หลี่ชิเย่หัวเราะเมื่อเห็นเหมยอ้าวเสวี่ย และกล่าวว่า “ยุคสมัยนี้ทำให้ข้ารู้สึกเหนือความคาดคิดอยู่บ้าง ราชันเซียนรุ่นใหม่ถือกำเนิดขึ้นมากะทันหันอยู่สักหน่อย เก้าแดนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึ?”
เหมยอ้าวเสวี่ยส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “หลังจากใต้เท้าจากไปแล้ว เก้าแดนก็มีความเจริญรุ่งเรืองโดยทั่วไป ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักกับที่ผ่านมา เพียงแต่พลังแก่นฟ้าดินดูจะเข้มข้นมากกว่าเดิม ตามความเห็นของข้า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกมิติ พลังแก่นฟ้าดินของโลกมิติสุดยอดมากปราศจากผู้เทียบเทียม ไม่เพียงบ่มฟักฟ้าดินและยอดอัจฉริยะบุคคล ยังเสริมสร้างเก้าแดนอีกด้วย”
โลกมิติที่เหมยอ้าวเสวี่ยพูดถึงก็คือโลกที่อยู่ภายในประตูมิติ หลี่ชิเย่เคยปลุกเสกให้กับโลกใบนี้ กลายเป็นโลกที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง พูดได้อย่างไม่เป็นการอวดอ้างว่า ความเข้มข้นชองพลังแก่นฟ้าดินในโลกมิตินั้นเป็นสิ่งที่ยากจะจินตนาการได้ มันเสมือนหนึ่งเป็นผืนแผ่นดินแรกเริ่มกำเนิด เพียงพอที่จะบ่มเพาะสรรพชีวิตาของเก้าแดนได้
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและถือว่าไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิด จะอย่างไรเสียโลกที่อยู่ด้านในประตูมิตินั้นเขาเป็นผู้ลงมือปลุกเสกด้วยตนเอง ควบคุมด้วยตนเอง เรียกว่าไม่มีใครที่จะเข้าใจโลกที่อยู่ด้านในของประตูมิติอีกแล้ว
หากจะบอกว่าโลกของประตูมิติหล่อเลี้ยงเก้าแดน ทำให้ชะตาฟ้าของเก้าแดนก่อตัวขึ้นเร็วกว่าปรกติ สิ่งนี้นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่
เมื่อมีการพูดคุยถึงเรื่องเก้าแดน หลี่ชิเย่ กับเหมยอ้าวเสวี่ยพูดคุยสนทนากันอยู่นานมาก คุยกันถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่หลี่ชิเย่ไปจากเก้าแดนแล้ว และพูดคุยกันถึงสหายเก่าบางคน
ขณะเดียวกัน หลี่ชิเย่ก็ได้ชี้แนะเหมยอ้าวเสวี่ยไปบ้าง เกี่ยวกับสภาพทั่วไปของสิบสามทวีป การฝึกบำเพ็ญเพียรในสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่มีการแนะนำไป
แม้ว่าเหมยอ้าวเสวี่ยคือราชันเซียนแล้ว แต่ความรู้แจ้งรู้จริงเกี่ยวกับสิบสามทวีปนั้น หาใช่ราชันเซียนอย่างเขาจะสามารถเทียบเคียงได้ ดังนั้น ภายใต้การชี้แนะของหลี่ชิเย่ ทำให้เหมยอ้าวเสวี่ยได้รับประโยชน์ไม่น้อย ทำให้เมีแนวความคิดในใจเกี่ยวกับการฝึกและบำเพ็ญเพียรในสิบสามทวีปในอนาคต เรียกได้ว่าเหมือนได้แหวกเมฆหมอกออกมาอย่างนั้น
“ไปเดินดูอะไรบ้าง พบราชันเซียนจากตระกูลขุนนางโบราณเจี่ยนหลงบ้างก็ดี” หลังสิ้นสุดการสนทนาแล้ว หลี่ชิเย่ได้สั่งการของเหมยอ้าวเสวี่ย
เหมยอ้าวเสวี่ยลุกขึ้นยืนและคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างลึกซึ้งอีกครั้ง อำลากับทุกๆ คนแล้วจึงได้จากไป เพื่อไปคารวะต่อราชันเซียนของตระกูลขุนนางโบราณเจี่ยนหลง!
