เพื่อทำการปิดผนึกโลกดึกดำบรรพ์แล้ว ทำให้บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปลีกตัวไม่ได้ เวลานี้เป็นโอกาสเข้ารุกรานสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ดีที่สุด กล่าวได้ว่า ในเวลานี้คือช่วงจังหวะที่กำลังของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอ่อนแอมากที่สุด! เมื่อปราศจากการปกป้องคุ้มครองของผู้เฒ่า กำลังของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะอ่อนลงมากทีเดียว
ในเวลานี้เอง อาจารย์บางคนจึงได้เข้าใจว่า เพราะอะไรอันตรายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
ขณะที่บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าบางส่วนไม่รู้ถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใจ มองเห็นสถานการณ์ล่มสลายถูกตรึงเอาไว้ได้แล้ว จึงรู้สึกโล่งอก และกล่าวว่า “ในที่สุดสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็รอดแล้ว”
เสียงปัง…ดังขึ้น ในขณะที่นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าสามารถตรึงสถานการณ์ได้แล้ว ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าพลันปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น มีผู้ที่ทำลายท้องฟ้าและปรากฎตัวขึ้นบนท้องฟ้าของโลกดึกดำบรรพ์ในทันที
เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง อานุภาพจอมราชันที่น่าเกรงขามสายหนึ่งถูกเทราดลงมาจากบนท้องฟ้า ด้วยอานุภาพจอมราชันที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรพลันตลบอบอวลไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามไม่คิดจะเก็บงำพลังแม้แต่น้อย ปล่อยให้อานุภาพจอมราชันของตนตลบอบอวลไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า คลบอบอวลไปทั่วโลกดึกดำบรรพ์อย่างอิสระ
ผู้คนจำนวนมากต่างตกใจไปกับอานุภาพจอมราชันที่มาอย่างกะทันหัน ต่างทยอยกันแหงนหน้าขึ้นมอง บนท้องฟ้าปรากฏเงาสายหนึ่ง เงาสายนี้มีผมสีดำที่สยาย เป็นราชันมารปราศจากผู้ต่อกรผู้หนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่บนนั้น ขณะที่ด้านหลังของราชันมารปรากฏเป็นประตูมิติบานหนึ่ง เหมือนว่าจากโลกที่ห่างไกลก็สามารถมาถึงที่ตรงนี้ได้โดยพลัน
“สหายอวี่หลุนมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” เวลานี้ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏร่างเงาที่แก่หง่อม คนผู้นี้ก็คืออดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้านั่นเอง เขาปรากฏตัวออกมาน้อยมากแล้ว
“อวี่หลุน?” หลายคนที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ตามติดด้วยอาการตกใจยิ่งของผู้คนจำนวนมาก มีนักศึกษาที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ และขนลุกขนพองด้วยความหวาดกลัว กล่าวว่า “เขา เขา เขาคือราชันมารอวี่หลุน ผู้ก่อตั้งตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน!”
“ถูกต้อง เป็นเขานั่นเอง ราชันมารอวี่หลุน จอมราชันผู้มีสิบสองลัคนาและชะตาฟ้าสิบสาย” นักศึกษาอัจฉริยะของจวนราชันมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวพยักหน้าขึ้นมา
“จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสายมาแล้ว” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว
ทวีปเจียวเหิงโจวในทุกวันนี้กล่าวได้ว่าเป็นโลกของร้อยชาติพันธุ์ไปแล้ว ร้อยชาติพันธุ์มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ณ ที่ตรงนี้ แต่ทว่า ไม่ได้หมายความว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจะไม่มีที่ยืน ตัวแทนหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน
ตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนเป็นตระกูลที่เก่าแก่โบราณ ก่อตั้งขึ้นโดยราชันมารอวี่หลุน พวกเขาเป็นตระกลูใหญ่ของเผ่ามาร คือสำนักที่เป็นหนึ่งสำนักสี่ราชัน มีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งมาก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถยืนหยัดอยู่ในทวีปเจียวเหิงโจวที่ที่ร้อยชาติพันธุ์มีความเจริญรุ่งเรื่องยิ่ง
