“โลกช่างยากเข็ญเหลือเกิน ข้าบอกได้แต่เพียงเท่านี้” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ขณะจ้องมองที่ตัวของบุคคลลึกลับ “แต่ว่า แม้ว่าข้าจะไปจากแล้วก็จริง บนเส้นทางสายนี้ก็ไม่ได้มีเพียงเจ้าที่เดินอยู่ลำพังคนเดียว จงจำเอาไว้ ยังมีกองทัพกระเรียนขาว”
“กองทัพกระเรียนขาว” บุคคลลึกลับเอ่ยขึ้นมาช้าๆ “เจ้าเคยเอ่ยถึงมาแล้วตั้งแต่ครั้งนั้น เจ้าวางแผนอยู่กับกองทัพนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ครั้งกระนั้น หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ครั้งนั้นเจ้าได้เผาทำลายรายชื่อทิ้งไปหมดแล้ว”
“ดังนั้น มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ถึงรายชื่อของกองทัพกระเรียนขาว” หลี่ชิเย่หัวเราะและชี้ไปที่ศีรษะของตน และกล่าวว่า “เวลานี้ ในสิบสามทวีป นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครรู้ถึงสภาพโดยรวมของกองทัพกระเรียนขาวได้อีก”
“แต่ว่า เจ้าก็จะต้องรู้อยู่แล้ว” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “อนาคตไม่เพียงเป็นเจ้าที่ก้าวเดินหน้าต่อไป ยังมีกองทัพกระเรียนขาวก็จะติดตามเจ้าก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่เจ้าจะได้นั่งเป็นบุคคลระดับผู้นำกองทัพของกองทัพกระเรียนขาว”
“แต่ว่า เจ้าไม่บอกรายชื่อของกองทัพกระเรียนขาวต่อข้าแน่นอน” บุคคลลึกลับก็หัวเราะออกมา พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันมานานขนาดนี้ ยังมีอะไรที่เขาไม่เข้าใจในตัวอีกาทมิฬอีกรึ?
“ถูกต้อง ข้าจะไม่บอกแก่เจ้าแน่นอน” หลี่ชิเย่ ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ใช่ว่าข้าไม่ไว้ใจเจ้า เพียงแต่จะบอกว่าประตูมีหู คงมีสักวัน เจ้าก็จะได้รู้ถึงสมาชิกของกองทัพกระเรียนขาวทั้งหมด”
“เช่นนั้นแล้วข้ารอจนถึงวันนั้นมาถึงก็แล้วกัน” บุคคลลึกลับก็หัวเราะ และไม่ได้ใส่ใจ จะอย่างไรเสียความไว้ใจระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยหมึกและพู่กันมาบรรยาย การที่หลี่ชิเย่ทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเขา
“สมควรแก่เวลาที่ต้องปรากฏ ย่อมจะปรากฏตัวออกมาเอง เจ้าจดจำคำพูดของข้าเพียงคำเดียวก็พอ” หลี่ชิเย่มองไปที่บุคคลลึกลับ และกล่าวว่า “เมื่อเรื่องราวผิดปรกติ ย่อมต้องเป็นเรื่องแปลก”
“ข้าจะจดจำเอาไว้” บุคคลลึกลับกล่าวพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
เรื่องราวเกี่ยวกับกองทัพกระเรียนขาวเป็นเรื่องลึกลับตลอดมา อย่าว่าแต่ที่เก้าแดนเลย แม้แต่ในสิบสามทวีปผู้ที่รู้ก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ความจริงแล้ว แม้แต่พวกเขาที่ร่วมมือกันอย่างแนบแน่นไร้ที่ติเช่นนี้ แต่หลี่ชิเย่ไม่เคยเปิดเผยสมาชิกของกองทัพกระเรียนขาวคนใดๆ ให้เขาได้รับรู้เลย
“การเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายจะเริ่มเมื่อไร?” หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง บุคคลลึกลับได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ต้องมีวันนั้นแน่นอน แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หนทางยาวไกลนับว่าไม่ง่าย เมื่อสู้รบถึงที่สุดเวลานั้น บางทีอาจสมควรแก่เวลาที่สู้เพื่อชี้ขาดไปเลย เรื่องบางเรื่องไม่ว่าใครก็บอกไม่ถูก เฉกเช่นอเวจีในครั้งนั้น เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตาม คงไม่ต้องการเห็นอเวจีที่สองอีกกระมัง!”
