรกันแน่ กู่ฉวี่หังเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเป็นพิเศษ แต่ข่าวที่เขาได้มาสามารถยืนยันได้เต็มร้อยว่า ในเรือนตำราได้ซ่อนของวิเศษที่สะเทือนฟ้าดินยิ่งชิ้นหนึ่งเอาไว้ ส่วนจะเป็นของวิเศษอะไรนั้น แม้แต่คนที่ส่งข่าวให้กับเขาก็ไม่รู้แน่ชัดนัก
ที่ยืนยันได้ก็คือ ของวิเศษชิ้นนี้ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก อีกทั้งยังซ่อนอยู่ภายในเรือนตำรา กระทั่งกล่าวได้ว่า ของวิเศษชิ้นนี้อาจเป็นรากฐานของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ลองนึกภาพดู สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงใด สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีธาตุแท้ภายในเช่นใด ถ้าหากแม้นของวิเศษชิ้นนี้คือรากฐานของสถาบันศึกษาเทพเจ้าหละก็ เช่นนั้นแล้ว ของวิเศษชิ้นนี้ก็น่ากลัวเหลือเกิน ฝืนลิขิตสวรรค์เหลือเกิน รับรองว่าคู่ควรแก่ใครก็ตามที่จะเสี่ยงกับมันสักครั้ง
ด้วยเพราะเหตุนี้เอง หลังจากที่กู่ฉวี่หังสำเร็จการศึกษาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว จึงยังคงรั้งอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเพื่อสอนหนังสือ จุดประสงค์ของเขาก็คือต้องการได้ครอบครองของวิเศษชิ้นนี้ เสียดาย ในอดีตกู่ฉวี่หังก็เคยทำการพินิจพิเคราะห์อยู่ในเรือนตำรามาก่อน แต่ไม่สามารถค้นพบร่องรอยอะไรได้ มีเพียงความเป็นไปได้อย่างเดียวต้องขุดลึกลงใต้พื้นดินเท่านั้น
ในช่วงเวลาปรกติ หากเขาทำการขุดค้นพื้นดินหละก็ต้องสร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็เท่ากับไปแหย่รังแตนเข้า
ดังนั้น ถือโอกาสที่มีภัยพิบัติในครั้งนี้ กู่ฉวี่หังจึงยุยงให้พวกนายน้อยทะยานฟ้าเข้าไปทำการขุดลึกลงไปใต้พื้นดิน คาดหวังสามารถถือโอกาสนี้มองออกถึงเส้นสนกลในได้บ้าง ดูว่าของวิเศษยอดเยี่ยมชิ้นนี้ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกซ่อนเอาไว้ที่ใดกันแน่
“ตามฆ่ามดประหลาด?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวจางๆ ขณะมองดูพวกของนายน้อยทะยานฟ้า
“ถูกต้อง” นายน้อยทะยานฟ้ารีบกล่าวว่า “อาจารย์ มดประหลาดฝูงนี้ได้มุดเข้าไปในเรือนตำราพวกเรา พวกมันหลบลงไปอยู่ใต้พื้นดิน หากไม่เร่งขับไล่พวกเขาออกมาจากใต้ดิน เกรงว่าจะเป็นภัยต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเรา และจะเป็นหนามยอกอกของพวกเรา”
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา พยักหน้าและกล่าวว่า “น่าสรรเสริญในความกล้าหาญ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เองมอบให้ข้าจัดการก็พอแล้ว ข้าจะจัดการทำลายมดประหลาดเหล่านี้เอง พวกเจ้ายังคงไปลาดตระเวนและเฝ้าดูสถานที่อื่นเถอะ สถาบันศึกษาเทพเจ้ากว้างใหญ่มาก ทุกที่ล้วนแล้วแต่ต้องการคนทั้งนั้น”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนตะลึงนิดหนึ่ง พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลี่ชิเย่จะทำเช่นนี้ เวลานี้พวกเขาล้วนแล้วแต่ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
เดิมทีพวกเขาได้เตรียมการมาอย่างดี จุดประสงค์ของพวกเขามาด้วยของวิเศษใต้พื้นดินของเรือนตำรา เวลานี้จะให้พวกเขาละทิ้งเลย พวกเขาไม่อาจตัดใจได้
“อาจารย์ มดประหลาดมีเป็นจำนวนมาก เกรงว่าอาจารย์จะมีคนไม่พอ ศิษย์ยินดีรั้งอยู่ที่นี่เพื่อใช้แรงงานรับใช้อาจารย์ สุดแต่อาจารย์จะสั่งการ” เวลานี้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนมองตากันและกัน สุดท้ายเทพบุตรซือจงรีบเอ่ยขึ้นมา
ไม่ง่ายนัก กว่าอ้อยจะเข้าปากช้าง พวกเขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน เวลานี้เรือนตำรามีแต่ความเงียบสงบ บรรดาอาจารย์และนักศึกษาหากไม่ใช่วุ่นอยู่กับการต่อต้านและสังหารสัตว์และวิหคยักษ์ ก็คือหลบซ่อนตัวกันหมดแล้ว เรียกได้ว่าในเรือนตำราที่ใหญ่โตมีเพียงหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าหากพลาดโอกาสดีเช่นนี้ไป เกรงว่าวันหน้าไม่ใช่โอกาสของเขาอีกแล้ว
ถ้าหากพวกเขาสามารถได้ของวิเศษยอดเยี่ยมชิ้นนี้จากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปได้ ต่อให้พวกเขาไม่สามารถยึดเอาไว้เป็นของตนได้ แต่มอบให้กับเซียนหวังของสำนักพวกเขา เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะเป็นขุนนางผู้มีคุณูประการยิ่งใหญ่ อนาคตจะต้องได้รับการให้ความสำคัญจากเซียนหวังของสำนักเป็นแน่แท้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว พวกเขาก็จะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด จะต้องเรียกลมเรียกฝนได้แน่นอน
เวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว จัดการตั้งข้อกล่าวหาให้กับหลี่ชิเย่เอาไว้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนให้มั่นคงก่อน
“พวกเจ้าก็รู้ว่าเรือนตำรามีของวิเศษที่เยียมยอดนะเนี่ย” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ใครเป็นคนบอกพวกเจ้าว่าในเรือนตำรามีของวิเศษที่ยอดเยี่ยมหละ?”
