ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 2122

เสียงตูม…ดังสนั่นไม่ขาดสาย ฟ้าดินสั่นไหวโคลงแคลง เทพธิดาเก็บจันทราพยายามลากชะตาฟ้าสิบสองสายอย่างเต็มที่ ภายใต้พลังที่พาลอย่างที่สุดของนาง ชะตาฟ้าสิบสองสายถูกนางลากจนเคลื่อนตัวลงมาทีละน้อยๆ

“นี่ นี่ต้องการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งเดียวสิบสองสายอย่างนั้นรึ?” มีผู้ที่มองดูความทะเยอทะยานเช่นนี้ของเทพธิดาเก็บจันทราแล้ว ถึงกับกล่าวด้วยความตระหนกว่า “ถ้าหากสืบทอดชะตาฟ้าได้ครั้งหนึ่งสิบสองสาย สามครั้งมิเท่ากับสามสิบหกสายรึ แล้วยังจะมีผู้ใดในหล้าสามารถต่อกรได้อีก”

ความจริงแล้ว แม้แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังบางส่วนก็รู้สึกตกใจ เมื่อเห็นว่าเทพธิดาเก็บจันทราต้องการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งเดียวถึงสิบสองสาย มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“นี่มันออกจะพาลเกินไปแล้วกระมัง” จอมราชันระดับล่างที่มองเห็นเทพธิดาเก็บจันทราพยายามลากชะตาฟ้าสิบสองสายความกำแหง จึงกล่าวว่า “หรืออีกาทมิฬไม่ทราบหรือว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะสืบทอดชะตาฟ้าได้สิบสองสายในครั้งเดียวรึ? การทำเช่นนี้ไม่กลัวว่าจะนำมาซึ่งสวรรค์ลงทัณฑ์รึ?”

“มันก็ไม่แน่” ดวงตาทั้งสองของจอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ผู้หนึ่งดูลึกล้ำยิ่งนัก มองดูเทพธิดาเก็บจันทราที่พยายามดึงชะตาฟ้าสิบสองสายเอาไว้โดยไม่ยอมปล่อย ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “อีกาทมิฬอาจอธิฐานอยู่เงียบๆ เรื่องนี้บางทีอาจมีความเป็นไปได้ เนื่องจากในนี้มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่ง”

“ตำนานอะไร?” จอมราชันระดับล่างเอ่ยถามขึ้น

“ตามตำนานเล่าวว่า ในสมัยอดีตที่เนิ่นนานมากมาแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จอมราชันของสิบสามทวีปกับราชันเซียนเก้าแดนจะเหมือนกัน สามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ในครั้งเดียว” แววตาที่ลึกล้ำของจอมราชันระดับสูงผู้นี้เต้นกระตุกทีหนึ่ง

“สืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสายในครั้งเดียว…” จอมราชันระดับล่างผู้นี้กล่าวด้วยความตระหนกว่า “ครั้งเดียวสืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสาย นั่นมิเท่ากับสามครั้งสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสามสิบหกสายน่ะสิ!”

“ชะตาฟ้าหาใช่เป็นการบวกลบคูณหาร” จอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สิบสองชะตาฟ้าคือที่สุด และก็คือที่สุดของจอมราชันเซียนหวังอย่างพวกเรา เจ้าจะสืบทอดภายในครั้งเดียวก็ดี แบ่งการสืบทอดออกเป็นสามครั้งก็ช่าง ก็จะไม่เกินไปกว่าชะตาฟ้าสิบสองสาย ยังไม่มีใครสามารถทำลายขีดสูงสุดนี้ได้…”

“…แต่ว่า ตามตำนานเล่าวว่า แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้เป็นเช่นนี้” จอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ผู้นี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “มีการเล่าลือกันว่า แรกทีเดียวจะเป็นการสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งเดียว ไม่เหมือนเช่นปัจจุบันที่แบ่งการสืบทอดออกเป็นสามครั้ง”

“มีจอมราชันเซียนหวังที่สืบทอดชะตาฟ้าในครั้งเดียวจริงๆ รึ?” จอมราชันระดับล่างผู้นี้ไม่ค่อยอยากจเชื่อ และกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้กระมัง ไม่เคยได้ยินว่ามีใครเคยสืบทอดชะตาฟ้าภายในครั้งเดียว”

จอมราชันระดับล่างผู้นี้แม้ว่ามีชะตาฟ้าจำนวนไม่มาก แต่ก็มีชีวิตมาค่อนข้างยาวนาน รับรู้เรื่องราวมาไม่น้อย แต่ว่าเขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเคยมีจอมราชันเซียนหวังคนไหนที่เคยสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งเดียว

“ลือกันว่าเป็นจอมราชันผู้หนึ่ง” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว จอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เคยมีการเล่าลือกันว่ามีคนผู้หนึ่งสามารถทำได้สำเร็จ คนผู้นั้นก็คือราชันเทพชิงมู่!”