เวลานี้ ร่างเงาที่มองเห็นบนท้องฟ้านั้นหาใช่เป็นการมาด้วยตนเองของราชันมารอวี่หลุน แต่ว่า ด้านหลังของร่างเงานี้กลับเปิดประตูมิติเอาไว้ ร่างจริงของราชันมารอวี่หลุนสามารถมาด้วยตนเองทุกเมื่อหากจำเป็น
“ยามที่วาฬยักษ์ตัวหนึ่งกำลังจะตายในท้องทะเล ฉลามที่กระหายเลือดย่อมต้องรุมกันเข้าไป กักกินอย่างอิ่มหมีพีมันสักมื้อ” ร่างเงาของราชันมารอวี่หลุนกล่าวขึ้นมาช้าๆ ขณะยืนอยู่บนท้องฟ้า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็คือวาฬยักษ์ตัวหนึ่งที่ทำให้ผุ้คนอยากได้มาก ขณะที่ข้านั้นคือฉลามที่กำลังหิวโซ ข้าได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว รอกินมื้อใหญ่อยู่”
เวลานี้ ราชันมารอวี่หลุนบอกกล่าวถึงจุดประสงค์การมาของตนออกมาโดยตรง ไม่ต้องมีการปิดบังใดๆ บอกเล่าถึงจิตใจที่ทะเยอทะยาน เขาช่างไม่สะทกสะท้าน ช่างตรงไปตรงมาอะไรอย่างนั้น
กล่าวสำหรับจอมราชันองค์หนึ่งแล้ว เป็นเรื่องที่ปรกติมากกับการกินผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่มีอะไรจะต้องไปอับอาย ดังนั้น ราชันมารอวี่หลุนจึงพูดออกมาอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ดีจอมปลอม ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใจบุญจอมปลอม!
คำพูดเช่นนี้ของราชันมารอวี่หลุนได้ทำให้นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากต้องสั่นเทาทีหนึ่ง แม้จะกล่าวว่าราชันมารอวี่หลุนคือจอมราชันองค์หนึ่งที่อยู่ที่ตรงนี้ แต่ สมควรทราบว่าตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนคือหนึ่งสำนักสี่จอมราชัน โดยราชันมารอวี่หลุนคือผู้ก่อตั้งตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน การที่เขากล้าก้าวออกมาและพูดเช่นนี้ เท่ากับเป็นตัวแทนของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า ขอเพียงราชันมารอวี่หลุนลงมือ จอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนก็ต้องยืนอยู่ค่ายเดียวกัน
ย่อมไม่ต้องสงสัย เวลานี้ได้มีจอมราชันสี่องค์ได้จับจ้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้แล้ว หมายจะแบ่งสันปันส่วนเนื้อชิ้นมันที่เป็นสถาบันศึกษาเทพเจ้าชิ้นนี้
“ความทะเยอทะยานของสหายอวี่หลุนไม่ธรรมดาเลยนะ” คำพูดที่อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าพูดตอบกลับดังสะท้อนก้องอยู่ในมุมทุกๆ มุมของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และกล่าวว่า “รากฐานหมื่นยุคของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไหนเลยจะล้มลงได้ สหายยังคงละทิ้งความพยายามนี้เสีย เชิญกลับไปได้ อย่าทำให้คนต้องเดือดร้อน”
แม้จะกล่าวว่า ที่อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าเผชิญหน้าอยู่นั้นคือจอมราชันผู้มีชะตาฟ้าสิบสองสาย น้ำเสียงคำพูดของอดีตผู้อำนวยการสถาบันยังคงหนักแน่นมีพลัง ต่อให้ต้องเผชิญห้ากับจอมราชันถึงสี่องค์ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ใช่หรือไม่ คำตอบจะได้รับการเฉลยเร็วๆ นี้ พี่ท่าน ข้าเองเป็นคนที่มีความอดทน ข้าจะรอจนกว่าวาฬยักษ์หมดแรง” ราชันมารอวี่หลุนอมยิ้มและกล่าวว่า “ฉลามดุร้ายยามที่จะล่าสังหารเหยื่อ มักจะรอจนกว่าเวลาที่เหยื่ออ่อนแรงมากที่สุดแล้วค่อยรุมโจมตีทีเดียว จัดการแยกร่างเหยื่อในครั้งเดียว”
สำหรับคำพูดของราชันมารอวี่หลุนนั้น อดีตผู้อำนวยการสถาบันไม่ตอบโต้อีก ในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายมัวแต่ต่อปากต่อคำก็ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด อีกอย่าง ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นผู้ที่มีศักยภาพทั้งสิ้น ท้ายสุดแล้ว ใครสามารถหัวเราะได้เป็นคนสุดท้ายยังคงต้องอาศัยศักยภาพมาตัดสิน.ไอลีนโนเวล.