“พวกเจ้าหมั่นฝึกฝนให้ดี ข้าจะกักตนสักระยะหนึ่ง” หลังจากที่เหมยอ้าวเสวี่ยจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้กล่าวต่อทุกคนอย่างช้าๆ
ทุกคนไม่กล้ารบกวนหลี่ชิเย่ พวกหลี่ซวงเหยียนคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกด้วยตนเอง ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน
ความจริงแล้วหลี่ชิเย่ไม่ได้กักตนอะไร การที่เขาอำพรางทุกสิ่งก็เพื่อไปยังสถานที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเจียวเหิงโจว ที่ตรงนี้ไม่มีการทำเครื่องหมายสัญลักษณ์ใดๆ ไม่ว่าใครก็ค้นหาสถานที่แห่งนี้ไม่พบ ไม่มีร่องรอยใดๆทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ล้วนแล้วแต่ถูกปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าใครก็หามันไม่พบ การดำรงอยู่ของมันคือปริศนา ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทั้งสิ้น
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้มาถึงตรงนี้แล้วก็ได้รอคอยอยู่เงียบๆ เขารอคอยการมาถึงของคนผู้หนึ่ง
สุดท้ายแล้ว คนที่หลี่ชิเย่ต้องการรอก็ได้มาถึงแล้ว เขามาสายไปบ้าง คนผู้นี้ลึกลับยิ่งนัก เขาก็ปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ชาติกำเนิดของเขา รูปลักษณ์ ร่องรอยการเดินทาง กลิ่นอายของเขา…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่อนุญาตให้ใครได้ล่วงรู้ทั้งสิ้น ทุกอย่างถูกซ่อนเร้นอำพรางไปสิ้นโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลย ต่อให้มีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ก็ไม่สามารถคำนวณผลใดๆ ออกมาได้ เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนแล้วแต่ไม่อนุญาตให้ใครล่วงรู้ทั้งสิ้น
“เจ้ามาสายอีกแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูบุคคลลึกลับที่มาสายนั่น ยิ้มกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะมาสายทุกครั้งเลย ข้ารักษาเวลาได้มากกว่าเจ้า”
“เวลานี้สายตาที่จ้องมองเจ้ากับข้ามากกว่าเก่า กว่าจะมาได้สักครั้งยากเย็นยิ่งนัก พวกเราไม่ควรพบกันถี่มากถึงเพียงนี้” บุคคลลึกลับเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ข้ารู้ บางทีคราวนี้อาจเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก็เป็นได้” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ดังนั้น ก่อนจากไป ข้าคิดว่ามีเรื่องบางเรื่องและสิ่งของบางสิ่งควรจะมอบหมายให้เจ้า และนับเป็นทางหนีทีไล่บางอย่างที่ข้าทิ้งเอาไว้ให้กับโลกใบนี้”
“เจ้าจะไปยังโลกที่ไม่น่าจะดำรงอยู่?” ถึงแม้ว่าหลี่ชิเย่ยังไม่ได้พูดออกมา แต่บุคคลลึกลับก็ทายออกว่าหลี่ชิเย่ต้องการจะทำอะไรแล้ว จะอย่างไรเสีย การที่พวกเขาสามารถวางแผนการใหญ่เช่นนี้ได้ มุมมองเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ จำนวนมากของทั้งสองคนจะไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยการมองการณ์ไกล
“ถูกต้อง สิ่งที่ข้าต้องทำมีมากเหลือเกิน ไม่สามารถให้สิบสามทวีปมารั้งข้าเอาไว้ ในอนาคตข้ายังต้องก้าวเดินให้ไกลยิ่งกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็ต้องไปโลกนี้สักครั้งหนึ่ง มิฉะนั้นล่ะก็ ไม่ว่าใครก็ไม่มีความมั่นใจสำหรับการสู้รบให้ถึงที่สุด มิฉะนั้นล่ะก็คงไม่มีผู้คนมากมายต้องสลายไป” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ท่าทีของเขาก็ดูจะหนักแน่นจริงจัง
สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น บุคคลลึกลับเองก็นิ่งเงียบ ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้แบกภาระไว้เท่าไร เนื่องจากเขาเท่านั้นที่เป็นผู้สู้รบจนกระทั่งคนสุดท้าย คนอื่นๆ ทำไม่ได้ เฉกเช่นตัวเขาก็ทำไม่ได้ เนื่องจากเบื้องหลังของเขามีพันธนาการยิ่งกว่า เขาทำไม่ได้เหมือนอย่างหลี่ชิเย่ เข่นฆ่าให้ถึงที่สุด!
“การสู้รบถึงที่สุดอาจจะไม่มีคำตอบตลอดไป และไม่มีจุดจบตลอดกาล นับตั้งแต่ยุคขมุกขมัวถึงปัจจุบัน ไม่มีใครทำได้สำเร็จ” บุคคลลึกลับเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ข้ารู้ แต่ว่า ข้ายังคงจะทำต่อไป” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ข้าถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องเดินทางไกล หันหลังให้กับโลก นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องไปทำ เรื่องนี้จะอย่างไรเสียก็ต้องมีคนไปทำ ถ้าหากไม่มีใครไปทำแล้วยังจะหวังพึ่งใครได้? ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืด หรือว่าสวรรค์โจร? ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดเป็นเพียงพวกขี้ขลาดตาขาวกลุ่มหนึ่งเท่านั้น วันนี้พวกเขายังไม่กล้าก้าวออกมา อนาคตยิ่งไม่ต้องไปหวังว่าพวกเขาจะสามารถก้าวออกมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...