“ราชันเทพชิงมู่!” จอมราชันระดับล่างผู้นี้ตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ คำเล่าลือเกี่ยวกับราชันเทพชิงมู่มีมากเหลือเกิน มากจนไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นต้นว่า มีการเล่าลือว่าราชันเทพชิงมู่อาจได้สืบทอดชะตาดั้งเดิมถึงสี่สาย และก็มีคำเล่าลือว่า ราชันเทพชิงมู่ก้าวเดินไปได้ไกลกว่าองค์จอมราชันใดๆ

“เป็นเรื่องจริงรึ? ราชันเทพชิงมู่ได้สืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวสิบสองสายในครั้งเดียวจริงรึ?” น้ำเสียงของจอมราชันระดับล่างผู้นี้ไม่ค่อยอยากเชื่อนักเมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ความจริงแล้วมีน้อยคนนักที่เคยเห็นราชันเทพชิงมู่

“ไม่กล้ายืนยัน” จอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ผู้นี้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “แต่ที่สามารถมั่นใจก็คือ การแบ่งการสืบทอดชะตาฟ้าออกเป็นสามครั้งนั้น ผู้ริเริ่มก็คือราชันสวรรค์เฉี่ยนเต้า”

“ปฐมบรรพบุรุษของตระกูลเฉี่ยน ผู้ก่อตั้งตระกูลเฉี่ยน” จอมราชันระดับล่างผู้นี้กล่าวว่า “ลือกันว่าเป็นจอมราชันที่เก่าแก่โบราณที่สุด”

ประวัติศาสตร์ของตระกูลเฉี่ยนนั้นเก่าแก่ยิ่งนัก แม้ว่าจะไม่ใช่สำนักแรกที่เป็นหนึ่งสำนักเก้าราชัน แต่กล่าวได้ว่าคือหนึ่งในสำนักที่เก่าแก่ที่สุดของสิบสามทวีป

ราชันสวรรค์เฉี่ยนเต้า ผู้ก่อตั้งตระกูลเฉี่ยน เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเก้าสายในครอบครอง ไม่นับว่าโดดเด่นมากนัก แต่ตามตำนานเล่าว่าเขาคือจอมราชันองค์ที่สองสืบต่อจากราชันเทพชิงมู่ ดังนั้น จอมราชันอย่างเขาจึงมีความหมายที่ไม่ธรรมดา

เนื่องจากราชันเทพเฉี่ยนเต้าคือจอมราชันคนที่สองสืบต่อจากราชันเทพชิงมู่ กล่าวได้ว่าเขาคือผู้ที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบันของสิบสามทวีป เป็นผู้ที่เป็นพยานให้กับประวัติอันยาวนานของสิบสามทวีปได้ กระทั่งมีตำนานเล่าว่า ราชันสวรรค์เฉี่ยนเต้าเป็นหนึ่งเดียวในจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดที่มั่นใจได้ว่าเป็นผู้ที่เคยพบเจอกับราชันเทพชิงมู่มาก่อน!

“มีคำเล่าลือเล่ากันว่า ราชันเทพชิงมู่เคยสืบทอดชะตาฟ้าได้สิบสองสายในครั้งเดียว และมีคนเห็นว่าครั้งนั้นราชันสวรรค์เฉี่ยนเต้าเคยทดลองสืบทอดชะตาฟ้าหกสายในครั้งเดียวแต่ประสบความล้มเหลว ต่อมาภายหลังได้รับการถ่ายทอดวิธีการสืบทอดชะตาฟ้าโดยแบ่งออกเป็นสามครั้ง” จอมราชันระดับสูงที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ผู้นี้ได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สามารถยืนยันได้แน่นอนก็คือ อย่างน้อยที่สุดการแบ่งสืบทอดชะตาฟ้าออกเป็นสามครั้งเริ่มต้นจากราชันสวรรค์เฉี่ยนเต้าแน่นอน ส่วนราชันเทพชิงมู่จะสืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสายในคราวเดียวหรือไม่นั้น ยังต้องรอการศึกษา” ไอลีนโนเวล

“ลงมา…” แต่แล้ว ยิ่งหลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ เทพธิดาเก็บจันทรายิ่งจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม นางเป็นคนที่มีนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้แหละ อีกทั้งนางไม่เคยยอมให้กับใครตลอดมาอยู่แล้ว ซึ่งจุดนี้นางมีส่วนคล้ายกับราชันเซียนหญิงหงเทียนมาก พวกนางทั้งสองต่างก็ไม่เคยยอมให้กับใครอยู่แล้ว ทุกครั้งที่พบหน้ากันหากไม่ลงมือต่อสู้กันก็ต้องทะเลาะกัน พวกนางทั้งสองไม่เคยมีใครลงให้กับใครมา ไม่มีใครอ่อนข้อให้กับใคร