เวลานี้พวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่ต่างรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปแล้ว เมื่อได้ยินหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ พวกเขาถึงกับมองตากันและกัน
“ฮึ พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าก็มาเพื่อของวิเศษยอดเยี่ยมในเรือนตำราหน่ะสิ!” ไหนๆ ก็ได้พูดออกไปแล้วดุจน้ำที่ถูกสาดออกไป ยุวกษัตริย์หกกระบี่จึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “ของวิเศษยอดเยี่ยมในเรือนตำราก็ไม่ใช่ของในบ้านเจ้า เจ้าสามารถแตะต้องได้ คนอื่นก็สามารถแตะต้องได้เช่นกัน!”
เดิมทียุวกษัตริย์หกกระบี่ก็มีความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว เวลานี้เขาจึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ไหนๆ ก็หักหน้ากันอย่างเปิดเผยแล้วก็ถือโอกาสพูดมันออกมาตรงๆ เสียเลย
เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าคิดจะห้ามก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว เมื่อพูดออกมาเช่นนี้แล้ว พวกเขายังจะทำอะไรได้อีก? ได้แต่กัดฟันลุยให้ถึงที่สุด ถึงจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนสูงเช่นใดก็ยอม!
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพวกเจ้าก็คิดอยากได้ของวิเศษยอดเยี่ยมของเรือนตำราสิ” หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด กล่าวเอ้อระเหยออกมา
ลำพังอาศัยผู้เยาว์อย่างพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่สามคน ยังไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องของตำหนักสวรรค์ได้ การที่พวกเขารู้ นั่นย่อมหมายถึงเบื้องหลังของพวกเขาต้องมีจอมราชันเซียนหวังให้ท้าย มิฉะนั้นหละก็ ต่อให้ชั่วชีวิตของพวกยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องความลับยิ่งใหญ่นี้ได้
“อาจารย์ก็มิใช่เป็นเช่นนี้เล่า” ในเวลานี้นายน้อยทะยานฟ้ากล่าวเสียงเย็นชาว่า “มิฉะนั้นหละก็ การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัยถึงตัว เพราะอะไรอาจารย์จึงนิ่งเฉยไม่ทำอะไรอยู่ที่นี่ ไม่รบเคียงบ่าเคียงไหลร่วมกับอาจารย์คนอื่นๆ สังหารตสัตว์ประหลาด การที่อาจารย์รั้งอยู่ที่ตรงนี้ก็แค่ต้องการถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ขณะชุลมุน ถือโอกาสขโมยของวิเศษยอดเยี่ยมของเรือนตำราไป”
“พวกเจ้าคิดว่าลำพังอาศัยพวกเจ้าสามารถนำเอาของวิเศษยอดเยี่ยมไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้รึ?” หลี่ชิเย่ไม่ได้แสดงอาการโกรธยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
“อาจารย์ จริงอยู่ท่านแข็งแกร่งมาก” ในเวลานี้แววตาของเทพบุตรซือจงดูน่าเกรงขาม กล่าวช้าๆ ขึ้นมาว่า “แต่ว่า โลกนี้ไม่เพียงท่านเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ในสิบสามทวีปยังมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนมาก ในเมื่อพวกเรากล้ามา ก็ไม่ได้ลงมือโดยพละการ หากอาจารย์รู้จักกาลเทศะก็จงร่วมมือกับพวกเรา หากว่ามีผลประโยชน์อันใด ย่อมต้องมีส่วนของอาจารย์ด้วยอย่างแน่นอน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...