ท่าทีของบุคคลลึกลับดูจะหนักแน่นจริงจังขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึง ‘อเวจี’ คำนี้ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากปรากฏอเวจีสองขึ้นมาล่ะก็ เป็นเรื่องใหญ่อย่างแท้จริงเลยล่ะ!”
“ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เท่านั้น มันคือเรื่องใหญ่เท่าฟ้าเลยล่ะ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “ดังนั้น จึงบอกได้ว่าการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายต้องมีแน่นอน แต่ไม่ใช่เวลานี้ ข้าไม่ต้องการให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นกลางคัน”
“แต่ว่า เรื่องบางเรื่องอยู่เหนือการควบคุม เจ้าไม่ริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่กระทำการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายขึ้นมาแทน เป็นต้นว่าพระใหญ่องค์นั้น” บุคคลลึกลับกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
“เขาทำแน่ ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องริเริ่มให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายอยู่แล้ว เกรงว่าจะกระทำการก่อนหน้าข้าเสียอีก” หลี่ชิเย่พยักหน้า กล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “แต่ว่า เขาไม่ไหว แม้ว่าเขาจะเข้าใจไปเองว่าสามารถสู้รบจนถึงที่สุด”
“อย่าลืมไปสิ เพื่อศึกในครั้งนี้ เขาเตรียมการมานานมากๆ แล้ว” บุคคลลึกลับกล่าวช้าๆ ว่า “เพื่อศึกในครั้งนี้ เขาใช้เวลาในการเตรียมการยาวนานมากกว่าเจ้าเสียอีก!”
“เรื่องนี้ข้ารู้” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เรื่องบางเรื่องใช่ว่าใช้เวลานานแล้วจะได้ผล และอย่าลืมไปว่าตัวเขาไม่นับเป็นยุคสมัยของพวกเรา เขามีความบกพร่องแต่กำเนิด มิฉะนั้นล่ะก็ การที่เขาได้สั่งสมมาอย่างยาวนานคงไม่หยุดอยุ่เพียงเท่านี้ คิดจะสู้รบให้ถึงที่สุด ณ สุดปลายทางของโลก ท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องยุคสมัยของพวกเราที่เป็นผู้นำ หาไม่แล้วล้วนแล้วแต่เป็นเพียงบุปผาท่ามกลางเมฆหมอก ดวงจันทราที่อยู่ในน้ำ”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้บุคคลลึกลับนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานมาก สุดท้าย เขาจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ศึกครั้งนี้หากเจ้าเป็นผู้ได้รับชัยชนะ เจ้าจะให้สิ่งใดมาทดแทน ตัวเจ้าเองรึ?”
“เจ้าคิดมากไปแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมา เขาหัวเราะพลางส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะไปทำเรื่องที่น่าเบื่อเช่นนี้อย่างนั้นรึ? อีกอย่าง เฉกเช่นข้าที่เป็นมือมืด ต่อให้เข้าไปแทนที่แล้วโลกนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงรึ? คงเปลี่ยนแปลงไม่มาก”
“เช่นนั้นเจ้าจะให้สิ่งใดทดแทน?” บุคคลลึกลับยังคงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทีของเขาหนักแน่นจริงจังมาก ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลาย
“มโนธรรม” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “ในโลกนี้อะไรที่หลอกไม่ได้? คงมีเพียงมโนธรรมเท่านั้น!”
“มโนธรรม!” บุคคลลึกลับเพ่งสองตาไปข้างหน้า นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาได้แต่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ อย่าลืมสิ มันคือสิ่งที่ทำให้เป็นจริงไม่ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...