อย่างไรก็ตาม คำพูดของราชันมารอวี่หลุนกลับจะสร้างเงามืดให้เกิดขึ้นภายในใจของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อย เวลานี้เหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ไม่สามารถปลีกตัวได้เลย ถ้าหากบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ต้องการได้สถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวลานี้คือโอกาสที่ดีที่สุด
อันตรายเพิ่งจะเริ่มต้น คำพูดคำนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
ราชันเซียนไป่เลี่ยนคือราชันเซียนจากเก้าแดนที่มีชาติกำเนิดมาจากแดนสมุนไพรแร่ธาตุ เขาเคยก่อตั้งตระกูลไป่เลี่ยนขึ้นที่แดนสมุนไพรแร่ธาตุ
ได้ยินว่า ราชันเซียนไป่เลี่ยนคือต้นเถาวัลย์ไป่เลี่ยนร้อยปีต้นหนึ่งที่บรรลุมรรคผล สามารถวัฏสงสารนับร้อยครั้ง ตายยากมาก เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้
เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนมาปรากฏตัวอยู่ที่ตรงนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้
“มิบังอาจ สหายกล่าวหนักไปแล้ว” ราชันเซียนไป่เลี่ยนกล่าวว่า “ข้ากับสหายหลายท่านมาที่นี่เพื่อต้องการทำการค้าสักนิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าคิดเช่นใด?”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจ ผู้ที่สามารถให้ราชันเซียนไป่เลี่ยนเรียกว่าเป็น ‘สหาย’ ได้ ย่อมไม่ใช่ประเภทไร้ชื่อเสียง เกรงว่าคงต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในระดับจอมราชันเซียนหวังแล้ว เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนก็ไม่ได้มาเพียงลำพังคนเดียว มันคือกำลังที่แข็งแกร่งมากสายหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าจะทำการค้าเช่นใด?” เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้น
“ได้ยินมาว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าของเจ้ามีของสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าตำราและอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนิรันดร์กาลอยู่ ข้าและสหายหลายท่านไม่กล้าโลภมาก ขอเพียงตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นนี้ก็พอ” ราชันเซียนไป่เลี่ยนกล่าวว่า “แน่นอน พวกเราก็จะไม่เอาของดีจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปเฉยๆ พวกเจ้ามอบตำราและอาวุธสวรรค์ให้กับพวกเรา ขณะที่พวกเราจะช่วยพวกเจ้าอีกแรงในยามคับขัน สหายคิดว่าการค้าเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
พลันที่ราชันเซียนไป่เลี่ยนพูดคำๆ นี้เออกมา ทำให้บุคคลต่างๆ รู้สึกเย็นวาบในใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเย็นวาบในใจคือการกระทำเช่นนี้ของราชันเซียนไป่เลี่ยนเท่ากับเป็นการบังคับซื้อขาย ฉวยโอกาสที่ผู้อื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย
ขณะที่อีกสิ่งหนึ่ง่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นวาบในใจก็คือ ตำราและอาวุธสวรรค์ที่ออกมาจากปากของราชันเซียนไป่เลี่ยน ในที่ลับกระทั่งมีจอมราชันเซียนหวัง กระทั่งจอมเทพต่างมองตากันและกัน
มีคำเล่าลือมานานแล้วว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก มันคือตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นหนึ่ง ฟังว่าตำราและอาวุธสวรรค์คือสุดยอดตำราและอาวุธสวรรค์ของสิบสามทวีป และเป็นของวิเศษประจำสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของตำราและอาวุธสวรรค์จะเป็นจริงหรือเท็จ ไม่มีใครกล้ายืนยันคำตอบได้เต็มร้อย แต่ว่าจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต่างคาดเดาว่ามีตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นนี้อยู่จริงๆ ส่วนจะใช่ตำราและอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งหรือไม่นั้น ก็ไม่อาจยืนยันได้แน่นอนแล้ว
…….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...