ตูม…เสียงดังสนั่น จากการที่เทพธิดาเก็บจันทราคำรามเสียงดังออกมา พลังลมปราณทั่วร่างปะทุขึ้น อักขระยันต์ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งออกมา เสมือนดั่งเป็นน้ำหลากที่เทราดลงมาอย่างนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวนั่นเองเทพธิดาเก็บจันทราได้ปะทุอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรออกมา กลิ่นอายดึกดำบรรพ์ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในหล้าตลบอบอวลอยู่รอบๆ ตัวของนาง เหมือนว่ามีพลังดึกดำบรรพ์ระเบิดออกมาจากภายในร่างกายของนางอย่างนั้น

ได้ยินเสียงท่วงทำนองเซียนดังแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ขึ้นมา นาทีนี้ ด้านหลังของเทพธิดาเก็บจันทราได้พวยพุ่งประกายเซียนเป็นสายออกมาส่องสว่างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน พริบตาเดียวนั่นเองท่วงท่าดั่งเซียนของเทพธิดาเก็บจันทรายิ่งดูหลุดจากความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ดูเหมือนเป็นเซียนแท้จริงจริงๆ ไม่แปดเปื้อนกิเลส ล่องลอยหลุดพ้นจากโลกีย์มนุษย์

ท่ามกลางประกายเซียน ปรากฏอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ที่ตรงนั้นเสมือนดั่งเป็นแคว้นเซียนอย่างนั้น ลึกเข้าไปภายในแคว้นเซียนมีเมืองโบราณเมืองหนึ่งตั้งอยู่ ปรากฎสัจธรรมลอยล่องบริเวณเมืองโบราณนั่น ทุกสรรพสิ่งถูกซ่อนเร้นอำพราง ดูเลือนรางเป็นยิ่งนัก แม้ว่าจะดูสลัวยังคงระเบิดพลังที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา เหมือนว่าสัจธรรมฟ้าดินล้วนแล้วแต่กำเนิดจากที่ตรงนี้ เมืองโบราณแห่งนี้สามารถวิวัฒนาการทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเป็นนิรันดร์ แม้แต่จอมราชันเซียนหวังก็ยากจะมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“เมืองสัจธรรมเซียนรึ?” แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังมีดวงตาที่เบิกกว้าง เมื่อมองเห็นแคว้นเซียนอันเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณ ซึ่งปรากฏขึ้นมาด้านหลังของเทพธิดาเก็บจันทรา จอมราชันเซียนหวังทุกคนต่างเปิดเนตรฟ้าของตนเองขึ้นมา เพื่อหวังจะมองข้ามสิ่งที่ไร้ตัวตนมุ่งตรงไปยังต้นกำเนิด พวกเขาต่างต้องการไล่ย้อนสัจธรรมกลับไป เพื่อต้องการมองให้รู้ว่าสิ่งที่ปรากฎอยู่ด้านหลังเทพธิดาเก็บจันทราคือเมืองสัจธรรมเซียนที่แท้จริงหรือไม่

เมืองสัจธรรมเซียนดำรงอยู่ในฐานะเป็นตำนาน เล่าลือกันว่าเมืองสัจธรรมเซียนคือหนึ่งในเก้าของสมบัติสวรรค์นพเก้า แต่เท็จจริงอย่างไรนั้น ผู้คนจำนวนมากก็ไม่แน่ใจนัก เนื่องจากไม่เคยมีใครเคยเห็นเมืองสัจธรรมเซียนที่แท้จริงมาก่อน!

จะโทษจอมราชันเซียนหวังที่เกิดความสงสัยว่าสิ่งนี้เคือเมืองสัจธรรมเซียนก็ไม่ถูก เพราะปรากฎการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นด้านหลังเทพธิดาเก็บจันทราในขณะนี้ ช่างเหมือนกับเมืองสัจธรรมเซียนที่อยู่ในตำนานมากเหลือเกิน!

หากจะกล่าวว่า ผู้หญิงคนหนึ่งมีเมืองสัจธรรมเซียนที่เป็นหนึ่งในสมบัติสวรรค์นพเก้าอยู่ในครอบครอง มันช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ไม่ว่าใครก็ต้องหัวใจเต้นตูมตาม

ถ้าหากว่าเวลานี้ไม่มีอีกาทมิฬอยู่ในเหตุการณ์ เกรงว่าคงมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากที่อดกลั้นไม่ไหว จะต้องถามไถ่จากเทพธิดาเก็บจันทราให้ชัดเจนว่า สิ่งนี้คือเมืองสัจธรรมเซียนที่แท้จริงใช่หรือไม่

…………………………..